5 หนังไซไฟคอนเซปต์สุดล้ำ เนื้อหาสุดเข้มข้น ที่ไม่ควรพลาด

Movie News20 กันยายน 2560

             ภาพยนตร์เรื่อง Blade Runner ในปี 1982 ถือว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่ของหนังไซไฟ ถึงแม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็นในแง่ของคำวิจารณ์หรือว่ารายได้ เพราะคนดูติดภาพของหนังแบบ Starwars หรือ Startrek ที่ค่อนข้างสดใสและดูง่าย แต่สำหรับ Blade Runner เป็นหนังดราม่า ไซไฟ ที่ค่อนข้างมืดมน ตัวหนังตั้งประเด็นคำถามทางมนุษยธรรมและจริยธรรมโดยผนวกความเป็นไซไฟไปได้อย่างถึงกึ๋น ทำให้หนังเป็นที่ชื่นชอบของคนในยุคหลังมาก ๆ กว่าในปีที่หนังออกฉาก และในปีนี้ถือได้ว่าเป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการหลัง 30 กว่าปี จากภาคแรก กับ Blade Runner 2049 เรื่องราวของเจ้าหน้าที่เค (ไรอัน กอสลิ่ง) เบลด รันเนอร์คนใหม่ ที่ค้นพบกับเงื่อนงำบางอย่าง ทำให้เขาต้องสืบหาอดีตเบลด รันเนอร์ เด็คคาร์ด (แฮร์ริสัน ฟอ์ด) ผู้ซึ่งกุมความลับบางอย่างเอาไว้ที่อาจส่งผลต่อความเป็นไปของโลกเลยทีเดียว หนังเข้าฉาย 12 ตุลาคมนี้ และก่อนที่เราจะไปชมหนังไซไฟสุดบรรเจิดเรื่องนี้ วันนี้ขอพาทุกท่านไปพบกับ 5 หนังไซไฟ เรื่องเยี่ยมเนื้อหาสุดเข้มข้นที่ห้ามพลาด  มีเรื่องอะไรบ้างไปดูกันเลย

 

1. Blade Runner (1982)



           ภาคสองกำลังจะเข้า จะไม่ให้พูดถึงภาคแรกก็คงไม่ได้ โดยภาคนี้กำกับโดย ริดลีย์ สก็อตต์ จาก Alien เนื้อเรื่องพูดถึงโลกในอนาคตปี 2019 ประชากรส่วนใหญ่ได้อพยพไปอยู่ Off World ลอสแองเจงลิส เศรษฐกิจส่วนใหญ่อยู่ในมือคนญี่ปุ่น และมีกลุ่มหุ่นยนต์ที่สามารถมีความรู้สึกเหมือนมนุษย์มากๆ คือกลุ่ม Replicant หุ่นยนต์เหล่านี้เหมือนคนจนดูไม่ออก ซึ่งการจะแยกแยะออกมาได้อยู่ที่ดวงตา จะมีอาการตอบรับอย่างไรเมื่อมีการถามคำถาม ประมาณ 20-30 คำถาม ดังนั้นความรู้สึกของหุ่นยนต์นี้สามารถรับความรู้สึกของมนุษย์ได้ ทั้งความรัก การแสดงอาการเสียใจ ความโกธร และสามารถมีเพศสัมพันธ์กับมนุษย์ได้

กลุ่มหุ่นยนต์นี้ถูกสร้างให้เป็นทาส และนำไปใช้ในเขต Off World ถ้าหุ่นยนต์ตัวไหนหนี ก็จะถูกตามล่าจากตำรวจ หรือมือสังหารที่ถูกเรียกว่า Blade Runner พระเอกของเรื่อง ริค เด็คคาร์ด อดีตตำรวจที่มีฝีมือในการล่าหุ่นยนต์ Replicant ซึ่งได้เลิกการล่าหุ่นยนต์เหล่านี้แล้ว แต่ครั้งนี้เขาถูกตามตัวมาล่าหุ่นยนต์ 4 ตัวด้วยกัน ระหว่างการตามล่า เขากลับตกหลุมรักหุ่นยนต์สาว ซึ่งเป็นผู้ช่วยสาวขององค์การที่ผลิตหุ่นยนต์นี้

หนังเรื่องนี้ไม่ประสบความสำเร็จตอนที่ออกฉาย แต่ภายหลังหลายปี Blade Runner กลับได้รับความชื่นชมอย่างมากมาย กับสไตล์หนังวิทยาศาสตร์สืบสวนสอบสวน แบบฟิล์มนัวร์ ที่เป็นต้นแบบของหนังยุคหลังๆ อย่างเช่น Minority Report เป็นต้น

 

