12 เกร็ดน่ารู้จาก "Darkest Hour ชั่วโมงพลิกโลก"

Movie News8 มกราคม 2561

         เปิดหน้าประวัติศาสตร์สู่ชั่วโมงแห่งความตึงเครียดที่จะชี้ชะตาโลกใน "Darkest Hour ชั่วโมงพลิกโลก" ผลงานสุดเข้มข้นของ โจ ไรท์ ที่ขนทัพนักแสดงฝีมือเยี่ยมมาประชันบทบาทกันทั้ง  แกรี่ โอลด์แมน, คริสติน สก็อตต์ โธมัส, ลิลี่ เจมส์, สตีเฟ่น ดิลเลน, โรนัลด์ พิคอัพ และเบน เมนเดลซอห์น

เรื่องราวสุดระทึกซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะที่วินสตัน เชอร์ชิล (รับบทโดย แกรี่ โอลด์แมน) มารับหน้าที่นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และต้องเผชิญกับความวุ่นวายและวิกฤติที่เกิดขึ้้น กองทัพนาซีเดินทัพมาใกล้ยุโรปตะวันตกและการรุกรานของนาซีเข้ามาใกล้ทุกที เชอร์ชิลจะเลือกใช้ยุทธวิธีใด: หาทางเจรจาสันติภาพกับนาซี เยอรมนี หรือยืนหยัดต่อสู้เพื่ออุดมคติ เสรีภาพ และอิสรภาพของชาติ เขาต้องยืนหยัดต่อสู้ท่ามกลางวิกฤติ พยายามกอบกู้ชาติ และพยายามที่จะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ของโลก ท่ามกลางประชาชนที่ยังไม่มีการเตรียมตัว กษัตริย์ผู้ช่างสงสัย และพรรคการเมืองของเขาที่วางตัวอยู่ตรงกันข้าม

และนี่คือเกร็ดข้อมูลเบื้องหลังที่น่าทึ่งไม่แพ้เรื่องราวบนจอภาพยนตร์จาก "Darkest Hour ชั่วโมงพลิกโลก" ที่กวาดเสียงชื่นชมจากบรรดานักวิจารณ์มาอย่างล้นหลาม


 


1. Rolling Stone ยกให้ Darkest Hour เป็นหนึ่งในหนังยอดเยี่ยมแห่งปี ทั้งยังชื่นชม แกรี่ โอลด์แมน ในบท "วินสตัน เชอร์ชิล"

2. ทีมงานใช้เวลานานกว่าจะทำให้นักแสดง แกรี่ โอลด์แมน มารับบท วินสตัน เชอร์ชิล ในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ โดยครั้งแรกโอลด์แมนตอบปฏิเสธข้อเสนอในบทนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาคิดภาพตัวเองในสภาพของบุคคลที่เป็นตำนานรายนี้ไม่ออก แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับบทนี้ เพราะทึ่งในบทภาพยนตร์และไว้ใจทีมงานแต่งหน้าฝีมือเยี่ยม

3. แกรี่ โอลด์แมน ต้องฝึกออกเสียงอย่างหนัก เพื่อให้ได้น้ำเสียงของชายวัย 65 ที่มีพลังและมีแรงขับเคลื่อนมหาศาล เพราะเขาคิดว่านั่นคือจุดเด่นอีกข้อของ วินสตัน เชอร์ชิล

4. ทีมงานใช้เวลาเตรียมความพร้อมนาน 6 เดือนในการหาอุปกรณ์เทียม การแต่งหน้า ทำผม และชุดบอดี้สูท เพื่อหาความลงตัวที่สุดในการแปลงโฉม แกรี่ โอลด์แมน เป็น วินสตัน เชอร์ชิล

5. ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำ 54 วัน

6. แกรี่ โอลด์แมน ต้องใช้เวลาแต่งหน้าวันละ 3 ชั่วโมงครึ่งเพื่อแปลงโฉมเป็น วินสตัน เชอร์ชิล และใช้เวลาอีกเกือบ 2 ชั่วโมงในการให้ทีมงานถอดอุปกรณ์แต่งหน้าทั้งหมดออก

