5 เพลงเด่นจาก เดอะ บีทเทิลส์ ที่เราจะได้ฟัง ในหนัง Yesterday

Movie News13 มิถุนายน 2562

        ในฐานะที่เป็นวงดนตรีอมตะที่คนทั่วโลกรักมากที่สุดตราบจนทุกวันนี้ แม้ว่าเดอะ บีทเทิลส์จะยุบวงไป 49 ปีแล้ว แต่บทเพลงก็ยังอยู่ในใจของแฟนเพลงทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ จึงมีหนังหลายเรื่องมากที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเดอะ บีทเทิลส์ และอีกหลาย 10 เรื่องที่นำเพลงของเดอะ บีทเทิลส์ มาประกอบภาพยนตร์ ล่าสุดริชาร์ด เคอร์ติส เจ้าพ่อหนังรักที่เป็นเจ้าของผลงานอยู่ในใจผู้ชมบ้านเราและทั่วโลกหลายเรื่องอย่าง Bridget Jones: Diary , Love Actually , Notting hill,Four Weddings and a Funeral ก็เกิดไอเดียบรรเจิดจินตนการโลกในจินตนาการขึ้นมา ว่าจะเป็นอย่างไรนะถ้าอยู่ดีๆ โลกนี้ไม่มีใครรู้จักเดอะ บีทเทิลส์ เขาก็เลยสร้างสรรค์เรื่องราวให้เกิดกับเจ้าหนุ่ม แจ๊ค มาลิค นักดนตรีไส้แห้งเชื้อสายอินเดียที่ตื่นขึ้นมาในโลกอีกมิติหนึ่ง ที่ทุกอย่างรอบตัวเขาก็ทุกอย่างเหมือนเดิมล่ะ ต่างกันเพียงสิ่งเดียวในโลกใบใหม่นี้ไม่มีใครรู้จักเดอะ บีทเทิลส์ และทุกๆ เพลงของเดอะ บีทเทิลส์ เขาก็เลยเล่นเพลงเดอะ บีทเทิลส์ หากินแล้วอ้างว่านี่คือผลงานประพันธ์ของเขาเอง ส่งผลให้เขากลายเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงระดับโลก



      แน่นอนว่าพลอตมาแบบนี้ แฟนๆ เดอะ บีทเทิลส์ จะต้องสนุกไปกับเรื่องราวแนวคอมมีดี้ แนวทางถนัดของริชาร์ด เคอร์ติส ได้อิ่มเอิบไปกับบทเพลงของเดอะ บีทเทิลส์ และที่สำคัญหนังได้ผู้กำกับมือฉมังอย่าง แดนนี่ บอยล์ ดีกรีรางวัลออสการ์จาก Slumdog Millionaire มารับหน้าที่กำกับ ทำให้ Yesterday เป็นหนังที่เพียบพร้อมทุกด้านทั้งฝีมือผู้กำกับ บทภาพยนตร์จากมือเขียนบท โรแมนติค-คอมมีดี้ ระดับโลก และเล่าเรื่องราวของเดอะ บีทเทิลส์ ที่คนทั่วโลกรู้จักกันดี มีเพลงดังของวงขับกล่อมไปทั้งเรื่อง แต่ว่า เดอะ บีทเทิลส์ มีผลงานเพลงที่ออกสู่สาธารณชนมากถึง 280 เพลง แล้วเราจะได้ยินเพลงอะไรในหนังบ้างนะ นี่คือ 5 เพลงเด่นที่เราจะได้ฟังครับ แถมด้วยเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละเพลงให้ได้รู้จักกันไว้คุยกะเพื่อนๆ ได้ก่อนชม

 

1. Yesterday



อยู่ในอัลบั้ม : Help!
ออกจำหน่ายในปี : 1965
ขึ้นชาร์ตสูงที่สุดในอันดับ : 1 ในสหรัฐอเมริกา

        แน่นอนว่าหนังชื่อ Yesterday ก็ต้องมีเพลงนี้เป็นเพลงเด่นของหนัง เหตุที่ผู้สร้างเลือกเอา Yesterday จากจำนวนเพลงฮิตมากมายของเดอะ บีทเทิลส์ มาเป็นชื่อหนังก็เพราะ Yesterday น่าจะเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จที่สุดของเดอะ  บีทเทิลส์ เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม Help! อัลบั้มลำดับที่ 5 ของวง ออกจำหน่ายในปี 1965 ด้่วยความดังของเพลงนี้ ถึงขนาดที่ว่า กินเน็ส เวิลด์ เรคคอร์ด ได้บันทึกไว้ว่า Yesterday เป็นเพลงป๊อปที่คัฟเวอร์มากที่สุดตลอดกาล ถูกศิลปินคัฟเวอร์ไปแล้วกว่า 3,000 เวอร์ชั่น และเป็นเพลงที่ถูกเปิดทางคลื่นวิทยุมากที่สุด เพลงนี้ประพันธ์โดย พอล แมคคาร์ธนีย์ เขาร้องและเล่นอะคูสติกกีตาร์ และมีวงเครื่องสายเล่นประกอบ ถูกบันทึกไว้ว่านี่คือเพลงป๊อปเพลงแรกในประวัติศาสตร์ที่ใช้เครื่องดนตรีคลาสสิกมาเล่นประกอบ

