ดั๊ก โจนส์ กับ 10 บทบาทอสุรกายที่น่าจดจำ

Movie News5 กุมภาพันธ์ 2561

           ในวงการฮอลลีวู้ด ถ้าจะถ่ายทำหนังโมชั่นแคปเจอร์ต้องนึกถึงแอนดี้ เซอร์คิส ในฐานะนักแสดงผู้เชี่ยวชาญในระบบนี้ แต่ในฮอลลีวู้ดก็ยังมีนักแสดงเฉพาะทางอีกคนหนึ่ง ที่น้อยคนจะรู้จักเพราะเขาแทบไม่เคยได้แสดงหนังเรื่องไหนด้วยใบหน้าตัวเองเลย ดั๊ก โจนส์ คือนักแสดงชาวอเมริกันวัย 58 ปี แสดงทั้งหนังโรงและทีวีมาแล้วกว่า 160 เรื่อง ยังไม่รวมถึงภาพยนตร์โฆษณาและมิวสิควีดีโออีกมากมายนะ แต่งานส่วนใหญ่ของเขามักจะปรากฏตัวบนจอด้วยเมคอัพหนัก ๆ เพราะบทที่เขาได้รับมักจะเป็นสัตว์ประหลาด หรือ อสุรกายเสียเป็นส่วนใหญ่ เหตุเพราะว่า ดั๊ก มีความสูงถึง 192 ซม. และมีพื้นฐานที่ดีเยี่ยมมาจากการฝึกดัดตนให้ตัวอ่อน และยังเป็นนักแสดงละครใบ้มาก่อนด้วย เลยเชี่ยวชาญอย่างมากในการแสดงออกด้วยภาษากายโดยไม่ใช้เสียงพูด



          แม้ ดั๊ก โจนส์ จะอยู่ในวงการมาตั้งแต่ปลายยุค 80s แต่เขาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการได้มาร่วมงานกับยอดผู้กำกับ กิลเลอร์โม เดลโตโร ที่ชอบสร้างหนังเกี่ยวกับตัวประหลาด ดั๊ก ร่วมงานกับกิลเลอร์โม ครั้งแรกในหนัง Mimic (1997) ในบทอสุรกาย และสร้างความประทับใจให้กับกิลเลอร์โมมาก เลยเป็นการสานสัมพันธ์อันยาวนาน ดั๊ก ได้ไปแสดงในหนังของกิลเลอร์โมอีกใน Pan’s Labyrinth , Hell Boy , The Strain และล่าสุดใน The Shape Of Water ที่ดั๊ก ได้รับบทนำของเรื่องเป็น”มนุษย์น้ำ. จากบทนี้ทำให้ชื่อของดั๊ก โจนส์ เริ่มถูกพูดถึงอีกครั้ง ด้วยความสามารถพิเศษในการแสดง ทำให้ดั๊ก เป็นนักแสดงงานชุกมากถึงแม้คนดูจะไม่รู้จักชื่อก็ตาม แค่ในปี 2018 นี้ ดั๊กมีงานแสดงทั้งซีรีส์และหนังโรงที่เขาร่วมงานด้วยแล้วถึง 9 เรื่อง ถึงตรงนี้เรามาดู 10 บทบาทน่าจดจำของ ดั๊ก โจนส์กัน บางบทเราผ่านตากันไปแต่ไม่รู้หรอกว่านี่คือบทบาทการแสดงของดั๊ก

 

บิลลี่ บัตเชอร์สัน ใน Hocus Pocus (1993)



            ก้าวสำคัญของดั๊กที่ได้แสดงกับสตูดิโอใหญ่อย่างดิสนีย์ บทบิลลี่ บัตเชอร์สัน เป็นผีดิบที่หลับใหลมากว่า 300 ปีแล้วถูกปลุกให้ฟื้นขึ้นมาจากหลุม โดยฝีมือวินิเฟรดเมียเก่าที่เป็นแม่มด , ดั๊กไปออดิชั่นบทบิลลี่ ที่ในบทมีบรรยายถึงบิลลี่ ไว้แค่บรรทัดเดียว แต่ดั๊ก ก็แสดงท่าทางของบิลลี่ที่ตื่นมาจากหลุมได้อย่างประทับใจผู้กำกับและผู้จัดการคัดเลือกตัวแสดง เขาได้บทบิลลี่ทันที และดั๊กยังมีใจคุณธรรมอีก เหตุเพราะเมื่อบิลลี่ ตื่นขึ้นมาเขาด่าวินิเฟรดเมียเก่าว่า "Bitch" ดั๊ก รู้สึกไม่สบายใจกับการสบถคำหยาบในหนังดิสนีย์ เขาเลยเปลี่ยนเป็นทำท่าทำทางแทน หนัง Hocus Pocus ไปได้ไม่ดีในวันที่ออกฉาย แต่กลับไปได้ดีในตลาดหนังดีวีดี กลายเป็นหนังคัลต์ที่มีคนดูเฉพาะกลุ่มชื่นชอบ

 

ลอง จอห์น #2 ใน Mimic (1997)



          หนังอเมริกันเรื่องแรกของ กิลเลอร์โม เดลโตโร และเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์อันยาวนานของ กิลเลอร์โม และ ดั๊ก โจนส์ กับบทบาทของดั๊ก ในภาพลัษณ์ของ Long John ปีศาจแมลงสาบ ที่เกิดจากความผิดพลาดในการทดลอง เมื่อซูซาน นักวิทยาศาสตร์เพาะพันธุ์แมลงสาบที่เป็นพาหะที่จะไปฆ่าเผ่าพันธุ์แมลงสาบ แต่แทนที่จะเป็นไปตามแผน แมลงสาบของซูซานกลับกลายพันธุ์กลายเป็นปีศาจยักษ์ที่ตัวเท่ามนุษย์และสามารถปลอมแปลงรูปร่างให้คล้ายกับมนุษย์ได้อีก แล้วดั๊ก ก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับ กิลเลอร์โม จนกลายเป็นดาราขาประจำในหนังของกิลเลอร์โมตลอดมา

 

ปีศาจกูล ใน Buffy the Vampire Slayer ตอน Hush (1996-2003)



          อีกผลงานโดดเด่นทางด้านทีวีซีรีส์ ที่สร้างชื่อให้กับทั้ง จอส วีดอน ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้กำกับใหญ่ใน The Avengers และ Justice League จอส กำกับและเขียนบทให้กับหลาย ๆ ตอนของ Buffy the Vampire Slayer ซีรีส์ดัง และตอนที่ดั๊ก มาปรากฏตัวนี่คือตอนที่ 10 ของซีซัน 4 เป็นตอนที่กลุ่มปีศาจกูล บุกเข้าเมือง พวกมันมีความสามารถในการขโมยเสียงร้องของผู้คน ขณะที่พวกมันตัดหัวใจเหยื่อออกไป ก็ไม่มีเสียงกรีดร้องสักแอะออกจากปากของเหยื่อ ดั๊ก รับบทเป็นปีศาจกูลที่ตัวสูงที่สุดในแก๊งและได้รับการจดจำมากที่สุด ตอนนี้เป็นตอนที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดถึงฝีมือการเขียนบทของ จอส วีดอน ที่สามารถสร้างสรรค์เรื่องราวให้สนุกได้ โดยแทบไม่ต้องมีบทสนทนาในเรื่อง ส่งให้ซีรีส์ได้รางวัลเอ็มมี่ งานเขียนบทโดดเด่นสำหรับซีรีส์ประเภทดราม่า ซึงก็ต้องยอมรับว่างานแสดงของดั๊ก ก็มีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้

 

ปีศาจแพะ ใน Pan's Labyrinth (2006)



            อีกงานที่เคยสร้างชื่อให้กับ ดั๊ก โจนส์ เมื่อกิลเลอร์โม ประกาศศักดาในผลงานแฟนตาซี 3 ออสการ์ เป็นหนังที่กิลเลอร์โมกลับไปทำงานในสเปน และใช้นักแสดงชาวสเปนทั้งหมด ดั๊ก เป็นนักแสดงอเมริกันรายเดียวที่กิลเลอร์โมเจาะจงให้มารับบทเป็นปีศาจแพะ ปีศาจจอมเจ้าเล่ห์ที่มาคอยล่อหลอกโอฟีเลีย เด็กหญิงตัวเอกของเรื่อง ดั๊ก สามารถทำให้ปีศาจแพะดูมีความน่ากลัวและไร้เดียงสาได้ในคราวเดียวกัน ไม่เพียงแค่บทปีศาจแพะ ในเรื่องนี้ ดั๊ก ยังรับบทเป็น Pale Man ผีตัวซีด ตาบอด ที่เป็นเจ้าของฉากสำคัญสุดของเรื่องนี้อีกด้วย เมื่อหนังประสบความสำเร็จ ดั๊ก โจนส์ ก็เป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะนักแสดงอเมริกันคนเดียวในเรื่องนี้

