First Man เผยให้เห็นชีวิตส่วนตัวและมุมที่ไม่เคยรู้ของของวีรบุรุษของโลก

Movie News15 ตุลาคม 2561

        First Man คือเรื่องราวอันน่าประทับใจเบื้องหลังภารกิจก้าวสู่ดวงจันทร์ครั้งแรกของมนุษย์ โดยเน้นเรื่องไปที่ตัว นีล อาร์มสตรอง และช่วงทศวรรษที่นำไปสู่การเดินทางของอะพอลโล่ 11 ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ หนังสร้างจากหนังสือของ เจมส์ อาร์ แฮนเซ่น เรื่อง "First Man: The Life of Neil A. Armstrong" ภาพยนตร์เรื่อง First Man เผยให้เห็นชีวิตส่วนตัวของวีรบุรุษของโลก และช่วงเวลาที่ไม่เป็นที่รับรู้ หลังจากได้รับปริญญาเอกทางด้านประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจากโอไฮโอ สเตท และใช้เวลากว่า 20 ปีในการเขียนหนังสือและสอนเกี่ยวกับอวกาศและประวัติศาสตร์ แฮนเซ่นตั้งใจที่จะเขียนหนังสือชีวประวัติเรื่องแรก ตอนนั้นเป็นปี 2000 ซึ่งแฮนเซ่นได้ติดต่อหา อาร์มสตรอง และขออนุญาตที่จะบอกเล่าเรื่องราวของเขา หลังจากสองเดือนผ่านไป อาร์มสตรอง ที่แทบไม่เคยยอมตกลงใจให้สัมภาษณ์กับใคร ก็ตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ

เวลาผ่านไปพักใหญ่หลังจากที่แฮนเซ่นติดต่อไปครั้งแรก ก่อนที่ อาร์สตรอง จะลงมือเขียนเรื่องราวชีวประวัติของเขาเอง "สำหรับผมแล้ว ต้องใช้เวลาถึงสองปีกว่าจะได้ไฟเขียวจากเขา" แฮนเซ่นบอก "ครอบครัวของนีลสนับสนุนให้เขาทำครับ วินาทีสำคัญมาถึงเมื่อเขาเชิญผมไปที่บ้านของเขาในย่านชานเมืองของซินซินแนติ ซึ่งเขาอยู่อาศัยมากว่า 20 ปี เราใช้เวลาช่วงบ่ายในห้องหนังสือของเขา และพูดคุยกันอยู่หลายชั่วโมง ผมรู้สึกดีมากครับ แต่หลังจากได้เจอกันครั้งนั้น ก็ยังต้องใช้เวลากว่าเขาจะยอมร่วมงานด้วยอย่างเต็มที่นะครับ" แฮนเซ่นมองทั้งสองด้านของโปรเจ็กต์นี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ "นีลอาจอยู่ในห้องนักบินและสามารถตัดสินใจได้ในทันที แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจเรื่องอื่นๆ ในชีวิต เขาค่อนข้างจะระมัดระวังและพิถีพิถันมากครับ"



         ก่อนหน้าที่จะได้รับการแนะนำให้รู้จักอาร์มสตรองเป็นการส่วนตัว แฮนเซ่นได้ไปสัมภาษณ์คนหลายร้อยคนมาแล้ว และเป็นเพราะประสบการณ์นี้เองที่ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับอาร์มสตรอง "เรื่องหนึ่งที่สำคัญกับเขามากก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขามีต่อตัวคุณครับ" แฮนเซ่นอธิบาย "ไม่ใช่แค่เราเติบโตมาโดยอยู่ห่างจากกัน 50 ไมล์เท่านั้น เขาเติบโตมาในโอไฮโอ ส่วนผมเติบโตในอินเดียน่า และไปเรียนหนังสือที่โอไฮโอสเตท แต่ครอบครัวของเราทั้งคู่เติบโตในฟาร์ม เราจึงเหมือนพูดภาษาเดียวกัน สิ่งที่เรารู้จักเกี่ยวกับตัวนีลเหมือนเป็นสัญลักษณ์แบบมิติเดียว แต่เขาก็คือมนุษย์ที่ใช้ชีวิต หายใจ และมีสามมิติเหมือนกันครับ"

เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับทีมผู้สร้างที่ไม่ใช่แค่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับฮีโร่ที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์หลายเรื่อง และในการสัมภาษณ์มากมาย แต่จะต้องสำรวจถึงสิ่งที่คอยผลักดันเขา ครอบครัวของเขา เพื่อนๆ ของเขาที่นาซ่า เพื่อกระทำภารกิจที่คาดไม่ถึง "นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับว่ามันยากแค่ไหน และมีความเสี่ยงขนาดไหน และมันอันตรายแค่ไหนสำหรับคนเหล่านั้น” อดัม เมอริมส์ ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่อง First Man กล่าว “นีลเริ่มต้นด้วยการเป็นนักบินในสงครามเกาหลี จากนั้น เขาก็กลายมาเป็นนักบินทดสอบให้กับกองทัพอากาศ และในที่สุดก็มาทำงานให้นาซ่า ในเวลานั้น นักบินทดสอบมีอัตราการเสียชีวิตสูงจนน่าตกใจ คนมากมายในช่วงต้นเรื่องในชีวิตของเขาเสียชีวิต แต่นีลยังคงยึดมั่นกับเส้นทางของเขา และทำสิ่งที่เคยถูกมองว่าไม่สามารถสำเร็จได้ จนสำเร็จ"



