12 Easter Eggs ใน Star Wars: The Last Jedi (ยังไม่ดูห้ามอ่านนะ)
หนังฮอลลีวู้ดที่เป็นหนังแฟรนไชส์หรือมีหนังหลายเรื่องที่เชื่อมต่อกันในระดับที่เรียกได้ว่ามีจักรวาลของตัวเอง หนังเหล่านี้มักจะมีจุดเล็กๆ ซุกซ่อน แอบๆ ไว้ในแต่ละฉากของหนัง ที่เป็นการเชื่อมต่อกับหนังเรื่องอื่นในจักรวาลเดียวกัน หรือภาคก่อนหน้า ซึ่งจุดเหล่านี้มักถูกเรียกว่า อีสเตอร์ เอ้ก หรือ ไข่อีสเตอร์ ที่เป็นเกมสนุกระหว่างผู้สร้างกับคนดู วัดกันว่าคนดูจะเห็นหรือไม่ ซึ่งเมื่อหนังออกฉายไปได้สักระยะ ก็มักจะมีการเปิดเผยเองจากทางผู้สร้าง และทางคนดูตาดี ระดับแฟนพันธุ์แท้ที่หาอีสเตอร์เอ้กเหล่านี้เจอก็มาเอามาแชร์กันบนโลกอินเตอร์เน็ต เหล่านี้คืออีสเตอร์เอ้ก ที่ผู้สร้างเปิดเผย และบรรดาสาวกหาเจอที่เรารวบรวมมาได้ครับ
1. ฉากเปิดแคนโต ไบรท์ คาสิโน ที่ฟินน์ และ โรส ไปตามหานักถอดรหัสนั้น ได้รับแรงบันดาลใจมาจากฉากหนึ่งในหนัง "Wing" เป็นหนังเงียบที่ออกฉายมาตั้งแต่ปี 1927 และเป็นหนังเรื่องแรกที่ได้รางวัล "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" จากเวทีออสการ์
2. หลายคนน่าจะสงสัยเรื่องลูกเต๋าทอง ที่ลุคนำมามอบให้เลอา แล้วเลอารับมาด้วยความปลื้มปริ่ม แล้วไอ้ลูกเต๋านี่มันมีความสำคัญอะไรหรือ ลูกเต๋านี้เป็นของฮัน โซโล มีเรื่องราวมาจากไตรภาค 4-5-6 ฮัน ใช้ลูกเต๋านี้ในเกมเดิมพันกับแลนโด คาลริสเซียน แล้วได้ยานมิลเลนเนียม ฟอลคอนมา เขาเลยห้อยลูกเต๋านี้ไว้ในห้องนักบินตลอดเพื่อเป็นเครื่องรางนำโชค เมื่อลุคได้มาพบเลอาน้องสาว หลังทราบข่าวการจากไปของฮัน เลยเอาลูกเต๋านี้มามอบให้เลอาเพื่อเป็นการระลึกถึงคนรักที่จากไปของเธอ
3. เรย์ขโมยคัมภีร์เจไดไปแล้ว จากครั้งแรกที่เรย์เห็นบันทึกเจไดที่ลุคเอามาโชว์ให้เธอดู เรย์รู้สึกสนใจใคร่รู้ในคัมภีร์นี้ ลุคไม่ให้เธออ่านแต่เอามาเก็บไว้ในต้นไม้ดึกดำบรรพ์ ซึ่งภายหลังลุคก็ตัดสินใจจะเผาทิ้งเสีย แต่โยดาก็ใช้สายฟ้าผ่าลงมาทำลายให้แทนเสร็จสรรพ แล้วโยดาก็ยังเปรยกับลุคว่าเรย์ได้รับรู้เรื่องราวในคัมภีร์นั้นไปหมดสิ้นแล้ว ซึ่งแท้จริงแล้วโยดาอาจจะรู้แล้วว่าเรย์เอาคัมภีร์นั้นไปแล้ว ซึ่งคัมภีร์นี้โผล่มาให้เห็นแว้บนึงในฉากท้ายเรื่องตอนที่ฟินน์ไปห่มผ้าให้โรสจะเห็นว่าคัมภีร์เจไดมาอยู่บนมิลเลนเนียมฟอลคอนแล้ว
4. ผู้กำกับบอกใบ้อยู่หลายครั้งว่าภาพลุคที่เห็นนั้นคือพลังงาน อย่างแรกสังเกตได้จากอากัปกิริยาของ C3PO ที่มายืนจ้องลุค เพราะเซนเซอร์ของเขาจับสัญญาณชีพลุคไม่ได้ ซึ่งลุคเองก็รู้ว่า C3PO รู้แต่ไม่พูด , เลอาก็น่าจะรู้จะวินาทีที่เธอรับลูกเต๋าทองมาจากลุค ซึ่งลูกเต๋าก็เป็นภาพจากพลังงานเช่นกัน ซึ่งไม่มีน้ำหนักและจับต้องไม่ได้ และเป็นเหตุผลว่าทำไมเลอาถึงไม่เอาลูกเต๋าไปด้วยตอนที่เธอหนีจากฐานทัพนี้, ภาพลักษณ์ของลุคที่ปรากฏดูหนุ่มขึ้น หนวดเคราก็ไม่ขาวแล้ว , บนดาวนี้ดินเป็นสีแดง ปกคลุมด้วยหิมะขาว เมื่อเท้าเหยียบลงไปจะปรากฏรอยเท้าบนดินสีแดง กล้องจับภาพเท้าระหว่างการต่อสู้ของไคโล เร็น และ ลุค อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ปรากฏรอยเท้าของลุคบนพื้นดินเพราะเขาเป็นเพียงพลังงาน , ตลอดการต่อสู้ ลุคเลือกที่จะหลบ สังเกตได้ว่าไลต์เซเบอร์ของทั้งคู่ไม่ได้ปะทะกันเลย
5. นอกจาก The Last Jedi มีหลายจุดเชื่อมโยงไปยังภาคก่อนหน้า ยังมีการเชื่อมโยงไปยังวีดีโอเกมอีกด้วย ในเกม Star Wars Battlefront 2 จะมีตัวละครเป็นลุค สกายวอล์คเกอร์ ที่ใช้เข็มทิศเป็นอุปกรณ์สำคัญในการเล่น ใน The Last Jedi ก็มีเข็มทิศแบบเดียวกันนี้ให้เห็นแว้บ ๆ วางอยู่บนชั้นในกระท่อมของลุค
6. การสร้างหนังที่มีสาวกทั่วโลกนับล้านนี่เป็นเรื่องยากและต้องใส่ใจให้ความละเอียดสูงเป็นพิเศษ ฉากมือหุ่นยนต์ของลุคเอื้อมมารับไลต์เซเบอร์จากมือของเรย์นี้ถูกสังเกตเห็นตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างหนังออกมา ซึ่งแฟนๆ ต่างก็ชื่นชมความละเอียดของผุ้สร้างที่ใส่รอยไหม้จากการถูกยิงไว้บนหลังมือหุ่นยนต์ด้วย รอยนี้เกิดมาจากการที่ลุคถูกยิงที่หลังมือใน Return Of The Jedi ซึ่งผู้สร้างก็ไม่พลาดที่จะใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ไว้ด้วย นี่ขนาดแค่ในตัวอย่างนะยังเห็นกันขนาดนี้ เมื่อไหร่ที่ดีวีดีออกมาคงจะมีจุดให้ตามเก็บรายละเอียดอีกเพียบแน่
7. นมสีฟ้า มีมาตั้งแต่ภาคแรก เราจะเห็นลุค และครอบครัวนั่งทานอาหารด้วยกันและดื่มนมสีฟ้า และใน Rogue One ก็ยังดื่มนมสีฟ้ากันอยู่ แต่มาใน The Last Jedi บนดาว อาช-โท น่าจะไม่มีนมสีฟ้าให้ดื่มแล้วแต่ลุคก็ยังชอบดื่มนมอยู่และไปรีดนมจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมบนเกาะมาดื่ม แต่รอบนี้เป็นนมสีเขียวแล้ว คาดกันว่าภาคต่อไปเราอาจจะได้เห็นนมสีแดง สีเหลืองกัน
8. ระดับอาจารย์เจไดต้องกินอยู่คล้ายๆ กัน สังเกตกระท่อมของลุค ตอนที่โดนชิวเบคก้าพังประตูเข้าไป จะสังเกตเห็นได้ว่าประตูกระท่อมก็เป็นประตูของยานเอ็กซ์วิงที่ขับมาแล้วปล่อยจมไว้ใต้ทะเล ก็คล้ายๆ กับวิถีของอาจารย์โยดา กระท่อมโยดาบนดาวดาโกบาห์ก็ใช้ชิ้นส่วนของกระสวยหลบหนี ลำที่เราเห็นในตอน Revenge of the Sith นั่นแหละ