2. Minority Report (2002)



                การพบกันครั้งแรกระหว่างพ่อมดแห่งวงการฮอลลีวูด สตีเว่น สปีลเบิร์ก และ ทอม ครูซ ในหนังแอ็คชั่น-ไซไฟ ที่สร้างจากเรื่องสั้นวิทยาศาสตร์ในชื่อเดียวกันของ ฟิลิป เค. ดิ๊ค หนังเล่าถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในปี 2054 ที่อาชญากรรมกลายเป็นศูนย์ เมื่อหน่วยงานรักษากฎหมาย "หน่วยสกัดอาชญากรรมพรีไครม์" (Precrime) ได้ถูกตั้งขึ้น เพื่อจับกุมคนร้ายที่จะลงมือก่อคดีอาชญากรรม ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริงๆ ผ่านเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่มีผู้ทำนายเหตุการณ์ในการมองเห็นอนาคตและคดีต่างๆ โดยมี จอห์น แอนเดอร์ตัน (ทอม ครูซ) เป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามในการนำทีมจับกุม แต่เมื่อวันหนึ่งข้อมูลการคาดการณ์ดคีที่จะเกิดขึ้น กลับกลายเป็น แอนเดอร์ตัน เองที่กลายเป็นผู้ต้องหา และกำลังจะฆ่าคนในอีก 36 ชั่วโมงข้างหน้า สิ่งที่แอนเดอร์ตันทำคือต้องหลบหนีการไล่ล่า พร้อมกับแก้ไขสถานการณ์เพื่อยืนยันว่าเขาไม่ใช่ฆาตก

 

3. Contact (1997)



                  หลังจากสร้างชื่อไปกับหนังไซไฟล้ำจินตนาการอย่าง Back To The Future โรเบิร์ต เซเม็กคิส ก็ยังคงไม่หลีกหนีไปจากทางนี้อีกครั้ง แต่คราวนี้เปลียนจากลูกบ้าแฟนตาซี มาสู่ความเข้มข้นของเนื้อหาที่หนักหน่วงและยังคงมีความล้ำในจินตนาการจนกลายเป็นผลงานท็อปฟอร์มแห่งวงการไซไฟ อย่าง Contact นำแสดงโดย โจดี้ ฟอสเตอร์ และ แมทธิว แมคคอนนาเฮ เมื่อ ดร.เอลลี (โจดี้ ฟอสเตอร์) สามารถจับคลื่นสัญญาณจากห้วงอวกาศได้ เธอจึงพยายามถอดรหัส และค้นพบรายละเอียดเกี่ยวกับคำแนะนำในการสร้างเครื่องจักรที่ทำให้เธอสามารถติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้ สุดท้าย ดร.เอลลี่ ต้องตัดสินใจว่าเธอควรจะเสี่ยงชีวิตเพื่อติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวหรือไม่ และสิ่งที่รอคอยการติดต่อนั้นมันเป็นอะไรกันแน่ เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่อยู่หนังเรื่องโปรดของคอหนังไซไฟหลายๆ คน ทั้งเนื้อหาชวนติดตามและการเล่าเรื่องที่สนุกและน่าประทับใจ

 

4. Gattaca (1997)



                    หนังไซไฟคอนเซ็ปต์ล้ำที่มีเนื้อหาชวนติดตามและชวนลุ้นไปตลอดเรื่อง Gattaca เล่าถึงโลกอนาคตที่ตั้งคำถามถึงความสมบูรณ์แบบของมนุษย์ รวมถึงการออกแบบและการตัดต่อพันธุกรรมในยีนเพื่อให้ได้มนุษย์ที่ไร้ที่ติ ซึ่งความทะเยอทะยานดังกล่าวได้แบ่งแยกชนชั้นของมนุษย์ออกเป็นสองจำพวก คือ มนุษย์ยีนเด่น (Valid) และมนุษย์ยีนด้อย (Invalid) โดยเล่าเรื่องของ วินเซนต์ (อีธาน ฮอล์ค) เด็กที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ  แต่มาพร้อมกับยีนด้อย ไม่ว่าเขาจะพยายามและตั้งใจเรียนแค่ไหน สุดท้ายจึงได้เป็นเพียงแค่คนทำความสะอาดในสำนักงานสำหรับงานสำรวจอวกาศ และวันหนึ่งเขาก็ได้เจอกับเจอโรม (จู้ค ลอว์) อดีตนักว่ายน้ำที่พิการจากการฆ่าตัวตาย โดย เจอโรมเห็นความตั้งใจของวินเซนต์จึงยอมให้วินเซนต์ปลอมแปลงเป็นเขา โดยใช้เลือกและส่วนต่าง ๆ ขอเจอโรมในการสมัครงานใน Gattaca เพือที่จะเป็นนักบินอวกาศ

 

5. The Fountain (2006)



                   เรื่องราวชะตากรรมของคู่รักสามยุคสมัย ตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตที่เวลาห่างกันนับพันปี ซึ่งอาจตีความได้ว่าพวกเขากลับชาติมาเกิด ทำให้หน้าหนังที่ดูเหมือนจะเป็นไซไฟ กลับสอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายได้อย่างคมคาย ผลงานกำกับของ ดาเรน อะโรนอฟสกี้ คนทำหนังผู้ขึ้นชื่อในการตีความปรัชญาทางศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง