หนังสยองขวัญไม่เคยห่างหายไปจากฮอลลีวู้ดและโปรแกรมหนังบ้านเรา และแน่นอนว่าในจำนวนนั้นจะต้องมีหนังที่ดัดแปลงจากบทประพันธ์ของสตีเฟน คิง เจ้าพ่อหนังสยองขวัญที่ครองตำแหน่งนี้มากว่า 40 ปี มีหนังโรงและทีวีที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ออกฉายมาแล้วกว่า 200 เรื่อง มีหนังที่สร้างเสร็จแล้วรอฉายรวมถึงกำลังอยู่ในระหว่างงานสร้างอีก 36 เรื่อง บางเรื่องก็ถูกสร้างมาแล้วและยังคงอยู่ในความทรงจำของคอหนังสยองขวัญ ดังเช่น Pet Sematary ที่เคยสร้างมาแล้วเมื่อปี 1989 และด้วยความน่ากลัวของนิยายและหนังต้นฉบับทำให้ Pet SEmatary ต้องถูกหยิบมารีเมค และนี่คือเกร็ดน่าสนใจก่อนไปชม

 

1. สตีเฟน คิง เล่าว่าเขาเขียน Pet Sematary จบแล้วยังรู้สึกกลัวเองเลย

       นิยายต้นฉบับเป็นเรื่องที่น่ากลัวลำดับต้นๆ ในนิยายของสตีเฟน คิง ก็หวังว่าถ้าหนังสามารถถ่ายทอดความน่ากลัวได้สักครึ่งของนิยาย มีสิทธิ์ว่าเราต้องได้นั่งปิดตากันทั้งเรื่องเป็นแน่ ยกตัวอย่างประโยคหนึ่งจากนิยาย "คำถามที่คิดตามแล้วชวนให้ขนพองสยองเกล้าที่สุดก็คือ มันจะน่ากลัวแค่ไหนถ้าหากว่าจิตมนุษย์หลังความตายยังคงตื่นตัว มีความยึดมั่นแน่วแน่กับเรื่องที่ค้างคาตอนมีชีวิต" ถ้าใครยังไม่เคยอ่านหรือไม่เคยดูหนังเวอร์ชั่นต้นฉบับ หนังจะเล่าเรื่องครอบครัวพ่อแม่ ลูกชาย ลูกสาว ที่ย้ายไปอยู่ชานเมือง แล้วข้างบ้านก็มีสุสานของอินเดียนแดงโบราณ ที่มีตำนานว่าถ้าเอาศพสัตว์เลี้ยงไปฝังแล้วสัตว์จะกลับมาหาเจ้าของ พลอตแนวนี้แหละที่ทำให้หนังเต็มไปด้วยฉากตุ้งแช่แทบทั้้งเรื่อง

 

2. สตีเฟน คิง เขียน Pet Sematary ด้วยแรงบันดาลใจจากประสบการณ์จริง

สตีเฟน คิง และ โอเว็น คิง ลูกชายของเขาที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขียน Pet Sematary

            ในอดีตเขาเคยไปเช่าบ้านซึ่งอยู่ติดกับถนนใหญ่ในรัฐโอเรกอน และด้วยเหตุที่มีบ้านหลายหลังคาเรือนอยู่ติดถนนที่มีรถบรรทุกวิ่งกันขวักไขว่นี่เอง ทำให้บรรดาหมาแมวจากแต่ละบ้านโดนรถชนตายกันเป็นประจำ ชาวบ้านเลยยึดพื้นที่แถวนั้นมาทำเป็นสุสานสำหรับฝังสัตว์เลี้ยง ซึ่ง"สมัคกี้"แมวของลูกสาวของสตีเฟน คิง ก็เป็นเหยื่อของรถบรรทุกเอาไปฝังที่สุสานนี้เช่นกัน และไม่นานจากนั้น โอเว็น ลูกชายของเขาก็กำลังวิ่งออกไปนอกถนน โชคดีที่สตีเฟน วิ่งไปคว้าตัวไว้ได้ทัน ด้วยประสบการณ์ชวนใจหายใจคว่ำนี่เองที่สตีเฟน คิง ใช้เป็นแรงบันดาลใจในการเขียน Pet Sematary

 

3. เจ้าสมัคกี้ ก็ได้รับเกียรติด้วยการเอ่ยถึงในนิยายและหนังปี 1989

       "สมัคกี้"แมวของลูกสาวของคิง ที่เป็นจุดเริ่มแรงบันดาลใจให้เขียนเรื่องนี้ ก็ได้รับการเอ่ยถึงในนิยายด้วย ส่วนในหนังปี 1989 นั้น ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นป้ายหลุมศพในสุสานสัตว์เขียนชื่อ "สมัคกี้"ไว้ด้วย ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ลองสังเกตกันดูนะ ว่าจะมีไหม

 

4. เดิมที สตีเฟน คิง ไม่ได้คิดจะตีพิมพ์เรื่องนี้ด้วยซ้ำ

          สตีเฟน คิง ให้เหตุผลว่า เนื้อหามันชวนหดหู่เกินไป และชื่อเรื่องก็ไกลเกินเนื้อหาด้วยซ้ำ ไม่น่าจะมีใครอ่านแล้วรู้สึกสนุกไปกับเนื้อหาแบบนี้ ส่งไปให้สำนักพิมพ์ เค้าก็คงไม่คิดจะตีพิมพ์ออกขายหรอก เมื่อเขียนเสร็จสตีเฟน คิง ก็ตัดสินใจไม่ส่งให้สำนักพิมพ์ จนกระทั่งสัญญากับสำนักพิมพ์ใกล้จะหมดลง แล้วสตีเฟน คิง จะต้องส่งนิยายอีก 1 เรื่องให้กับสำนักพิมพ์ ภรรยาของเขาก็เลยเสนอแนะว่างั้นลองส่ง Pet Sematary ไปเถอะ กลายเป็นว่านี่คือนิยายเรื่องดังเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสตีเฟน คิง

