10 เรื่องน่าทึ่งของนักแสดงมหัศจรรย์ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

Movie News14 พฤษภาคม 2562

       จากดาราวัยรุ่นที่เข้าวงการตั้งแต่ยุค 80s ขึ้นมามีชื่อเสียงในยุค 90s มีงานวิ่งเข้าหามากมาย แต่แล้วก็เลือกทางผิด หลงใหลในยาเสพติดที่ทำลายชีวิตการงานที่กำลังรุ่งเรือง พยายามเลิกแล้ววนกลับไปหายาอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็เลิกได้เด็ดขาดในปี 2003 โชคดีที่เพื่อนฝูงในวงการยังให้การต้อนรับ ชีวิตช่างเหมือนเรื่องอัศจรรย์ เมื่อเขาได้เสนอโอกาสให้สวมชุด Ironman ในปี 2008 จากนักแสดงที่พาชีวิตตกต่ำจนถึงขีดสุด แล้วก็พาตัวเองกลับมายืนอยู่จุดสูงสุดในวงการ ในฐานะนักแสดงฮอลลีวู้ดที่ได้รับส่วนแบ่งจากหนังสูงที่สุดตลอดกาลในวัย 54 ปี วันนี้โรเบิร์ต ดาวนีย์ ก็ได้อำลาบทบาท Ironman ไปอย่างสง่างามและประทับใจผู้ชม ที่เชื่อว่าหลายๆ คนได้หลั่งน้ำตาให้กับเขามาแล้ว ถึงแม้เขาจะฝากภาพความทรงจำดีๆ ไว้กับบทโทนี่ สตาร์ค หรือ ไอออนแมน แต่บทบาทหน้าที่นักแสดงของโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ยังไม่จบลงเท่านี้ ตั้งแต่ปีหน้าไปยังมีผลงานแสดงของเขาทั้งที่สร้างเสร็จ และเตรียมการสร้างอีกหลายเรื่อง ถึงตอนนี้ยังมีเรื่องราวน่าสนใจอีกมากจากเขาคนนี้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ให้เราได้เซอร์ไพรส์ไปกับชีวิตของเขามากขึ้น

 

1. เขาต้องใส่รองเท้าเสริมส้นเกือบทุกเรื่องที่แสดง



        ด้วยความสูงที่ 174 ซม. ก็ไม่ได้ถือว่าเตี้ยนะ สำหรับนักแสดงชายสักคนหนึ่ง ทอม ครูซ ยังสูงแค่ 170 ซม.เอง แต่กลายเป็นว่าหนังที่โรเบิร์ต แสดงในช่วงหลังๆ เขาต้องเข้าฉากกับนักแสดงที่สูงกว่าแทบทั้งนั้น เรื่องแรกที่เขาต้องใส่รองเท้าเสริมส้นก็คือ Sherlock Holmes (2009) ซึ่งเป็นไอเดียมาจากผู้กำกับ กาย ริตชี ที่ไม่อยากได้ภาพนักแสดงนำ 2 คน เข้าฉากแล้วมองเห็นส่วนสูงต่างกันชัดเจนนัก เพราะนักแสดงร่วมก็คือ จู๊ด ลอว์ ที่สูงถึง 178 ซม. พอมารับบทเป็น โทนี่ สตาร์ค ใน Ironman (2008) เขาต้องเข้าฉากกับ กวินเน็ต พัลโธรว์ ในบทเปปเปอร์ พอตต์ คนรักของเขา ซึ่งกวินเน็ต ก็ดันสูงถึง 175 ซม. อีก พอสวมชุดไอออนแมน ไปยืนกับเหล่าอเวนเจอร์ ก็ดันเตี้ยสุดอีก เพราะแต่ละคนนี่มาแบบโย่งๆ ทั้งนั้น คริส อีแวน สูงถึง 183 ซม. ส่วน คริส เฮมเวิร์ธ นั่นปาเข้าไปถึง 190 ซม. แรกๆ นั้นโรเบิร์ต ไม่คุ้นชินกับรองเท้าเสริมส้นเลย แต่วันนี้เขาก็เดินคล่องแคล่วบนรองเท้าเสริมส้นเสียแล้ว

 

2. ลองสูบกัญชาตั้งแต่ 6 ขวบ


โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กับพ่อของเขา โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์


