รวมเทคโนโลยีสุดล้ำเพื่อสร้างสุดยอดงานภาพที่อลังการ
มือเขียนบทอย่าง "จอช ซิงเกอร์" เป็นแฟนผลงานของทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่แล้ว โดยเฉพาะทักษะฝีมืออันโดดเด่นของผู้กำกับภาพ "ไลนัส แซนด์เกรน" ซิงเกอร์เล่าว่า "ในฐานะคนเขียนบท คุณคงไม่มีทางพอใจมากไปกว่านี้แล้วกับการได้เดเมี่ยนและไลนัสมาถ่ายทำภาพยนตร์จากบทของคุณ หนทางเดียวที่คุณจะทำได้ดีกว่านั้นก็คือการได้ไลนัสมาถ่ายภาพทีมนักแสดงชุดนี้ งานที่ ไรอัน และแคลร์ และเจสัน และโอลิเวีย ทำที่บ้านมันงดงามมากครับ จากนั้น ก็ยังมี คอรี่ย์, ไรอัน และลูคัส ในยานอะพอลโล่ 11 มันสุดยอดมาก นี่คือทีมนักแสดงที่สุดยอดมาก"
แซนด์เกรน กลับมาจับมือกับผู้กำกับ "เดเมี่ยน ชาเซลล์" อีกครั้งหลังจากเคยทำงานด้วยกันในภาพยนตร์เรื่อง La La Land ทางทีมผู้สร้างอย่าง "วิค ก็อดฟรีย์" กล่าวชมฝีมือของผู้กำกับภาพว่า "ไลนัสเป็นคนจัดการงานทุกชอตภาพครับ เพราะเราต้องการงานที่มีสไตล์ มันคือการถ่ายด้วยกล้องแบบใช้มือจับทั้งหมด คุณต้องการฉากขโมยซีน หลายอย่างมันจะวุ่นวายขึ้นกว่าชอตภาพที่ถ่ายกันด้วยดอลลี่หรือด้วยกล้องเล็ก มันทำให้ไลนัส ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพ และคนถือกล้องสามารถสร้างความเชื่อมโยงถึงนักแสดงได้มากขึ้น เขาอยู่ตรงนั้นกับนักแสดงในทุกฉาก และจะคอยติดต่อผ่านวิทยุสื่อสารกับเดเมี่ยนตลอดเวลาด้วยครับ ซึ่ง เดเมี่ยน ก็จะสั่งประมาณว่า 'ซูมภาพเข้าไปที่เขา แพนกล้องไปทางนี้'"
สำหรับหลายคน มันกลายเป็นชัยชนะที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในการถ่ายทำฉากภารกิจที่ขึ้นไปสู่การลงจอดบนดวงจันทร์ทั้งหมดด้วยการใช้กล้องถ่าย แต่สำหรับ ชาเซลล์ และทีมผู้อำนวยการสร้าง มันคือความท้าทายที่พวกเขายินดีเผชิญ การใช้เทคโนโลยีล่าสุดในงานเอฟเฟ็กต์ ด้วยความช่วยเหลือจากภาพจากหอสมุดจดหมายเหตุของนาซ่า ทางทีมผู้สร้างเริ่มต้นระดมพลังสมองกัน ผู้อำนวยการสร้าง "อดัม เมอริมส์" เล่าว่า "นานแปดเดือนก่อนที่เราจะเริ่มถ่ายทำกัน เราเริ่มพูดคุยกันว่าเราอาจใช้ภาพฟุตเตทที่งดงามที่นาซ่าเก็บรวบรวมเอาไว้ในภารกิจของอะพอลโล่หลายต่อหลายครั้ง"
อย่างไรก็ดี ทางผู้สร้างลังเลที่จะใช้แค่ภาพฟุตเตทเหตุการณ์จริง เพราะเรื่องคุณภาพและข้อจำกัดของมุมกล้อง พวกเขาจึงคิดหาทางออกด้วยการใช้เทคโนโลยีที่เพิ่งถูกนำมาใช้ในภาพยนตร์เพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น แต่ยังไม่เคยมีใครนำมาใช้ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง First Man มาก่อน ทางทีมงานตัดสินใจว่าพวกเขาจะถ่ายทำภาพฟุตเตทนั้นอีกครั้งโดยการใช้เทคโนโลยีแอลอีดี "เมื่อหลายปีก่อน คนเริ่มใช้เทคโนโลยีแอลอีดีเพื่อสร้างแบ็คกราวน์ที่คุณมองทะลุผ่านรถยนต์หรือรถไฟครับ" เมอริมส์อธิบาย "ดังนั้น เราคิดกันว่าเราสามารถนำเอาภาพฟุตเตทของจริงมาฉายที่จอแอลอีดี เมื่อเราอยู่ในอวกาศพร้อมกับยานเจมินี 8 และอะพอลโล่ 11 จะมีภาพฟุตเตทอันงดงามที่เราต้องขอความช่วยเหลือจากนาซ่า จากนั้น ก็นำมาฉายกับจอแอลอีดีครับ"
เมื่อได้ภาพแบ็คกราวน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับ เจดี ชวาล์ม และทีมสเปเชียลเอฟเฟ็กต์ของเขาที่จะโยงยานอวกาศแต่ละลำเข้ากับฐานที่เคลื่อนที่ได้ ซึ่งเป็นการเลียนแบบการเคลื่อนไหวที่ยานแต่ละลำสร้างความรู้สึกให้เกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนการบินต่างๆ และอีกหนึ่งความท้าทายสูงสุดของชวาล์มก็คือการต้องทำเอฟเฟ็กต์ส่วนใหญ่กันต่อหน้ากล้อง "มีเอฟเฟ็กต์มากมายที่ทุกวันนี้เราจะสร้างสภาพแวดล้อมขึ้นด้วยงานวิชวลเอฟเฟ็กต์ที่ใช้เทคนิคซีจี แต่เดเมี่ยนอยากลองทำทุกอย่างต่อหน้ากล้องพร้อมกับนักแสดงครับ ตั้งแต่การบินโดยใช้เครื่องฝึกจนถึงสภาพไร้น้ำหนักเมื่อพวกเขาบินออกไปในอวกาศ เราต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายนั้นครับ" ข้อดีของการทำทุกอย่างหน้ากล้องสำหรับชวาล์ม และทีมเอฟเฟ็กต์ของเขา ก็คือ พวกเขาสามารถดูภาพย้อนกลับได้หลังจากถ่ายทำ และเห็นสิ่งที่จะเห็นในภาพยนตร์ได้เลย ชวาล์มหัวเราะพลางเล่าว่า "ความพึงพอใจมันเกิดขึ้นตรงนั้นทุกวันครับ"
เตรียมทะยานขึ้นสู่ดวงจันทร์กับประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ "First Man" วันนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์