หลังจาก Rocketman เราจะได้ดูหนังชีวประวัติศิลปินเพลงอย่างน้อยอีก 3 เรื่อง
หลังจาก bohemian rhapsody หนังชีวประวัติของ เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ นักร้องนำวง Queen ที่ออกฉายเมื่อพฤศจิกายน 2561 หนังสร้างสถิติใหม่ด้วยรายได้ 903 ล้านเหรียญทั่วโลก กลายเป็นหนังชีวประวัติบุคคลที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นการปลุกกระแสให้ผู้สร้างหนังหันมาสนใจทำหนังชีวประวัติศิลปินเพลงระดับโลกอีกหลายคน เริ่มจากผู้กำกับเด็กซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ ที่เข้าไปสานต่อโปรเจกต์ Bohemian Rhapsody ที่ผู้กำกับไบรอัน ซิงเกอร์ ทิ้งโปรเจกต์ไปกลางคันเพราะมีปัญหาภายในครอบครัว แล้วได้เด็กซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ มาสานต่อจนสำเร็จ สุดท้าย Bohemian Rhapsody ก็เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จทั้งรางวัลและรายได้ ส่งให้รามิ มาเล็ค คว้ารางวัลสูงสุด นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์
ซ้าย : เด็กซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ ผู้กำกับ / กลาง : เอลตัน จอห์น และ ขวา : ทารอน อีเกอร์ตัน
เด็กซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ สานต่อความสำเร็จของเขาด้วยการกำกับ Rocketman หนังชีวประวัติของ เอลตัน จอห์น ศิลปินอมตะระดับโลกชาวอังกฤษ ที่ได้ ทารอน อีเกอร์ตัน พระเอกงานชุกอีกคนในยุคนี้ ทารอน แจ้งเกิดมาจากบท "เอ็กซี่" ในหนัง Kingsman ทั้ง 2 ภาค และเพิ่งเป็น Robinhood เมื่อปีที่ผ่านมา เขาเคยร่วมงานกับผู้กำกับเด็กซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ มาแล้วใน Eddie the Eagle เมื่อปี 2015 พอกลับมารับบทนำในฐานะ เอลตัน จอห์น ก็เลยเป็นการกลับมาร่วมงานกันครั้งที่ 2 ซึ่งน่าจะทำงานกันด้วยความคุ้นเคยดีขึ้น และถือว่า ทารอน ก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ทั้งฝีมือการแสดง และรูปหน้าทรงสี่เหลี่ยมที่มีส่วนละม้ายกับเอลตัน จอห์น พอเสริมงานเมคอัปเข้าไป ก็ทำให้เชื่อได้ว่านี่คือเอลตัน จอห์น ในวัยหนุ่ม หนัง Rocketman มีกำหนดฉายในบ้านเรา 20 มิถุนายน นี้ และเป็นอีก 1 โปรเจกต์ที่ผู้ชมที่เป็นแฟนๆ เอลตัน จอห์น ทั่วโลกต่างรอคอยที่จะได้ไปชมความเป็นมาของศิลปินคนโปรด และได้ฟังเพลงฮิตอีกมากของเขาบนจอภาพยนตร์ ก็น่าติดตามชมว่า เด็กซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ จะเป็นผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จกับหนังชีวประวัติ 2 เรื่องซ้อนหรือไม่
ในวันนี้ชื่อของเด็กซ์เตอร์ เฟลตเชอร์ ก็กลายเป็นผู้กำกับผู้เชี่ยวชาญกับหนังชีวประวัติศิลปินเพลงระดับโลกไปเสียแล้ว ซึ่งตัวเขาเองก็พอใจที่จะสานต่องานในแนวนี้ แล้วเขาก็เผยว่าเรื่องต่อไปที่เขาอยากจะทำก็คือ ชีวประวัติของ มาดอนน่า ศิลปินหญิงที่ทั่วโลกรู้จักกันดี "ผมอยากทำหนังมาดอนน่า เรื่องราวชีวิตของเธอมันโลดโผนอย่างกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกาเลย หนังต้องออกมาไม่ธรรมดาแน่ๆ" เด็กซ์เตอร์ เผยความรู้สึกกับผู้สื่อข่าว แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดของตัวเด็กซ์เตอร์เท่านั้น ยังไม่มีการเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ แม้กระทั่งการพูดคุยกับตัวมาดอนน่าเอง "ผมไม่รู้ว่าเธอจะเห็นชอบกับโปรเจกต์นี้มั้ย แต่ถ้าถามผมนะว่าศิลปินคนไหนที่จะมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความโลดโผนขนาดนี้ ก็มีแต่มาดอนน่าคนเดียวนี่ล่ะ เธอช่างมีความพิเศษสุดจริงๆ" ก็ถ้าเด็กซ์เตอร์ สนใจอยากจะเดินหน้าโปรเจกต์นี้จริงๆ ก็เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ และน่าลุ้นให้เป็นจริง แม้ว่าขั้นตอนแรกก็เป็นเรื่องยากน่าดูแล้ว เพราะในอดีตทางค่ายยูนิเวอร์แซล ก็เคยพยายามจะสร้างหนังชีวประวัติของมาดอนน่ามาแล้ว ด้วยการซื้อลิขสิทธิ์หนังสือ Blond Ambition ชีวประวัตของมาดอนน่าที่เขียนโดย อีลิส ฮอลแลนเดอร์ แต่ไม่ได้รับความเห็นชอบจากมาดอนน่าที่ออกมาให้ความเห็นอย่างรุนแรงต่อโปรเจกต์นี้ "ไม่มีใครรู้เรื่องราวของตัวฉันดีได้เท่าตัวฉันเอง ถ้ามีใครหน้าไหนที่มันอยากลองมาทำ มันพวกนั้นคือพวกฉ้อฉล เป็นพวกโง่ ที่จ้องคอยแต่จะหากินแบบง่ายๆ ฉาบฉวยโดยไม่ได้ทำการบ้านมาก่อน ไอ้พวกนี้นี่มันเชื้อโรคในสังคมเราดีๆ นี่เอง" เป็นการตอบโต้จากขุ่นแม่ที่ดุเดือดมาก ทำให้โปรเจกต์หนังต้องยุติไป ดูแล้วไอเดียของเด็กซ์เตอร์รอบนี้ ดูท่าจะไม่ง่ายเสียแล้ว ขอเอาใจช่วยในการเจรจากับขุ่นแม่ให้สำเร็จนะครับ เราจะได้ดูหนังมาดอนน่ากัน
อาเรธา แฟรงคลิน ในยุครุ่งเรือง
อีกเรื่องที่เราได้ดูกันแน่นอนแล้วในปีหน้านี้คือ "respect" หนังชีวประวัติ อาเรธา แฟรงคลิน เจ้าแม่เพลงโซลชื่อก้องโลก เธอเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้วนี่เองเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ด้วยวัย 76 ปี และตลอดชีวิตในอาชีพศิลปิน เธอคว้ารางวัลแกรมมี่มาแล้วถึง 17 ตัว นับว่าเป็นโชคดีของทีมงาน ที่อาเรธาได้มีส่วนร่วมกับโปรเจกต์จนเกือบเสร็จสิ้น และที่สำคัญอาเรธา แฟรงคลิน เป็นคนเลือกให้ เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน มารับบทเป็นตัวเธอเอง ถือว่าเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมาก เพราะเจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เป็นศิลปินที่เก่งทั้งร้องและแสดง เธอคว้าตำแหน่งชนะเลิศมาจากเวที American Idol ปี 2002 ออกสตูดิโออัลบั้มมาแล้วถึง 3 ชุด มีซิงเกิ้ลฮิตหลายเพลง ด้านการแสดงเธอประเดิมงานแสดงในหนัง Dreamgirls (2006) แค่เรื่องแรกเธอก็คว้ารางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตได้เลย กับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จากเวทีออสการ์ หลังจากนั้นก็มีงานแสดงต่อเนื่องอีกกว่า 10 เรื่อง ทั้งภาพยนตร์และทีวีซีรีส์
เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน ถ่ายภาพกับ อาเรธา แฟรงคลิน
หนังได้มือเขียนบทฝีมือดี แคลลี่ คูรี่ ที่เคยมีผลงานอมตะอย่าง Thelma & Louise มารับผิดชอบด้านบทภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเล่าเรื่องราวของอาเรธา ตั้งแต่วัยเด็ก เธอได้ร้องเพลงในโบสถ์ของพ่อเธอเอง จนได้ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก , ฮาร์วียร์ เมสัน จูเนียร์ มือเก๋าในวงการดนตรี เขาเคยเขียนเพลงและเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับทั้งอาเรธา แฟรงคลิน และ เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน มานั่งเก้าอี้อำนวยการสร้าง ซึ่งเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มาก ด้านผู้กำกับได้ ลีเซิล ทอมมี่ ผู้กำกับหญิงที่สั่งสมประสบการณ์มาจากละครเวที เคยได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโทนี่มาแล้ว 6 ครั้ง ผ่านงานกำกับทีวีซีรีส์มาแล้วหลายเรื่อง เป็นอีกโปรเจกต์ที่น่าสนใจ รอคอยชมกันปีหน้าครับ
และเรื่องล่าสุดที่เพิ่งประกาศสร้างอย่างเป็นทางการคือชีวประวัติของ "บอยจอร์จ" ศิลปินชาวไอริสที่ดังระบิดเถิดเทิงมากในยุค 80s ด้วยการเป็นศิลปินที่นำสนอภาพลักษณ์ว่าเป็นกะเทยอย่างชัดเจนคนแรกๆ ในวงการเพลง บอยจอร์จ เป็นนักร้องนำและนักแต่งเพลงของวงculture club มีเพลงฮิตมากมายอย่าง Karma Chameleon , do you really want to hurt me , time และ I’ll Tumble 4 Ya ซิงเกิ้ลของวงขายได้รวมกันมากกว่า 100 ล้านแผ่น ส่วนอัลบั้มก็ขายได้มากกว่า 50 ล้านชุด ตัวบอยจอร์จเองยังเขียนอัตชีวประวัติออกมาถึง 2 เล่มด้วย
โปรเจกต์นี้ได้ ซาช่า เกอร์วาซี มากุมบังเหียนสำคัญทั้งเขียนบทและกำกับ ซาซ่า ชื่ออาจจะไม่คุ้นหู แต่เป็นผู้กำกับที่คร่ำหวอดในฮอลลีวู้ดมานาน เคยเขียนบท The Terminal ให้กับสตีเวน สปิลเบิร์ก ส่วนผลงานกำกับก็เคยผ่านงานชีวประวัติบุคคลสำคัญมาแล้วในเรื่อง Hitchcock ที่เล่าชีวิตช่วงหนึ่งของ อัลเฟรด ฮิตช์คอกซ์ ผู้กำกับระดับปรมาจารย์ ที่เขาได้กำกับนักแสดงรางวัลออสการ์รุ่นใหญ่อย่าง แอนโธนีย์ ฮอปกินส์ และเฮเร็น มิเรน ฉะนั้นงานชีวประวัติของบอยจอร์จ จึงไม่ใช่งานยากหรืองานใหม่สำหรับซาช่า หนังยังอยู่ในขั้นเตรียมงานสร้าง ยังไม่ได้คัดนักแสดงที่มารับบท และวางกำหนดฉาย ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะรีบมาเล่าให้ฟังครับ และเชื่อว่าหนังชีวประวัติศิลปินรดับโลกน่าจะยังไม่หมดแค่นี้ เพราะกลายเป็นเทรนด์ฮิตในฮอลลีวู้ดไปเสียแล้ว
ตัวอย่างภาพยนตร์