 

ปีศาจติดเชื้อ ใน Quarantine (2008)



       หนังสยองขวัญที่รีเมคมาจาก REC หนังสเปนของ ฆวม บาลากูเอโร , ดั๊ก รับบทเป็นปีศาจร้ายติดเชื้อ เป็นตัวละครที่น่ากลัวสุด ออกมาในไคลแมกซ์สุดสะพรึงตอนท้ายเรื่อง , ในหนังต้นฉบับ ฆาเวีย โบเทต์ เป็นเจ้าของบทนี้ และเป็นบทที่ได้รับการกล่าวขวัญว่า ออกมาแค่ไม่กี่นาที แต่ก็ทำให้บรรยากาศหนังตึงเครียดสุด และน่าจดจำที่สุด ซึ่งท้ายที่สุด ดั๊ก ก็สามารถถ่ายทอดความน่ากลัวได้ไม่แพ้ต้นฉบับ ทำให้บทปีศาจติดเชื้อนี้กลายเป็นอีกบทบาที่น่าจดจำของดั๊ก

 

เอบ ซาเปียน ใน Hellboy II: The Golden Army (2008)



         ดั๊ก แสดงเป็น เอบ ซาเปียน มนุษย์ประหลาดสายพันธุ์สะเทิ้นสะเทิ้นบก สมาชิกของกลุ่ม B.P.R.D. ซึ่งที่จริงแล้ว ดั๊ก โจนส์ รับบทเป็น เอบ ซาเปียน ใน Hellboy ทั้ง2 ภาค แต่ในลิสต์นี้ เราจำเพาะเจาะจงที่ภาค 2 เหตุเพราะว่าในภาคแรก ดั๊กรับหน้าที่เพียงสวมชุดเท่านั้น แล้วให้ เดวิด ไฮด์ เพียซ ดาราชื่อดังจากวงการซีรีส์มาให้เสียงพากย์ แต่พอถึงภาค 2 ดั๊ก ก็ได้สวมบทเอบ ซาเปียนอีกครั้งและครั้งนี้ดั๊กได้ให้เสียงตัวเองด้วย เป็นการพิสูจน์ว่าไม่มีเหตุผลใดๆ เลยว่าทำไมภาคแรกดั๊กไม่ได้ให้เสียงในบทของตัวเอง ในภาคนี้ ดั๊ก ยังสวมบทบาทเป็น นางฟ้าแห่งความตาย , แชมเบอร์เลน อีกด้วย

 

เกรดี้ เอ็ดลันด์ ใน Fear Itself ตอน skin and bones



           Skin and bones เป็นตอนหนึ่งของซีรีส์ชุด Fear Itself ปี 2008 เรื่องของ เกรดี้ เอ็ดลันด์ ชาวไร่ปศุสัตว์ ที่หายไปในหุบเขากับเพื่อนชายกลุ่มใหญ่ หลายวันต่อมา เกรดี้ กลับมาในสภาพซอมบี้ ผอมโซและหิวกระหาย ผู้เฒ่าอินเดียนแดงบอกว่า เกรดี้ โดนปีศาจดึกดำบรรพ์ของชนเผ่าเว็นดิโกเข้าสิง ซีรีส์กำกับโดย แลรี่ เฟสเซ็นเด็น นับเป็นซีรีส์สยองขวัญที่ดีมากตอนหนึ่ง ดั๊ก โจนส์ รับบทเป็น เกรดี้ เอ็ดลันด์ ตัวเอกของเรื่อง แสดงออกได้ถึงความสับสนในตนเองได้ดีในฉากที่เกรดี้ กลับมาเจอกับเอเลนาเมียของเขาเอง ส่วนหนึ่งคือความผูกพันที่ยังคงอยู่ระหว่างเขากับภรรยาแต่ในขณะเดียวกันก็แฝงความน่ากลัวเกินคาดเดา ว่าจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาตอนไหน ภายใต้ร่างหนังติดกระดูกผอมแห้ง ดั๊ก ก็ถ่ายทอดความน่าสะพรึงออกมาได้ดี นับเป็นฉากที่ชวนลุ้นที่สุด