 

2. Let It Be


 


อยู่ในอัลบั้ม : Let It Be
ออกจำหน่ายในปี : 1970
ขึ้นชาร์ตสูงที่สุดในอันดับ : 2 ในอังกฤษ และ 1 ในสหรัฐอเมริกา


        เป็นอีกเพลงที่เขียนโดย พอล แมคคาร์ธนีย์ ที่เขียนโดยได้แรงบันดาลใจจากแม่ของเขา แมรี่ แม่ของพอล เสียชีวิตไปเมื่อตอนเขาอายุ 14 ปี ซึ่งพอลก็ใส่ชื่อ mary ลงไปในเพลงด้วย "Mother Mary comes to me Speaking words of wisdom, let it be" ซึ่งทำให้คนฟังตีความหมายไปว่า พอลหมายถึง พระแม่มารี จากคัมภีร์ไบเบิ้ล

เพลงนี้ใช้ชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้ม ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายของเดอะ บีทเทิลส์ ที่เลือกใช้ชื่อ Let It Be "ปล่อยให้มันเป็นไป" นั้นก็เพราะเป็นคำที่เหมาะกับสถานการณ์ของวง ที่สมาชิกทั้ง 4 ตัดสินใจยุบเดอะ บีทเทิลส์ ทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลังแล้วเดินหน้าดำเนินชีวิตกันต่อไป และ "Let It Be"ก็ไม่ใช่ไอเดียแรกสำหรับ "ความหมาย"ที่ทางวงจะสื่อสู่สาธารณชน เพราะเดิมทีอัลบั้มนี้จะใช้ชื่อว่า "Get Back" เพลงในอัลบั้มจะใช้การบันทึกเสียงแบบเล่นสด บันทึกจากการแสดงสดหลายๆ ที่ ทั้งคอนเสิร์ต เล่นในรายการทีวี แต่พอเอาทุกเพลงมารวมกันเป็นอัลบั้มแล้วมันไม่ค่อยเข้าท่า จอร์จ แฮร์ริสันไม่พอใจกับไอเดียนี้ ถึงกับถอนตัวไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับอัลบั้มนี้อีกต่อไป ทำให้ทางวงต้องล้มเลิกไอเดียนี้ไป แล้วไปดึง ฟิล สเปคเตอร์ ให้กลับมาโปรดิวซ์อัลบั้มนี้แทน สุดท้ายก็ได้ชื่อ "Let It Be"ออกมาเป็นเพลงหลัก และชื่ออัลบั้ม ที่ออกจำหน่ายหลังเดอะ บีทเทิลส์ แตกวงได้ 1 เดือน และมันเป็นคำที่สื่อความหมายได้ดีกว่า "Get Back" มาก

 

3. I Want To Hold Your Hand



อยู่ในอัลบั้ม : Meet The Beatles (จำหน่ายเฉพาะในสหรัฐอเมริกา)
ออกจำหน่ายในปี : 1963
ขึ้นชาร์ตสูงสุดในอันดับ : 1 ในอังกฤษ และ 2 ในสหรัฐอเมริกา


           เพลงนี้พอล แมคคาร์ธนีย์ กับ จอห์น เลนนอน แต่งร่วมกัน เขาเขียนเพลงนี้ในห้องใต้ดิน ที่บ้านของเจน แอชเชอร์ , เจน แอชเชอร์ เป็นนักแสดงชื่อดังในเวลานั้น เธอแฟนคนแรกของพอล ที่เป็นสาวในวงการบันเทิง "I Want To Hold Your  Hand" เป็นเพลงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเดอะ บีทเทิลส์ มาก เพราะเป็นกระสุนนัดสำคัญที่สามารถทะลุทะลวงปราการอเมริกาได้สำเร็จ หลังจากพยายามเจาะตลาดอเมริกามาแล้วหลายครั้ง ซิงเกิ้ล "Love Me Do" และ "She

Loves You"ฮิตมากในอังกฤษ แต่ในอเมริกากลับไม่ได้รับความนิยมเลย จนมาถึง I Want To Hold Your Hand ที่ทำได้สำเร็จในเดือน กุมภาพันธ์ 1964 สามารถขึ้นได้ถึงอันดับ 1 ยอดขายเพลงนี้ทำได้ถึง 12 ล้านแผ่น ภายในเวลาเพียงแค่ 10 วัน สูงกว่ายอดขายรวมทุกซิงเกิ้ลของเขาในอังกฤษเสียด้วยซ้ำ พอชื่อเดอะ บีทเทิลส์ ดังในอเมริกา พวกเขาจึงรีบตอกย้ำความสำเร็จด้วยการทัวร์ในอเมริกา ยิ่งเป็นการดันกระแสความนิยมของวงให้กลายเป็นพลุแตก