ชื่อ Pet Sematary มาจากป้ายชื่อที่แปลว่า "สุสานสัตว์เลี้ยง" ที่เด็กๆ ทำขึ้นเอง แล้วเขียนผิด จากคำที่ถูกต้องว่า "Cemetery"

 

5. สตีเฟน คิง ชอบเขียนให้เนื้อหาเชื่อมโยงกับนิยายเรื่องอื่นของเขา

        ใน Pet Sematary มีการเอ่ยถึงเหตุการณ์ในเมืองข้างๆ กำลังมีโรคพิษสุนัขบ้าระบาด แล้วหมาตัวนึงก็คลุ้มคลั่งไล่ฆ่าผู้คน เหตุการณ์นี้คือพลอตหลักในเรื่อง "Cujo" อีกหนึ่งนิยายฮิตของเขาที่ตีพิมพ์ในปี 1981 และถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 1983

 

6. Pet Sematary คือบทพิสูจน์ว่าเรื่องราวของสตีเฟน คิง มีรูปแบบเฉพาะตัว

         ถ้าใครที่เป็นคอหนังสยองขวัญ อาจจะรู้สึกว่าหนังสยองขวัญที่ออกมาทุกปีนี่ หลายๆ เรื่องก็เนื้อหาซ้ำซาก เล่าแล้วเล่าอีก แต่กับ Pet Sematary ที่เขียนไว้แล้วตั้งแต่ 30 ปีก่อน ก็ยังมีรูปแบบเฉพาะไม่ซ้ำใคร มีเนื้อหาที่แตกต่างจากหนังสยองขวัญที่สร้างกันออกมาถี่ๆ ในยุคนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่านิยายสยองขวัญของสตีเฟน คิง จึงไม่เคยเสื่อมความนิยม

 

7. ผู้กำกับเชี่ยวชาญหนังสยองขวัญ

        ชื่อของ เควิน คอลช์ และ เดวิด วิดไมเยอร์ ผู้กำกับคู่หูน่าจะเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูคนดูหนังสักเท่าไหร่ แต่ 2 ผู้กำกับที่ถูกคัดเลือกให้มารับผิดชอบ Pet Sematary นี้ก็ไม่ใช่มือใหม่ในวงการ เขาเคยผ่านงานกำกับหนังสยองขวัญมาล้วนๆ เคยมีผลงานมาแล้ว 2 เรื่อง Holidays (2016) และ  Starry Eyes(2014) และยังไปกำกับ Scream ทีวีซีรีส์อีกหลายตอนด้วย ฉะนั้นเชื่อได้ว่าเขาเชี่ยวชาญกับหนังสยองขวัญแน่นอน และน่าจะถ่ายทอด Pet Sematary ให้ได้ขนหัวลุกสมกับความน่ากลัวของนิยายต้นฉบับ

 

8. ทีมนักแสดงที่ไม่ธรรมดา

           ด้วยชื่อของสตีเฟน คิง ที่เป็นนิยายต้นฉบับของเรื่องทำให้นักแสดงมีชื่ออยากร่วมงานกับโปรเจ็กต์หนังเรื่องนี้ ทำให้หนังมีชื่อของนักแสดงอย่าง เจสัน คลาร์ค พระเอกที่เราคุ้นหน้ากันจาก Terminator Genisys ,Dawn of the Planet of the Apes , Zero Dark Thirty และอีกมาก ที่มารับบทนำในเรื่องนี้ และยังมี เอมี่ ไซเม็ตซ์  จาก Alien: Covenant และทีวีซีรีส์ Stranger Things และยังมีนักแสดงรุ่นใหญ่อย่าง จอห์น ลิตกาว ที่มีผลงานแสดงมาแล้วกว่า 100 เรื่องทั้งภาพยนตร์และทีวีซีรีส์ และเคยเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 2 ครั้ง

 

9. เปลี่ยนเนื้อหาสำคัญเพื่อความสยองที่มากขึ้น

         ในตัวอย่างหนังได้เปิดเผยให้เห็นแล้วว่า หนังมีการเปลี่ยนแปลงจุดสำคัญจากนิยายและหนังปี 1989 นั้น จากเดิมนั้นลูกคนที่เสียชีวิตคือ "เกจ"ลูกชายคนเล็กของครอบครัว แต่ในเวอร์ชั่นนี้มีการปรับเปลี่ยนเป็น "เอลลี่" ลูกสาวคนโตเป็นรายที่เสียชีวิตแทนและกลับมาสร้างความสยอง ด้วยความเห็นอันเป็นเอกฉันท์ของทีมงานว่าเด็กหญิงในวัย 7 ขวบ จะสร้างความสยองให้กับเรื่องราวได้มากกว่า เกจ ในวัย 3 ขวบ และการกำกับเด็กในวัยเพียงเท่านั้นจะทำงานยากและจะต้องใช้ซีจีมาช่วยอย่างมาก

เตรียมปลดปล่อยความชั่วร้ายที่มาพร้อมกับผลที่ตามมาสุดสะพรึง 11 เมษายน นี้ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างภาพยนตร์