 

วอลเตอร์ แลมเบิร์ต ใน Absentia (2011)



ผลงานเรื่องแรกของ ไมค์ ฟลานาแกน ผู้กำกับหนังสยองขวัญยุคใหม่ที่โด่งดังจาก Oculus , ดั๊ก รับบทเป็น วอลเตอร์ แลมเบิร์ต ชายผู้หายสาบสูญในในอุโมงค์ลึกลับข้างบ้าน ที่เกี่ยวพันกับอาถรรพ์จากโลกอดีต นับเป็นการปรากฏตัวน้อยครั้งบนจอภาพยนตร์ของดั๊ก ที่ได้โชว์รูปร่างหน้าตาของตัวเอง ที่ไม่ต้องถูกบดบังด้วยชุดสัตว์ประหลาดหรือเมคอัพหนา ๆ บท วอลเตอร์ แลมเบิร์ต ของเขาต้องแสดงออกถึงการเป็นเหยื่อที่น่าสงสารและสติแตกในคราวเดียวกัน , เนื้อหาของ Absentia ยังพูดถึงกระจกปีศาจที่โยงใยไปถึงเรื่องราวใน Oculus อีกด้วย

 

The Ancient ใน The Strain (2014)



         อีกครั้งที่เขาได้ร่วมงานกับผู้กำกับกิลเลอร์โม เดลโตโร ใน The Strain ซีรีส์สยองขวัญที่เป็นผลงานอำนวยการสร้างของกิลเลอร์โม เอง เรื่องของแวมไพร์ดึกดำบรรพ์ที่กลับมาหวังสร้างอาณาจักรและเผ่าพันธุ์ตัวเองอีกครั้งในโลกปัจจุบัน กิลเลอร์โม วางตัวดั๊ก ในบทสำคัญของเรื่อง ดิ แอนเซียนต์ แวมไพร์ตัวบอส แต่ดั๊กก็ติดงาน Falling Skies ซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งอยู่ ก็เลยมารับบทประจำให้กิลเลอร์โมไม่ได้ แต่ดั๊ก ก็ยังอยากที่จะร่วมงานกับกิลเลอร์โมในเรื่องนี้ ก็เลยมารับบทเป็นดิแอนเซียนต์ได้ในบางตอน และบางตอนก็มารับบทเป็นเดอะ มาสเตอร์ แวมไพร์ตัวรองๆ ด้วยเช่นกัน

 

ซารู ใน Star Trek: Discovery



             ซีรีส์ตอนใหม่ล่าสุดของจักรวาลสตาร์เทร็ค ดั๊ก รับบทเป็นตัวสำคัญของเรื่องนาม ซารู เป็นชาวเคลเปียน เผ่าพันธุ์ที่ล่าเหยื่อเป็นอาหารในดาวบ้านเกิดตัวเอง, ดั๊ก โจนส์ ยังคงโชว์ความสามารถทางการแสดงให้เห็นเช่นเคย เขาเติมเต็มบทของซารูได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้ซารูเป็นตัวละครที่มีทั้งความเปลี่ยวเหงา มีเสน่ห์น่าสนใจ จนขโมยซีนตัวละครนำอย่างไมเคิล เบิร์นแฮม ด้วยเหตุเพราะ ชาวเคลเปียน เป็นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นในจักรวาลสตาร์เทร็ค ดั๊กเลยใช้ประสบการณ์ในการทำงานมาหลายทศวรรษมาร่วมสร้างสรรค์แนวทางของตัวเองลงไปในตัวละครนี้ได้เต็มที่ ดั๊กทำงานร่วมกับฝ่ายออกแบบและผู้เชียนบทในการสร้างสรรค์ตัวละครซารูของเขาออกมาได้น่าสนใจมากกว่าที่บรรยายไว้ตอนเป็นตัวหนังสือในบทภาพยนตร์ นับได้ว่า ซารู เป็นงานแสดงระดับมาสเตอร์พีซของดั๊ก โจนส์