เสน่ห์ของหนังสัตว์ประหลาด สู่เทพนิยายรักใน The Shape of Water
ด้วยการผสมผสานหนังหลายแนวเข้าด้วยกัน ตั้งแต่หนังมิวสิคัลอันมีชีวิตชีวาไปจนถึงหนังฟิล์มนัวร์ชวนระทึก "The Shape of Water - เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์" ได้พาเรากลับไปสำรวจและฟื้นเสน่ห์ของหนังสัตว์ประหลาดที่เล่นกับอารมณ์ดิบของเรา ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความรู้สึกถูกทอดทิ้ง และการสัมผัสถึงอันตราย รวมไปถึงความอยากรู้อยากเห็น ความเกรงขาม และความปรารถนา
เช่นเดียวกับหลายคน ผู้กำกับ กิลเลอร์โม เดล โตโรเติบโตมากับมนตร์เสน่ห์อันหม่นมืดของสัตว์ประหลาดยุคคลาสสิกจาก Universal Studios ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หมาป่าผู้กลายร่างโดยไม่เต็มใจ แฟรงเคนสไตน์ผู้ไร้เดียงสาและถูกขับไล่โดยชาวบ้านผู้เกรี้ยวกราด แดรกคิวลาผู้เย้ายวนใจและมุ่งสนองความกระหายอันผิดบาปของตน และสัตว์ประหลาดจากบึงดำ สิ่งมีชีวิตครึ่งบกครึ่งน้ำยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่โผล่ออกมาจากทะเลเพื่อหาคู่
สัตว์ประหลาดเหล่านี้มีบางสิ่งที่ปลุกเร้าและเชื่อมโยงกับส่วนลึกของคนเราได้อย่างน่าแปลกใจ พวกเขาถูกรังแกโดยฝูงชนถือคราดเพียงเพราะแตกต่างจากคนอื่นและถูกบังคับให้ต้องหลบมุมอยู่ตามลำพังที่ชายขอบของสังคมในปราสาทอันห่างไกล ในป่า หรือในแม่น้ำ ทั้งหมดล้วนอยู่ในสภาวะเปลี่ยนผ่าน ครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ อีกครึ่งหนึ่งเป็นอย่างอื่น ทุกคนที่รู้สึกถูกตัดขาดจากสังคมจะเข้าใจสภาวะแบบนี้ดี แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าและไร้อำนาจที่จะต่อกรกับความต้องการอันไร้ที่สิ้นสุดของร่างกายและความคิดจิตใจของตนเอง
ในบรรดาสัตว์ประหลาดอันมีชื่อเสียงเหล่านั้น ตัวที่สร้างความซาบซึ้งสะเทือนใจมากที่สุดเห็นจะเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทปลาผสมสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่มีร่างคล้ายมนุษย์จาก Creature from the Black Lagoon (1954) กำกับโดยแจ็ค อาร์โนลด์ นำแสดงโดยเบน แชพแมน (บนบก) และริคู บราวนิง (ใต้น้ำ) ในบทกิลล์แมนหรือมนุษย์ปลาผู้น่าเศร้าและเป็นสมาชิกตัวสุดท้ายของสายพันธุ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์นี้ สัตว์ประหลาดที่อันตรายและเปล่าเปลี่ยว ถูกเกลียดชังและโหยหาความรัก ได้มอบทั้งความประทับใจและความกลัวให้แก่ผู้ชม
แนวคิดในการทำหนังเรื่อง The Shape of Water เริ่มต้นขึ้นในปี 2011 เมื่อเช้าวันหนึ่ง ผู้กำกับ กิลเลอร์โม เดล โตโรและเดเนียล เคราส์ ผู้ร่วมเขียนหนังสือเด็กเรื่อง Trollhunters กับผู้กำกับรายนี้ ได้นัดกินมื้อเช้าด้วยกัน เคราส์เอ่ยถึงแนวคิดสมัยเขาเป็นวัยรุ่น เกี่ยวกับภารโรงหญิงในอาคารของรัฐบาลที่แอบผูกมิตรกับคนครึ่งบกครึ่งน้ำที่ถูกจับไว้เป็นตัวอย่างในห้องทดลอง และเธอก็ตัดสินใจที่จะช่วยให้เขาเป็นอิสระ เดล โตโร ชอบแนวคิดนี้มากจนพูดออกมาทันทีว่าอยากนำมาทำเป็นหนังเรื่องต่อไป มันดูเป็นเรื่องราวแบบเทพนิยายซึ่งตรงกับที่เขาเสาะหามานาน จากการพบกันครั้งนั้น พวกเขาจึงได้ตกลงร่วมกันเขียนนวนิยาย และเดล โตโร จะเป็นผู้เขียนบทและกำกับหนัง
ณ จุดนั้น เดล โตโร ยังคงทำหนังบล็อคบัสเตอร์เกี่ยวกับหุ่นยักษ์และสัตว์ประหลาดอย่าง Pacific Rim (2013) แต่เมื่อปลีกเวลามาอยู่ตามลำพังได้ เขาก็นำเอาอิทธิพลจากหนังสัตว์ประหลาดยุคคลาสสิกอย่าง Creature from the Black Lagoon มาเขียนบทหนังซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและในที่สุดก็ได้ชื่อว่า The Shape of Water นั่นเอง
"The Shape of Water - เดอะ เชพ ออฟ วอเทอร์" การันตีด้วยการคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม และ ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม จากเวทีลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 75 พร้อมได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 12 สาขา จาก BAFTA AWARDS และเข้าชิง 13 สาขา จาก ACADEMY AWARD วันนี้ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างซับไทย