7. ทีมผู้สร้างค้นหาร้านตัดสูทร้านดั้งเดิมของเชอร์ชิลล์  คือเฮนรี พูล แอนด์ โค. ที่ถนนซาวิล ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1806 เพื่อนำมาใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้

8. แม้แต่นักแสดงที่ผ่านงานมามากอย่าง คริสติน สกอตต์ โทมัส ผู้รับบท เคลมมี ก็ยังทึ่งและขนลุกเมื่อต้องเข้าฉากกับแกรี่ โอลด์แมน ที่แปลงโฉมเป็น วินสตัน เชอร์ชิล แล้ว ด้วยเหตุผลด้านการแต่งหน้าที่แนบเนียนและการแสดงของ โอลด์แมน ที่ทรงพลัง

9. ฉากที่โหดหินที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการจำลองสภาผู้แทนราษฎร และวอร์รูม (ห้องบัญชาการสงคราม)  ที่ต้องอาศัยความถูกต้องที่สุด โดยห้องวอร์รูมของจริงถูกเก็บรักษาเป็นพิพิธภัณฑ์ และไม่สามารถเข้าไปถ่ายทำได้  แต่ทีมผู้สร้างได้ไปวัดสถานที่และถ่ายรูปห้องนั้นมา ทั้ง แกรี โอลด์แมน ยังได้ใช้เวลาหลายชั่วโมงซึมซับบรรยากาศของห้องอย่างเต็มที่ และได้รับอนุญาตให้นั่งที่เก้าอี้ของเชอร์ชิลล์

10. ทีมผู้สร้างขออนุญาตและได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำในอาคารรัฐสภา หรือที่รู้จักกันในชื่อพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ โดย Darkest Hour เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปข้างใน เรื่องแรกคือ Suffragette  ขั้นตอนการอนุญาตตามคำขอใช้เวลานานหกเดือน

11. วันที่เศร้าที่สุดของการถ่ายทำ คือวันรำลึกถึงผู้ที่สละชีวิตในสงครามโลกทั้งสองครั้ง (Remembrance Sunday) ของปี 2016 (ซึ่งตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายน วันจริงของวันรำลึกเหตุการณ์) ตอนที่ป้อมคาเลส์ (ซึ่งถูกโจมตีเมื่อเดือนพฤษภาคม 1940) ถูกจำลองขึ้นใหม่ที่ป้อมแอมเฮิร์สต์ ในเมืองแชแธม  นักแสดงประกอบ 110 คนในชุดทหารแสดงในฉากที่ฝ่ายเยอรมันบุกยึดป้อมคาเลส์ ไรท์ขอให้เปิดเพลง "Sleep" ของแม็กซ์ ริกเทอร์เพื่อสร้างอารมณ์  กองกำลังผสมของทหารฝรั่งเศสและอังกฤษรวมพลังกันต้านทานการโจมตีอย่างหนักของทหารเยอรมันไว้ถึงสามวัน เพื่อให้มีเวลาอพยพกำลังพลที่ดันเคิร์ก แต่ก็แลกมาด้วยความพินาศของที่ตั้งกองทหารแห่งนี้ 

12. ฉากสภาผู้แทนราษฎรใช้นักแสดงประกอบกว่า 450 ชีวิต ในการรับบทเป็นตัวแทนสมาชิกทั้งพรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงาน ทั้งหมดได้รับการดูแลเครื่องแต่งกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าโดยแผนกของ แจ็คเกอลีน เดอร์แรน  “กลุ่มคนที่อยู่ที่นั่นจะถูกปลุกเร้าให้ตอบสนองต่อสุนทรพจน์ของวินสตัน และส่งเสียงโห่ร้องและสนับสนุนเขา” ทั้งนี้ผู้กำกับ ไรท์พยายามรักษาพลังที่เกิดขึ้นไว้ในระหว่างพักแต่ละเทค ด้วยการเปิดเพลงให้พวกเขาฟัง รวมทั้งเพลง “Hey Jude” ของเดอะ บีทเทิลส์

 

ตัวอย่างซับไทย