9. มีนักแสดง นักร้อง คนดังมากมายที่มาแอบเล่นทั้งที่เห็นจริงและเป็นข่าวลือ เอาที่เห็นจริง ๆ ก่อนนะ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ด ผู้กำกับจาก Rogue One มาเล่นเป็นทหารฝ่ายต่อต้าน คนที่หยิบเกลือมาชิมแล้วบอก "เกลือนี่หว่า" , จัสติน เทอโรซ์ นักแสดงและนักเขียนบทภาพยนตร์ รายนี้ไม่ค่อยดังในบ้านเรา เขาแอบมาเล่นแบบไม่เอาเครดิตเป็นนักถอดรหัสตัวจริงที่ฟินน์และโรสมาตามหา , ไรอัน จอห์นสัน ผู้กำกับของภาคนี้และโจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ มาให้เสียงพากย์เป็นมนุษย์ต่างดาว 2 ตัว ที่มาโวยวายตอนฟินน์กับโรสมาจอดยาน และอีกหลายรายที่มีข่าวว่ามาเล่นเป็นสตอร์มทรูเปอร์ก็มี เจ้าชายแฮร์รี่ เจ้าชายวิลเลียม , ทอม ฮาร์ดี้ และแกรี่ บาร์โลว์ จากวง Take That ที่ไม่มีการออกมายืนยันว่ามาเล่นจริงหรือเปล่า
10. "Slowen Lo"คือชื่อของมนุษย์ต่างดาวที่โจเซฟ กอร์ดอน เลวิตต์ มาให้เสียงพากย์ ภาพประกอบนี้เป็นภาพเดียวที่ชัดที่สุดเท่าที่หาได้บนอินเตอร์เน็ตแล้ว Slowen Lo เป็นมนุษย์ต่างดาวสายพันธุ์ "อะเบ็ดเนโด" สายพันธุ์นี้ปรากฏตัวครั้งแรกใน Star Wars: The Force Awakens เป็นนักบินฝ่ายต่อต้านชื่อ "Ello Asty" มนุษย์ต่างดาว "อะเบ็ดเนโด" เป็นไอเดียของผู้กำกับ เจ.เจ. อบรามส์ ที่ชื่นชอบวงดนตรี Beastie Boys มาก เลยเอาชื่อเพลงหรือชื่ออัลบั้มมาตั้งเป็นชื่อมนุษย์ต่างดาว ชื่อ Ello Asty ก็เพี้ยนมาจากอัลบั้ม Hello Nasty ส่วนชื่อ Slowen Lo ก็เอามาจากเพลง "Slow and Low" คอยดูภาคต่อไปนะ ว่าเราจะเห็นมนุษย์ต่างดาวอะเบ็ดเนโด ชื่ออะไรอีก
11.มียานลำนึงของฝ่ายต่อต้านชื่อว่า "แรดดัส" ตั้งชื่อตามนายพลแรดดัส จากภาค Rogue One แรดดัสเป็นผู้ควบคุมกองเรือพันธมิตร เขาคือผู้คิดแผนการขโมยผังดาวเดธสตาร์ และเป็นคนส่งกองยานไปสนับสนุนทีมโร้กวัน แรดดัส เสียชีวิตด้วยน้ำมือของดาร์ธ เวเดอร์ ฝ่ายต่อต้านจึงตั้งชื่อยานลำหนึ่งว่า "แรดดัส" เพื่อเป็นเกียรติแก่วีรบุรุษท่านนี้
12. Gary The Dog ตัวที่เห็นในฉากหลังมนุษย์ต่างดาวอุ้มอยู่นั่นล่ะ เป็นหมาพันธุ์เฟรนช์บูลด้อกชื่อแกรี่ เป็นหมาของ แคร์รี่ ฟิชเชอร์ เจ้าของบทเลอา แกรี่มากองถ่ายประจำจนได้ร่วมเล่นด้วยเลย ไม่รู้ได้ค่าตัวด้วยไหม แกรี่ เป็นหมาที่ดังมากในโลกโซเชียลขนาดมีทวิตเตอร์ส่วนตัวด้วยนะ