การคว้าตัวลอว์เรนซ์มารับบทใน Red Sparrow ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้กำกับต้องหยอดเล็กหนอดน้อยเพื่อให้เธอคล้อยตามกับบท
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ซึ่งทำงานร่วมกับฟรานซิส ลอว์เรนซ์ใน The Hunger Games: Catching Fire, The Hunger Games: Mockingjay Part 1 และ The Hunger Games: Mockingjay, Part 2 เข้ามาร่วมทีมนักแสดงในบทโดมินิกามาตั้งแต่ช่วงต้นของการทำงาน
"ผมนึกถึงเจนนิเฟอร์และผมก็เล่าเรื่องคร่าวๆ ให้เธอฟังว่าเรื่องเกี่ยวกับอะไร" ผู้กำกับกล่าว "แน่นอนว่าตอนนั้นเรายังไม่มีบทและผมก็ยังไม่อยากให้เธออ่านหนังสือ ผมแค่อยากรู้ว่าถ้าสมมติจะให้เธอรับบทเป็นตัวละครแบบนี้ เธอจะสนใจไหม ก็เลยคล้ายกับว่าเธออยู่ในโปรเจ็กต์นี้มาตั้งแต่ช่วงแรกๆ และเราก็เขียนบทให้เธอ แล้วจากนั้นระหว่างที่เราพัฒนาเรื่อง ผมก็จะคอยหยอดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้นิดๆ หน่อยๆ ผมรู้ว่าเธอยังไม่กล้าที่จะเล่นหนังแบบนี้ในตอนที่เธอยังอายุน้อยกว่านี้ ผมก็เลยค่อยๆ ให้เธอคุ้นเคยกับเรื่องราว กับตัวละคร โทน และเนื้อหาไปในระหว่างกระบวนการพัฒนาโครงการ พอถึงตอนที่ผมได้บทหนังฉบับจริงมา ก็เหมือนเธอผ่านการอุ่นเครื่องมาเรียบร้อยแล้ว"
"ฟรานซิสแนะนำเรื่องนี้ให้ฉันระหว่างทัวร์ประชาสัมพันธ์หนัง Hunger Games ภาคสุดท้าย" นักแสดงรายนี้กล่าว "เป็นหนังสือที่เขาอ่านอยู่และคิดว่าน่าสนใจที่จะทำเป็นหนัง ฉันคิดว่าเรื่องแรกที่เราคุยกันเกี่ยวกับโดมินิกาคือนี่เป็นตัวละครและบุคลิกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงจากบทบาทที่ฉันเคยรู้จักมา เธอถูกบังคับให้ต้องเอาชีวิตรอดตั้งแต่อายุยังน้อย ร่างกายของเธอถูกรัฐบาลใช้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะเป็นการเต้นบัลเล่ต์ การเป็นนักกีฬา ซึ่งรัฐบาลออกค่าใช้จ่ายให้และจากนั้นเธอก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการสแปร์โรว์ ครั้งแรกที่ฉันได้อ่านบทและเราคุยกันเรื่องนี้ ฉากโรงเรียนสแปร์โรว์น่ากลัวมากค่ะ เป็นครั้งแรกที่ฉันจะต้อง...เอิ่ม เรียกว่าเปลือยกายหมดก็ว่าได้ แต่หลังจากเล่นแล้วฉันก็รู้สึกเป็นอิสระมากค่ะ เพราะฉันไม่มีทางนำตัวละครเข้าไปสู่สถานการณ์ที่ตัวฉันเองไม่สบายใจที่จะเล่น แต่คุณจะได้เห็นในหนังว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เธอได้อำนาจมา เป็นจุดที่เธอสามารถพลิกเกมกับคนที่พยายามควบคุมเธอ และฉันก็รู้สึกได้ถึงพลังนั้น ฉันว่ามันน่าตื่นเต้น เพราะโดมินิกาถูกฝึกมาให้ใช้ร่างกาย แต่สุดท้ายแล้วเธอก็เอาชนะได้ด้วยสมอง สำหรับฉันแล้วเธอเป็นนางเอกยุคใหม่ที่มีบุคลิกซับซ้อน เธอทำตามกฏเกณฑ์ของตัวเองและมุ่งมั่นที่จะทำให้สำเร็จให้ได้"
"หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดและการใช้เสน่ห์ยั่วยวน" เจนโน ท็อปปิง หนึ่งในโปรดิวเซอร์ตั้งข้อสังเกต "สมดุลระหว่างสองส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง การเอาตัวรอดผลักดันโดมินิกาเข้าไปในโลกของสแปร์โรว์ และเมื่อเธออยู่ในโลกใบนั้นแล้ว เธอก็ต้องฝึกฝนทักษะในการหว่านเสน่ห์และทักษะในงานสายลับเพื่อเอาตัวรอด หนังเรื่องนี้สำรวจการใช้เสน่ห์ยั่วยวนในเชิงจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ เราจะได้เห็นตัวละครต้องคิดหาคำตอบว่าเธอจะยอมมากแค่ไหนเพื่อเอาตัวรอด เธอจะสามารถดึงเกมไว้และรอดจากการเดินทางครั้งนี้โดยยังปลอดภัยดีได้หรือไม่"
พระเอกหนุ่มโจเอล เอ็ดเจอร์ตันกล่าวถึงการแสดงของลอว์เรนซ์ว่า "เราไม่ค่อยได้รู้ว่าโดมินิการู้สึกอย่างไร" "ว่าเธอคิดอะไรอยู่ เธอกำลังจะทนไม่ไหวหรือจะระเบิดอารมณ์ออกมาเมื่อไหร่ เธอเป็นตัวละครที่ดูหนักแน่นและเก็บอารมณ์ได้ดีในระดับหนึ่ง การแสดงของเจนทำให้เราต้องคอยคาดเดา เรามักสงสัยว่าในตัวเธอน่าจะมีความแข็งแกร่งที่ผู้ชายรอบตัวเธอมองข้ามไป"
ตัวอย่างภาพยนตร์