ปฏิเสธไม่ได้ว่า Blade Runner ได้กลายเป็นหนังไซไฟที่ตราตรึงใจคนดูหนังไปทั่วทั้งโลกมาสามสิบกว่าปีแล้ว ด้วยเนื้อหาและงานภาพที่ล้ำกว่าเรื่องอื่นๆ ในยุคนั้นจึงกลายเป็นหนังไซไฟที่ถูกหยิบมาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่หนังเรื่องต่างๆ และถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ ซึ่งผู้กำกับ เดนิส วิลล์เนิฟ ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่หลังจากมีการทาบทามให้เขามากำกับหนังภาคต่ออย่าง Blade Runner 2049 เขากลับไม่เห็นด้วยที่จะมีการสร้างหนังที่เป็นภาคต่อหนังอันเป็นตำนานเรื่องนี้ แต่หลังจากได้อ่านบทที่มาจากฝีมือของ แฮมพ์ตัน แฟนเชอร์ ที่เคยเขียนภาคแรกแล้วเขากลับเปลี่ยนใจโดยทันที

"ก่อนที่ผมจะได้อ่านบทหนังเรื่องนี้ ความรู้สึกแรกของผมคือผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากที่ ริดลีย์ สก็อตต์ ต้องการทำมัน แต่ในขณะเดียวกันผมก็คือว่า "ที่มันเป็นความคิดที่แย่ที่สุดที่เคยมีมาเลยรึเปล่านะ?" มันมีแนวโน้มที่จะถูกทำให้เป็นแบบเดียวกับสิ่งคลาสสิคต่างๆ เหล่านั้น ผมไม่แน่ใจจนกระทั่งได้อ่านบท พอได้อ่านบทแล้วผมถึงได้เข้าใจถึงแนวคิดเบื้องหลังและเห็นแนวโน้มถึงการสร้างหนังที่ยอดเยี่ยม" เดนิส วิลล์เนิฟ กล่าว

"มันมีแนวคิดที่แข็งแรงมากในบทหนังเรื่องนี้ ผมพูดว่า "โอเค ผมเข้าใจแล้ว" มันไม่ใช่การไหลทวนกลับ ไม่ใช่การรีไซเคิล มันได้เข้าถึงมุมมองที่แตกต่างจากบทกวีชิ้นเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำมัน มันต้องทำให้ผมใช้เวลาสักพักก่อนจะตอบตกลงเพราะมันเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีเหตุผลจากมุมมองของศิลปะที่จะยอมรับความเสี่ยงนั้น ผมได้ทำหนังบางเรื่องที่ทำให้ผมรู้สึกมีสิทธิพิเศษในการเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ และผมพร้อมที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพราะในแง่ศิลปะมันมีเหตุผล"

Blade Runner 2049 เล่าถึง 30 ปีหลังจากเหตุการณ์ในภาคที่แล้ว เมื่อเจ้าหน้าที่ LAPD เค เบลดรันเนอร์คนใหม่ที่ได้ค้นพบความลับบางอย่างที่อาจทำให้สังคมเกิดความโกลาหลได้ ซึ่งการค้นพบของเขานำพาไปสู่การพบกับ ริค เด็คการ์ด เบลดรันเนอร์ที่ได้หายตัวไปเป็นเวลานานกว่า 30 ปี

Blade Runner 2049
ฉายแล้ววันนี้ทั้งในระบบปกติและ MX4D