      การที่ช่วงหนึ่งที่เขาเป็นดาราขี้ยานั้นกลายเป็นเรื่องราวที่คนทั่วไปรู้กันดีเมื่อเอ่ยถึงชื่อ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเขาติดยาเพราะสังคมฮอลลีวู้ด อาจจะเพราะเพื่อนบังคับให้ลองในปาร์ตี้ หรือเขาอาจจะลองเองเพื่อเข้าสู่สังคมที่ดาราหลายๆ คนก็ทำกัน แต่สำหรับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ไม่ใช่สาเหตุเหล่านั้น กลับกลายเป็นว่าคนที่ชักจูงให้เขาได้รู้จักยาเสพติดก็คือพ่อของเขาเอง โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์ ซึ่งเป็นผู้กำกับหนังใต้ดินที่มีชื่อเสียงในยุค 60s ถึง 70s เขาได้ให้ลูกชายขณะนั้นเพิ่งวัยเพียง 6 ขวบ ได้ลองสูบกัญชา ซึ่งกลายเป็นประสบการณ์ที่โรเบิร์ตบอกว่าเขาจำรสชาติของมันได้ดี ซึ่งนำพาไปการลิ้มลองด้วยตัวเขาเองในไม่กี่ปีหลังจากนั้น

 

3. เบอร์เกอร์ คิง มีบุญคุณต่อชีวิตเขา



            ในฉากหนึ่งของ Ironman (2008) หลังจากโทนี่ สตาร์ค หนีรอดพ้นจากที่คุมขังของ Ten Rings ในตะวันออกกลาง เมื่อเขาได้กลับมาเหยียบดินแดนสหรัฐฯอีกครั้ง สิ่งแรกที่โทนี่ สตาร์ค ร้องขอจากแฮปปี้่ โฮแกน ก็คือ ชีสเบอร์เกอร์ของเบอร์เกอร์ คิง ฉากนี้ถูกใส่ลงไปด้วยเจตนาของโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เอง อ้างอิงจากความทรงจำของเขาในช่วงที่เขาติดยาอย่างหนัก โรเบิร์ต ขับรถข้ามรัฐ ในรถเต็มไปด้วยยาเสพติด ระหว่างนั้นเขาเกิดหิวโซขึ้นมา จึงขับเข้าเบอร์เกอร์ คิง ข้างทาง สั่งอาหารและน้ำผลไม้ แต่เมื่อได้กัดเบอร์เกอร์เข้าปาก ปากและลิ้นของเขาเกิดมีปฏิกิริยาต่อการรับรสชาติ ทำให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังกินเบอร์เกอร์ที่เน่าบูด วินาทีนั้นสำนึกผิดชอบวิ่งกลับเข้ามาในหัวของเขา เตือนให้เขาตระหนักได้ว่าชีวิตของเขากำลังแย่แล้ว จากนั้นโรเบิร์ตจึงตัดสินใจเลิกยาอย่างเด็ดขาด ทุกครั้งที่เขาเล่าเรื่องนี้เขาก็ให้เครดิตต่อเบอร์เกอร์คิง ว่าช่วยชีวิตเขาไว้จากยาเสพติด ซึ่งเบอร์เกอร์คิงก็มอบบัตรกำนัลพิเศษที่สามารถกินอาหารฟรีได้ไม่จำกัดเป็นการตอบแทนเช่นกัน

 

4. เขาโยนยาเสพติดทั้งหมดลงทะเล



         ต่อเนื่องจากสภาวะบรรลุในเบอร์เกอร์คิง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ยกเลิกแผนการปาร์ตี้เสพยาในสุดสัปดาห์นั้นกับเพื่อนร่วมก๊วน เขาหักหัวรถกลับและขับรถมุ่งสู่ทะเล ที่ชายหาดนั้นเขารู้สึกปลอดโปร่งจากการได้สูดอากาศบริสุทธิ์และได้มองคลื่นกระทบชายฝั่ง ทันใดนั้นเขาก็หยิบเอายาเสพติดทั้งหมดในรถ เทลงสู่ท้องทะเล แล้วก็ตั้งปณิธานว่าจะไม่กลับไปยุ่งกับมันอีก ผลลัพธ์ก็คือความสำเร็จในอาชีพการงานที่เราได้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้

 

5. เขาได้รับอนุญาตให้ออกจากสถานบำบัด 1 วันเพื่อมาแสดงมิวสิควีดีโอให้เอลตัน จอห์น



    ปี 2001 เอลตัน จอห์น ออกอัลบั้ม Songs from the West Coast และต้องการถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลง I Want Love ซิงเกิลแรกดังจากอัลบั้มนั้น เขาได้ว่าจ้าง แซม เทย์เลอร์-จอห์นสัน (Fifty Shades of Grey)ให้มากำกับเพลงนี้ ผู้กำกับแซม บอกว่าเธอจินตนาการภาพของเพลงนี้ออกมาเป็นภาพ ผู้ชายเหงาๆ เดินร้องเพลงนี้อยู่ในบ้านที่ว่างเปล่า และเธออยากได้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ มาแสดงนำในเพลงนี้ด้วยการเดินลิปซิงก์  ซึ่งเอลตันก็เห็นชอบด้วย แต่ปัญหาก็คือขณะนั้นโรเบิร์ต ยังอยู่ในสถานบำบัด เอลตันก็เลยชิมลางด้วยการส่งอัลบั้ม Songs from the West Coast ไปให้โรเบิร์ตลองฟัง ผลปรากฏว่าโรเบิร์ตชอบและอยากจะร่วมงานด้วย เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สถานบำบัดยินยอมให้เขาออกมาถ่ายทำมิวสิควีดีโอนี้ 1 วัน การถ่ายทำผ่านไปด้วยดีด้วยการถ่ายภาพแบบลองเทค โรเบิร์ต ต้องถ่ายทำเพลงนี้ถึง 16 เทค และเทคที่ผู้กำกับแซมเลือกเป็นเทคท้ายๆ ที่เธอบอกว่เป็นเทคที่โรเบิร์ตเริ่มคุ้นชินและผ่อนคลาย มันออกมาดูยอดเยี่ยมมาก

 

6. เป็นศิษย์เก่าของรายการ Saturday Night Live คนเดียวที่ได้เข้าชิงออสการ์


โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ใน Chaplin (1992) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม


          Saturday Night Live เป็นรายการวาไรตี้ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา และอยู่ยงคงกระพันมาตั้งแต่ปี 1975 และยังแพร่ภาพอยู่ทุกวันนี้ ในรายการจะมีช่วงตลกสั้นและนักแสดงในรายการก็มักเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม ทำให้ Saturday Night Live กลายเป็นโรงเรียนที่ผลิตนักแสดงคอมมีดี้ชื่อดังเข้าสู่วงการจำนวนมากที่เอ่ยชื่อมาก็จะเป็นที่รู้จักแทบทั้งสิ้น บิล เมอร์เรย์ , ไมค์ มายเยอร์ , ร็อบ ชไนเดอร์ , เอ็ดดี้ เมอร์ฟีย์ , วิล เฟอร์เรล , สตีฟ มาร์ติน , คริส ร็อค , แดน แอครอยด์ , บิลลี่ คริสตัล และยังอีกมากมายหลายคน แต่ศิษย์เก่าที่ก้าวมาจาก Saturday Night Live นั้น ก็มีเพียงโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ คนเดียวเท่านั้นที่ส่งให้เห็นว่าเขามีความสามารถทางการแสดงไม่ใช่แค่เพียงบทตลก และส่งให้เขาได้เข้าชิง ออสการ์นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก Chaplin ในปี 1992 และอีกครั้งในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมใน Tropic Thunder ปี 2008

 

7. เคยเช่าห้องอยู่กับคีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์



         ในช่วงปีแรกๆ ที่เข้าสู่วงการแสดงนั้น เป็นช่วงที่ต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบเพราะยังไม่มีงานมากนักและยังไม่มีชื่อเสียง มีเพียงอย่างเดียวคือความหวังในวงการแสดง ในช่วงน้้นนักแสดงหนุ่ม คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ ก็ย้ายมาเผชิญโชคในลอส แองเจลิส อย่างแรกที่เขาต้องหาก็คือห้องพักที่ราคาไม่แพงและพออยู่ได้ ทางออกที่ดีที่สุดก็คือแชร์ห้องพักร่วมกับคนอื่นเพื่อแบ่งเบาภาระค่าเช่า และเพื่อนนักแสดงหน้าใหม่ที่มาร่วมแชร์ห้องพักก็คือ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ทั้งคู่อยู่ร่วมกันถึง 3 ปี ก่อนที่แต่ละฝ่ายจะเริ่มมีรายได้จากการแสดงและเริ่มเป็นที่รู้จัก ใครจะคิดว่าต่อมาเพื่อนคู่นี้จะกลายเป็นตำนานของฮอลลีวู้ดทั้งคู่ เมื่อมองย้อนไปในอดีต โทนี่ สตาร์ค กับ แจ๊ค บาวเออร์ จาก 24 ทีวีซีรีส์สุดฮิตก็เคยแชร์ห้องพักอยู่ร่วมกัน

 