 

4. Something



อยู่ในอัลบั้ม : Abbey Road
ออกจำหน่ายในปี : 1969
ขึ้นชาร์ตสูงสุดในอันดับ : 4 ในอังกฤษ และ 1 ในสหรัฐอเมริกา


         ผลงานเขียนของ จอร์จ แฮร์ริสัน และเป็นเพลงเดียวของจอร์จ แฮร์ริสัน ที่ได้ออกเป็นซิงเกิ้ล เพลงนี้ออกมาเป็นแผ่น หน้าAคู่ ควบกับเพลง "Come Together" ๆ มาของจอร์จ มักจะอยู่ในหน้าB เช่น "The Inner Light" และ "Old Brown Shoe"

แพตตี้ บอยด์ ภรรยาของจอร์จ แฮร์ริสัน เขียนถึงเพลงนี้ไว้ในหนังสือ Wonderful Tonight: George Harrison, Eric Clapton, and Me เธอเล่าว่าจอร์จเขียนเพลงนี้ให้เธอ , แพตตี้ บอยด์ เป็นหญิงที่มีบทบาทอย่างมากในวงการเพลงอังกฤษ เพราะเธอเป็นภรรยาของจอร์จ แฮร์ริสัน ที่อีริค แคลปตัน หลงรักอย่างเปิดเผย พยายามพิชิตใจเธอเป็น 10 ปี จนในที่สุดแพตตี้ ยอมแยกทางกับจอร์จ แฮร์ริสัน และมาแต่งงานกับอีริค แคลปตัน เธอยังเป็นเจ้าของเพลงอมตะอีก 2 เพลงที่เขียนโดยอีริค แคลปตัน คือ Layla และ Wonderful Tonight

แต่จอร์จ แฮร์ริสัน ได้แย้งคำกล่าวอ้างของแพตตี้ บอยด์ ว่าเขาไม่ได้เขียนเพลงนี้ให้เธอ เขาเขียนเพลงนี้ในช่วงพักเบรคระหว่างบันทึกเสียงอัลบั้ม The White Album ในช่วงนั้น จอร์จ กำลังศึกษา "คริชณะจิตสำนึก" (Krishna Consciousness) เขาอ้างว่าในหัวของเขาไม่ได้นึกถึงใครเลยตอนที่เขียนเพลงนี้

 

5. Hey Jude



อยู่ในอัลบั้ม : The Beatles Again (จำหน่ายเฉพาะในสหรัฐอเมริกา)
ออกจำหน่ายในปี : 1970
ขึ้นชาร์ตสูงสุดในอันดับ : 1 ในอังกฤษ และ 1 ในสหรัฐอเมริกา


       เป็นอีกเพลงฮิตที่เขียนโดยพอล แมคคาร์ธนีย์ เพลงนี้ยาวถึง 7 นาที 11 วินาที เป็นเพลงที่เปลี่ยนค่านิยมของดีเจในการเลือกเพลงมาเปิดบนรายการวิทยุ เพราะเชื่อมาตลอดว่าคนฟังจะชอบฟังเพลงในความยาวปกติที่ 3-4 นาที มากกว่า แต่เมื่อเพลงฮิตขึ้นมา ดีเจก็จำต้องเปิดเพลงนี้ออกอากาศ แล้วก็พิสูจน์ว่าต่อให้เพลงยาวแค่ไหน แต่ถ้าผู้ฟังชอบก็จะฟังจนจบไม่ว่าเพลงจะยาวแค่ไหน Hey Jude จึงเป็นการเบิกทางให้เพลงฮิตที่มีความยาวหลาย ๆ นาทีในยุคต่อมาเช่น American Pie และ Layla

เพลงนี้เดิมชื่อ "Hey Jules" เพราะพอลตั้งใจแต่งให้กับ จูเลียน เลนนอน ลูกชายของจอห์น เลนนอน กับ ซินเธีย เพราะพอล สนิทกับ จูเลียน มากและสงสารที่เขาเพิ่ง 5 ขวบแล้วพ่อกับแม่ต้องมาหย่ากัน แต่เมื่อเพลงนี้ถูกบันทึกเสียงลงในอัลบั้มก็จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อเป็น Jude พอลเอาชื่อ Jude มาจากตัวละครจากละครเพลง Oklahoma!

คอยชม yesterday พร้อมกัน 27 มิถุนายน นี้

 

ตัวอย่างภาพยนตร์