สตีเว่น เอส เดอไนท์ ผู้ก้าวเข้ามาเขย่าโลก ของหุ่นยักษ์และไคจูให้อลังการขึ้นใน Pacific Rim Uprising

Movie News21 มีนาคม 2561

          ในการสร้างเรื่องราวบทที่ 2 ของ "Pacific Rim Uprising - แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก" ทางลีเจนดารี่ พิคเจอร์ส อยากแน่ใจว่าพวกเขาได้สร้างจินตนาการที่มีความสร้างสรรค์ใหม่ เป็นภาพที่ให้เกียรติภาพยนตร์ภาคแรก และเป็นการตีความใหม่ได้อย่างหาญกล้าต่อโลกของ Pacific Rim ผู้อำนวยการสร้าง เคล บอยเตอร์ กล่าวว่า "ลีเจนดารี่มีแนวคิดที่เป็นสัญลักษณ์อยู่ในงานทุกชิ้นที่เราทำ นี่คือโอกาสที่จะสร้างภาพอันสมบูรณ์แบบว่าผลงานของบริษัทนี้เป็นยังไง และเราต้องการให้มันพัฒนาไปอย่างไร"



         นับเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับทีมผู้สร้าง ซึ่งถ้าไม่มีเรื่องที่ลงตัวที่สุด ก็จะไม่มีการสร้างภาพยนตร์ออกมา "ภาพยนตร์ภาคต่อมักมาพร้อมความคิดเย้ยหยัน" บอยเตอร์ยอมรับ "เราคำนึงถึงเรื่องนั้น เราต้องถามตัวเองว่า 'เราจะสร้างเรื่องที่ทำให้คนดูแปลกใจได้ยังไง'"

โดยก้าวที่สำคัญอีกก้าวสำหรับทีมผู้อำนวยการสร้าง แมรี่ พาเร้นท์ และบอยเตอร์ ก็คือ การดึงตัว สตีเว่น เอส เดอไนท์ ซึ่งมีชื่อเสียงจากการสร้างซีรีส์ทางทีวีสุดฮิตของ สตาร์ซ เรื่อง Spartacus รวมไปถึงซีรีส์ของมาร์เวล เน็ทฟลิกซ์ เรื่อง Daredevil ซีซั่นแรก ให้เข้ามาร่วมงานด้วย เดอไนท์เข้าใจถึงความทุ่มเทของลีเจนดารี่ที่ต้องการการเล่าเรื่องที่มีความแปลกใหม่ และเขาเสนอเรื่องราวอันน่าสนใจที่ตรงใจของทีมผู้อำนวยการสร้าง



         ภายในโลกของอสูรกายและหุ่นยนต์ยักษ์ ก็คือแนวคิดเกี่ยวกับมนุษย์และเรื่องราวที่ให้อารมณ์ "สตีเว่นเป็นผู้ผสมผสานเรื่องราวหลากหลายแนว" บอยเตอร์ให้ความเห็น "ในแนวคิดที่เขามี เรื่องนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ภาคต่อของ Pacific Rim เท่านั้น ไอเดียสำคัญที่เขาเริ่มต้น ก็คือ ทุกคนสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ การยึดแนวคิดหลักนั้นเอาไว้ ทำให้เรื่องนี้มุ่งเน้นไปที่ลูกชายเจ้าปัญหาของ สแต็คเกอร์ เพนเตคอสต์ ที่ชื่อ เจก และอามาร่า เด็กกำพร้าที่เป็นอัจฉริยะด้านเครื่องยนต์ มนุษย์ที่มีปัญหาสองคนที่เอาชนะปัญหาและความผิดพลาดของตัวเองได้ และลงเอยด้วยการสร้างความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่"



          เรื่องราวนี้ยังเปิดตัวนักขับเยเกอร์รุ่นใหม่ เหล่านักขับฝึกหัดที่ถูกเรียกว่าพวกคาเด็ทส์ เป็นเหล่าวัยรุ่นที่ถูกฝึกมาเพื่อให้เป็นนักขับเยเกอร์ตั้งแต่พวกเขายังเด็ก และมันยังสร้างความสงสัยเกี่ยวกับการกลับมาของไคจู ถ้าการกลับมาครั้งนี้ถูกทำให้เกิดขึ้นโดยสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ผู้ชั่วร้าย บอยเตอร์บอกว่า "บทภาพยนตร์ที่เราพัฒนาขึ้นมามีองค์ประกอบในส่วนงานแอ็กชั่นที่ยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ และมีเรื่องราวของมนุษย์ที่เกิดขึ้นกับเจกและอามาร่า แต่ก็เป็นเรื่องราวการผจญภัยที่มีความลึกลับด้วย จนหนังต้องเล่นไปแล้ว 10 หรือ 15 นาทีกว่าที่คุณจะรู้ว่าคุณได้อยู่ในโลกของ Pacific Rim โทนและจังหวะของเรื่องไม่ใช่แค่กระชากอารมณ์มากขึ้นเท่านั้น แต่ยังเดินเรื่องเร็วขึ้นด้วย"

ยิ่งใหญ่กว่าเดิม อัพเกรดกว่าเดิม กับ "Pacific Rim Uprising - แปซิฟิค ริม ปฏิวัติพลิกโลก" 22 มีนาคมนี้ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์