          ให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย และนั่นคือสิ่งที่ทำให้งานสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เดินหน้าไปได้ "นีลมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ จิม แฮนเซ่น ครับ และเขาก็รู้สึกสบายใจกับไอเดียที่จิมใส่ลงไปในหนังสือของเขา และสิ่งที่เขาหวังจะนำเสนอ" วิค ก็อดฟรีย์ ผู้อำนวยการสร้างของภาพยนตร์ First Man บอก "นีลคิดว่าตราบใดที่เรายังคงเดินหน้าทำงานตามพิมพ์เขียวที่จิมได้สร้างเอาไว้ เขาก็รู้สึกสบายใจที่จะให้เราเดินหน้าต่อไปกับการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้"

ถึงแม้จะเป็นที่รู้กันดีว่าเขาเป็นคนที่รักษาความเป็นส่วนตัวสูงมาก หลังจากได้พบกับทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว อาร์มสตรองตกลงใจให้มีการดัดแปลงสร้างภาพยนตร์จากชีวิตของเขาได้ โชคดีที่พวกเขาได้รับการแนะนำให้รู้จักกับอาร์มสตรองก่อนที่เขาจะเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ปี 2012 ก็อดฟรีย์อธิบายว่าไม่มีทางเลยที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ถ้าไม่ได้รับคำอวยพรจากอาร์มสตรอง "มันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากครับที่เราได้พบเขาจนได้" ผู้อำนวยการสร้างก็อดฟรีย์บอก "นีลเปิดกว้างกับไอเดียในการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของเขา ถ้าเขาไม่ตกลง เราก็คงมากันไม่ถึงจุดนี้หรอกครับ"



          โบเว่นเล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า "ผมได้พบเขา พร้อมกับภรรยาคนที่ 2 ของเขาที่โจนาธาน คลับในย่านดาวน์ทาวน์ของลอสแองเจลิสครับ วันรุ่งขึ้นเขากำลังจะไปรับรางวัลๆ หนึ่ง มันก็ไม่ได้ดูน่ากลัวอะไรจนคุณได้จับมือกับเขา เขาเป็นคนที่จับมือได้หนักแน่นมาก เมื่อคุณเริ่มพูดคุย คุณรู้ตัวเลยว่าเขายังคงรู้รายละเอียดมากมายเกี่ยวกับประสบการณ์นั้น" โบเว่นมองเห็นถึงสองด้านที่น่าสนใจในตัวอาร์มสตรอง "เขาสามารถทำให้ห้องดูอบอุ่นขึ้นได้ เพราะในระหว่างที่พูดคุยถึงเรื่องราวที่มีความซับซ้อนเหล่านี้ เขากลับมีอารมณ์ขันที่ทำให้พวกเรามีความเชื่อมั่นครับ เขาเป็นคนที่สุดยอดมากจริงๆ"

นีล อาร์มสตรอง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเขาเป็นคนที่รักสันโดษอย่างมาก อยู่ในสายตาของครอบครัวและคนที่สนิทกับเขา มาร์ก อาร์มสตรอง ลูกชายของเขา หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะทำให้ผู้คนได้รับรู้ว่าจริงๆ แล้วพ่อของเขาเป็นคนอย่างไร "ผมหวังว่าผู้คนคงมองเห็นพ่อว่าเป็นคนที่ต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากมากครับ" มาร์ก อาร์มสตรอง กล่าว "พ่อได้รับข้อเรียกร้องมากมาย และพ่อก็ทำให้ดีที่สุดเพื่อทำเรื่องถูกต้อง นั่นคือหลักการของพ่อครับ การรับมือกับแต่ละสถานการณ์ และหาวิธีรับมือที่ลงตัวที่สุดครับ" 

"พ่อเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งครับ" ริค อาร์มสตรอง ลูกชายอีกคนของนีล ซึ่งเป็นพี่ชายของมาร์ก กล่าว "สำหรับคนที่เคยเห็นพ่อในข่าวอาจไม่รู้ แต่พ่อเป็นคนตลกมากนะครับ เวลาเห็นพ่ออยู่กับเพื่อนๆ พ่อจะเป็นคนที่แตกต่างไปจากที่เราเห็นตามข่าว ผมหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะช่วยแสดงส่วนนั้นออกมาครับ"

 

ตัวอย่างภาพยนตร์