8. เขาเคยมีอัลบั้มเพลงของตัวเอง



           ในปี 2004 เขาออกอัลบั้มเพลงของตัวเองในชื่อชุดว่า The Futurist เป็นอัลบั้มที่มีแนวเพลงหลากหลายทั้ง แจ๊ส , โฟลค์ และ คลาสสิก จำนวน 10 เพลง กลายเป็นอัลบั้มที่ได้รับเสียงตอบรับดีจากนักวิจารณ์อีกด้วย ก็ได้มีนักข่าวถามเขาว่ามีโอกาสจะออกอัลบั้มใหม่หรือไม่ โรเบิร์ตตอบว่า "ผมยังนึกไม่ออกเลยนะว่าผมจะอยากทำอัลบั้มเพลงไปอีกทำไม ตอนที่ The Futurist ออกมาแล้วมันขายได้ ได้ทุนกลับก็เป็นเรื่องดีแล้ว ผมไม่คิดจะทุ่มเทไปกับงานในแนวทางที่ผมไม่ถนัดแล้วก็ได้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าหรอกนะ" ไม่ผิดที่เขาจะคิดเช่นนั้น ถ้ามองรายได้ที่เขาได้จากงานแสดงนะ

 

9. แต่งตัวเป็น โทนี่ สตาร์ค ไปมอบแขนเทียมให้กับเด็กชายพิการ



       เมื่อเขาเป็นไอออนแมน ซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นที่รักของเด็ก ๆ ทั่วโลก ย่อมเป็นความใฝ่ฝันที่เด็ก ๆ ทั่วโลกที่จะอยากได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับซูเปอร์ฮีโร่ตัวจริง แล้ว 1 ในนั้นก็คือเด็กชาย อเล็กซ์ พริง วัย 7 ขวบที่เกิดมาไม่สมบูรณ์พร้อมเขามีแขนขวาเพียงแค่บางส่วน แต่อเล็กซ์ ก็ไม่ย่อท้อต่อสภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเหมือนเด็กอื่น อเล็กซ์ก็เป็นเด็กชายที่สดใสร่าเริงและชอบขี่จักรยาน และซูเปอร์ฮีโร่ที่อเล็กซ์ชื่นชอบมากก็คือ ไอออนแมน แต่สิ่งที่อเล็กซ์ไม่คาดฝันก็คือวันหนึ่งโทนี่ สตาร์คตัวจริงจะเปิดประตูห้องเข้ามาหาเขาพร้อมกับหีบติดตรา "สตาร์คอินดัสตรี้" ใบโต และในนั้นก็คือแขนเทียมไบโอติค ที่ทำมาให้อเล็กซ์โดยเฉพาะ แขนเทียมไบโอติคนี้เป็นผลงานของ อัลเบิร์ต มาเนโร นักศึกษาปริญญาเอกที่รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ก่อตั้งกลุ่ม Limbitless Solutions ที่ผลิตแขนเทียมด้วยเทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งสามารถผลิตอวัยวะเทียมได้ในราคาถูก เพื่อมอบให้กับเด็กๆ พิการที่ด้อยโอกาส


10. เขารักงานคอมมิคคอนที่สุด



         ถ้าให้เราคาดเดาว่าสถานที่สุดโปรดของนักแสดงชื่อดังอย่างโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ น่าจะเป็นที่พักผ่อนอันสงบไม่ว่าจะเป็นป่าเขา หรือท้องทะเล ที่เขาได้หลบหนีจากความวุ่นวายพลุกพล่านจากผู้คนที่วิ่งหาเขา แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ โรเบิร์ต ได้เล่าในรายการ  Late Night with Seth Myers ว่าเขารู้สึกสนุกไปกับผู้ชมที่มาร่วมงานคอมมิค คอน ตั้งแต่เขาได้เป็นไอออนแมน "ผมรู้สึกว่าผมเหมือนกับนายกเทศมนตรีของคอมมิค คอน เลย ชีวิตประจำวันของผมแต่ละวันมันเรียบง่าย น่าเบื่อ แต่พอผมได้ไปอยู่ในคอมมิค คอนนะ ผมนี่อย่างกับเทพเจ้าเลย"

งานคอมมิค คอน คืองานแสดงโชว์สินค้าและการแสดงที่ต่อเนื่องมาจากการ์ตูน ไม่ว่าจะเป็น ทีวีซีรีส์ , ภาพยนตร์ ,วีดีโอเกม , นิยาย หรือ ของเล่น งานคอมมิค คอน จัดเป็นประจำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 1970 ในรัฐซานดิเอโก จะจัดในเดือนกรกฎาคมของทุกปี ระยะเวลางานเพียงแค่ 4 วัน

 

ตัวอย่างภาพยนตร์