สำหรับคู่หูเขียนบท เจฟฟ์ แฟรดลีย์, แดนนี แม็คไบรด์และเดวิด กอร์ดอน กรีน ไอเดียที่ว่าแฟนพันธุ์แท้ของผลงานชิ้นโบแดงในปี 1978 ของจอห์น คาร์เพนเตอร์ จะไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราวที่เนรมิตชีวิตให้กับ Halloween อีกครั้งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

           เรื่องราวที่พวกเขา ผู้เป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานกันตั้งแต่สมัยที่ศึกษาด้านภาพยนตร์ที่นอร์ธ แครอไลนา สคูล ออฟ ดิ อาร์ตส์ คิดขึ้นมานั้นเป็นอะไรที่เรียบง่ายแต่ชาญฉลาด พวกเขาตั้งสมมติฐานว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไมเคิล ไมเออร์สถูกจับในตอนจบของ Halloween แล้วถ้าลอรีกับไมเคิลไม่ได้เป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่เป็นคนแปลกหน้าสองคน ผู้ที่การพบกันโดยบังเอิญเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนทั้งคู่ล่ะ มันจะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้างกับเรื่องราวที่เริ่มต้นขึ้นในปลายยุค 70s และมันจะเปลี่ยนแปลงการดำเนินเรื่องของทั้งนางเอกและตัวร้ายอย่างไรบ้าง

          เช่นเดียวกับหลายๆ คนที่เลือก Halloween เป็นตัวระงับอาการต้องการความสยองขวัญ แฟรดลีย์สรุปถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อการแนะนำตัวร้ายที่เป็นปริศนาว่า "ผมจำได้ว่าไมเคิล ไมเออร์สทำให้ผมกลัวมาก ผมไม่เข้าใจว่าชายที่ใส่หน้ากากขาวคนนี้เป็นใคร และความรู้สึกนั้นก็ติดอยู่ในใจผม" มือเขียนบทและผู้อำนวยการสร้าง ได้เล่าถึงอิทธิพลที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มีต่อหน้าที่การงานของเขาว่า "ผมหมกมุ่นกับหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก และมันก็ทำให้ผมวิ่งไปมาพร้อมกับกล้องวิดีโอเพื่อสร้าง Halloween เวอร์ชันของเราขึ้นมาครับ"

          แม็คไบรด์กล่าวว่า เขาและเพื่อนมือเขียนบทไม่สนใจการรีเมก Halloween แต่ถูกดึงดูดเข้าหาการเคลื่อนย้ายเรื่องราวนี้ไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยมีการพิจารณามาก่อน "เราคิดว่าลอรี สโตรดเป็นแนวทางที่น่าสนใจ งั้นเรามาลองหาเส้นเรื่องใหม่ที่สามารถจะเชื่อมโยงกับหนังต้นฉบับ...แล้วทดลองเส้นทางใหม่ๆ ให้กับเธอดีกว่า เรารู้ว่าถ้าเราทำการทดลองแบบนี้ เราก็ควรจะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่เดินไปตามเส้นทางเดียวกับคนอื่นๆ น่ะครับ"

เตรียมพบกับชายสวมหน้ากากที่มาสร้างความหลอกหลอนอีกครั้งในคืนวันฮัลโลวีน "Halloween ฮาโลวีน" 31 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์

ตัวอย่างภาพยนตร์