หนึ่งในทีมงานที่ได้รับความนิยมมากในกองถ่ายคือช่างแต่งหน้าสเปเชียล เอฟเฟ็กต์เจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด "คริสโตเฟอร์ เนลสัน" ผู้ซึ่งผลงานของเขาในภาพยนตร์ต่างๆ เช่น Suicide Squad และแฟรนไชส์ Kill Bill ไปจนถึงซีรีส์โทรทัศน์อย่าง including American Horror Story และ The Walking Dead ทำให้เขาได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ทำงานเบื้องหลังและนักแสดงไม่ต่างกัน ในการทำตามแนวทางของกรีนที่ว่า ความกลัวที่น่ากลัวที่สุดคือความกลัวที่อยู่นอกเหนือจากรัศมีกล้อง เนลสันก็รักษาสมดุลที่ละเอียดอ่อนในการถ่ายทอดความกลัวที่ร้ายแรงที่สุดของเรา...โดยไม่ยอมใช้ความน่าสยดสยองเป็นเครื่องมือที่ง่ายดาย

           ตั้งแต่นาทีแรกที่เนลสันได้พบกับผู้อำนวยการสร้าง ความรู้และความรักที่เขามีต่อทุกสิ่งที่เป็น Halloween ก็ปรากฏชัด เขาเล่าว่า “ผมได้บอกพวกเขาถึงไอเดียของผมสำหรับการออกแบบหน้ากากและเอฟเฟ็กต์อื่นๆ ในหนัง...รวมถึงคอนเซ็ปต์ที่เดวิดมีในใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไงด้วย เราทุกคนคลิกกันครับ และพวกเขาก็ตระหนักว่าผมจะรักและทุ่มเทให้กับโปรเจ็กต์นี้ขนาดไหน” เมื่อเกิดความสงสัย เนลสันจะดึงแรงบันดาลใจมาจากการตัดสินใจด้านงานสร้างสรรค์ของ "ทอมมี วอลเลซ" ผู้ออกแบบงานสร้างของคาร์เพนเตอร์ในภาคแรก เขาอธิบายว่า "ทอมมีทำให้หน้ากากนั้นเรียบง่าย แต่ลักษณะที่มันพอดีกับหน้าของนิค คาสเทิลและลักษณะที่เขาเคลื่อนไหวตอนใส่หน้ากากคือสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อลุคของเขา คุณไม่มีทางจะจำลองใบหน้านั้นได้เลย ความว่างเปล่าและโศกนาฏกรรมนั้น ความรู้สึกของคุณตอนที่คุณได้มองหน้ากากนั้นเป็นครั้งแรกน่ะครับ"

        แม้ว่ามันจะกลายเป็นตำนานเล่าขานนิดๆ ไปแล้ว เนลสันก็ได้เล่าถึงที่มาของหน้ากากดั้งเดิมนั้นว่า "จอห์นให้ทอมมีออกไปหาหน้ากากฮัลโลวีน เขาก็ไปได้หน้ากากกัปตันเคิร์ค/วิลเลียม แชทเนอร์ ที่ทำโดยดอน โพสต์ สตูดิโอส์ แล้วจอห์นก็บอกว่า 'เปลี่ยนมันซะ...' พวกเขาคิดว่ามันดูน่าขนลุกและพิลึกพิลั่นน่ะครับ ทอมมีก็กระชากส่วนจอนด้านข้างและคิ้วออก ตัดรูตรงตาให้ใหญ่ขึ้น แล้วพ่นสเปรย์ให้เป็นสีขาว นอกจากนั้น เขายังพ่นผมสีบลอนด์ให้เป็นสีน้ำตาลด้วย มันก็เลยลงเอยด้วยใบหน้าแปลกๆ ที่เหมือนกับหุ่น ใบหน้าที่ไร้วิญญาณที่ดูเกือบจะเหมือนฉลามขาว ที่มีประสิทธิภาพเหลือเกินครับ"

                ในฐานะที่ตัวเขาก็เป็นแฟนภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนกัน ผู้กำกับ "เดวิด กอร์ดอน กรีน" ได้มองการออกแบบหน้ากากยุค 2018 ด้วยความเคารพอย่างที่สุด "หน้ากากนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากๆ ในตำนาน Halloween ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผู้คนก็เลยตัดสินใจที่จะแสดงความคิดเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ คริสโตเฟอร์เป็นช่างแต่งหน้าเมคอัพเจ้าของรางวัลออสการ์ที่น่าทึ่ง และเขาก็บอกว่า ‘มาสร้างหน้ากากกันเถอะ’ ถึงแม้ว่ามันจะ 40 ปีให้หลังแล้ว และมันจะมีรอยแตกและเสื่อมโทรมไปบ้าง แต่เราทั้งคู่ก็ยังอยากจะรักษาความเดียวดายที่งดงามในหน้ากากนี้ไว้ เราตัดสินใจที่จะไม่ใส่มุมมองของตัวเองไป แต่จำลองมันขึ้นมาใหม่เลยน่ะครับ"

          เนลสันและกรีนอยากให้คอร์ทนีย์ในหน้ากากดูแตกต่างกันไปในทุกช็อตที่เขาถูกถ่ายภาพเอาไว้ พวกเขาอยากให้หน้ากากเปลี่ยนไปเรื่อย แต่ยังคงรักษารูปแบบของโศกนาฏกรรมและความกลัวอยู่ เมื่อพิจารณาถึงความที่เวลาผ่านไปสี่ทศวรรษแล้วตั้งแต่ที่ไมเคิล ไมเออร์สได้สวมมันเป็นครั้งสุดท้าย ทีมงานก็ต้องคำนึงถึงการที่ยางจะเปลี่ยนรูปร่างหลังจากที่ถูกเก็บไว้ในคลังหลักฐานเป็นเวลานาน สำหรับเนลสัน มันคือการกลับไปทำการบ้าน "ผมได้ศึกษาหน้ากากยางที่เก่าแก่ 40 ปี ว่ามันเสื่อมสภาพยังไง ยางจะเปื่อยยุ่ยและยับย่น มันจะห่อตัวและหย่อนยาน ผมคำนึงถึงเรื่องทั้งหมดนั่นแต่ก็ยังคงพยายามรักษาสีหน้าและรูปแบบของหน้ากากดั้งเดิมเอาไว้ครับ" และหน้ากากนี้ก็ได้ทำให้ทีมงานคนอื่นๆ สนุกไปกับการมองไมเคิล ไมเออร์ในกองถ่ายด้วยความหวาดระแวง

เตรียมหวีดให้สุดเสียงกับการกลับมาของฆาตรกรโรคจิตภายใต้หน้ากากขาวที่จะออกมาฆ่าไม่เลือกหน้าในค่ำคืนฮาโลวีนใน "Halloween" 31 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนตร์