อธิบายขยายความ ฉากหลังเครดิตจบใน Spider-Man: Far From Home

Movie News9 กรกฎาคม 2562

*** ยังไม่ดู ห้ามอ่านเด็ดขาดนะจ๊ะ ***

         ตามธรรมเนียมของหนังในจักรวาลมาร์เวล จะต้องมีฉากหลังเครดิตท้ายเรื่องที่เป็นโบนัสพิเศษ จากเดิมที่เป็นของแถม แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นอีกหัวใจหลักของหนังที่แฟนๆ เฝ้ารอไปเสียแล้ว ว่ามาร์เวลจะแอบซ่อนอะไรไว้ในฉากพวกนี้ แม้ว่าฉากหลังเครดิตจบใน Spider-Man: Homecoming จะเคยแกล้งแฟนๆ ให้ขำไม่ออกมาแล้ว แต่กับฉากหลังเครดิตจบใน Spider-Man: Far From Home ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง เพราะทั้ง 2 ฉากจบก็เผยเส้นทางในอนาคตของสไป เดอร์-แมน และทิศทางของจักรวาลมาร์เวลให้เห็นกันชัดๆ



ในฉากแรก

       ที่ไม่ต้องรอกันนาน หลังเครดิตจบสั้นๆ ก็เผยฉากพิเศษที่ยาวพอดู เราได้เห็นสไปเดอร์-แมน กับ เอ็มเจ มีความสุขกับการได้ห้อยโหนโจนทะยานกันมา หลังจากบ๊ายบายกันที่หัวมุมถนน พลันจอโฆษณาก็ปรากฏภาพของ เจ.โจนาห์ เจมีสัน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เดลี บูเกิ้ล ที่เอาคลิปลับที่เขาได้รับจากมิสเตอริโอมาเปิดเผย และที่สำคัญคลิปนั้นเปิดเผยว่าตัวตนจริงของสไปเดอร์-แมน คือ พีเตอร์ พาร์กเกอร์ ทำให้สถานการณ์จากชื่นมื่นกลายเป็นตึงเครียดทันที ว่าภาคต่อไปสไปเดอร์-แมน จะแก้เกมนี้อย่างไร เมื่อคนทั้งโลกรู้ัความลับของเขา

 

 


         และอีกจุดที่แฟนๆ ดั้งเดิมของ Spider-Man ไตรภาคแรก รู้สึกพึงพอใจกับฉากนี้ก็เพราะ การกลับมาของ เจ.เค. ซิมมอนส์ ในบท เจ.โจนาห์ เจมีสัน เพราะนี่คือปรากฏการณ์ครั้งแรกในจักรวาลมาร์เวล ที่ใช้นักแสดงจากไตรภาคแรกกลับมารับบทเดิม เพราะธรรมเนียมเดิมๆ ที่ผ่านมาของจักรวาลมาร์เวล จะคัดเลือกนักแสดงใหม่หมด ก็ต้องชื่นชมยินดีกับ เจ.เค. ซิมมอนส์ ที่ได้รับเกียรตินี้เป็นคนแรก และเป็นการตัดสินใจจาก จอน วัตต์ ผู้กำกับเองเลย

ปัจจุบัน เจ.เค. ซิมมอนส์ อายุ 64 ปีแล้ว เขาห่างหายจากบท เจ.โจนาห์ ไปถึง 12 ปี ครั้งสุดท้ายที่เขาสวมบทนี้คือ Spider-Man 3 ปี 2007 และการกลับมาครั้งนี้เขายังมีดีกรีออสการ์ นักแสดงสมทบพ่วงมาด้วยจากหนัง Whiplash (2015)  และการกลับมาของ เจ.โจนาห์ ในรอบนี้ก็เปิดเผยตัวในฐานะผู้ร้ายตัวสำคัญกับสไปเดอร์แมนอย่างจริงจังเสียด้วย ยิ่งทำให้ปฏิบัติการครั้งต่อไปของสไปเดอร์-แมน ทอม ฮอลล์แลนด์ เข้มข้นมากขึ้นอย่างแน่นอน



ในฉากที่ 2

       ที่ต้องรอน้านนานจนกว่าตัวหนังสือขาวบนพื้นดำจะวิ่งจนหมด แต่ก็เป็นฉากสำคัญที่ใครพลาดไปจะต้องเสียดาย เพราะนี่คือการเผยอนาคตก้าวสำคัญของจักรวาลมาร์เวล และเผยว่าที่เราดูมาทั้งเรื่องนั้น โดนหลอกมาตลอดหลังจบปฏิบัติการในลอนดอน นิค ฟิวรี่ และ มาเรีย ฮิลล์ ก็นั่งคุยกันในรถ ผ่านไปสักครู่ มาเรีย ฮิลล์ ก็เปิดเผยตัวตนว่าแท้จริงแล้วเธอคือ โซเร็น และบอกให้ นิค ฟิวรี่ ตัวปลอมเผยตัวออกมาเช่นกันว่าแท้จริงเขาก็คือ ทาลอส มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์สครัลล์ ที่มีความสามารถพิเศษในการปลอมแปลงร่างกายเป็นใครก็ได้ ทาลอส และโซเร็น ภรรยาของเขา มีบทบาทอย่างมากในหนัง Captain Marvel ถ้าใครไม่ได้ชมก็น่าจะมีงงกับฉากนี้พอดูล่ะ จากนั้นทาลอส ก็โทรศัพท์หานิค ฟิวรี่ ตัวจริงเพื่อรายงานผลการปฎิบัติการของเขา ในฐานะที่เป็นนิค ฟิวรี่ ตัวปลอม ส่วนนิค ฟิวรี่ ตัวจริงนั้นก็นอนตากอากาศจิบเครื่องดื่มอย่างสบายใจอยู่ริมชายหาด จากนั้นภาพก็ถอยออกมาให้เห็นภาพมุมกว้างเผยว่า ภาพทะเลที่เห็นนั้นคือภาพจำลองบนจอขนาดใหญ่ ซึ่งอยู่บนยานอวกาศของชาวสครัลล์ แล้วนิคก็เดินออกไปสั่งงาน ภาพมุมกว้างเผยให้เห็นเจ้าหน้าที่ประจำงานชาวสครัลล์มากมายเดินกันขวักไขว่.....................จบ

 


        อธิบายเพิ่มเติมว่าฉากนี้มีความสำคัญอย่างไร สำหรับแฟนๆ ที่ติดตามเฉพาะหนังมาร์เวลอาจจะมีงง ว่านิค ฟิวรี่ ขึ้นไปทำอะไรบนยานของสครัลล์ แต่ถ้าแฟนเดนตายของมาร์เวลที่อ่านหนังสือการ์ตูนกันมาก่อนแล้วจะรู้ว่านี่คือการแนะนำตัวโครงการ S.W.O.R.D. เข้าสู่จักรวาลหนังมาร์เวล S.W.O.R.D.เป็นชื่อย่อจาก Sentient World Observation and Response Department แปลได้ความว่า "หน่วยงานเฝ้าระวังโลก และตอบโต้" เป็นหน่่วยงานในสังกัดของ S.H.I.E.L.D.ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสอดส่องและป้องกันการจู่โจมจากบรรดามนุษย์ต่างดาว หลังจากหลายๆ เหตุร้ายในมาร์เวลเฟส 1-3 มีข้าศึกรุกรานจากนอกโลกบ่อยครั้ง



          ในเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนนั้น หน่วยงาน S.W.O.R.D.ถือกำเนิดใน Astonishing X-Men Vol 3 #6 ปี 2004 แต่สิ่งที่อาจจะเปลี่ยนไปจากหนังสือการ์ตูนก็คือตำแหน่งหัวหน้าหน่วยของ S.W.O.R.D.เพราะในการ์ตูนนั้นผู้ที่ดำรงตำแหน่งนี้ อบิเกล แบรนด์ ลูกครึ่งมนุษย์และต่างดาว ผู้มีผมสีเขียวเป็นเอกลักษณ์ มีสมาชิกหลักคือ บีสต์ จาก X-men และ สไปเดอร์-วูแมน แต่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ น่าจะเปลี่ยนมาให้ นิค ฟิวรี่ เป็นหัวหน้าหน่วยของ S.W.O.R.D.แทน เพราะเขามีสัมพันธ์กับชาวสครัลล์มาตั้งแต่ยุค 90s เหตุการณ์จากใน Captain marvel และเคยมีผลงานในการก่อตั้งกลุ่ม อเวนจอร์ส มาแล้ว ฉะนั้นเขาคือผู้เหมาะสมที่สุดที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วย S.W.O.R.D. ดูแววแล้วมาร์เวลจะปูทางเรื่องราวในเฟส 4 ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น และมีเหตุการณ์ออกไปนอกอวกาศมากขึ้นแล้วล่ะ

 

 

ตัวอย่างภาพยนตร์