ฝันเป็นจริงของไบรอัน วู้ดส์ และ สก๊อตต์ เบ็ค เจ้าของเรื่อง A Quiet Place จากคนเขียนบทโนเนม กลายมาเป็นคู่หูที่ฮอลลีวู้ดจับตามอง
ไบรอัน วู้ดส์ และ สก๊อตต์ เบ็ค เป็นคู่หูนักเขียนบทไส้แห้งที่ผลงานของเขาเคยถูกปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน จนแทบถอดใจอยู่หลายครั้ง แต่วันนี้ผลงานของเขา A Quiet Place กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ทั่วทั้งวงการให้การชื่นชม ทั้งจากบรรดานักวิจารณ์ และผู้ชมที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่ายอดเยี่ยมมาก ทั้งคู่เล่าว่านาทีที่เขาได้นั่งลงพูดคุยกับ ไมเคิล เบย์ ที่รับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังของเขา เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าในที่สุดผลงานเขียนของเขาก็ได้ถูกสร้างออกมาเป็นหนังโดยพาราเมาท์ และได้เปิดฉายในวงกว้าง ได้เปิดตัวในงาน SXSW ที่เท็กซัส แล้วไมเคิล เบย์ ก็ยังคุยเรื่องหนังเรื่องต่อไปกับเขาอีกด้วย ทั้งคู่เปิดเผยความรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อว่าวันนี้จะเป็นความจริง เมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกเขาสองคนยังนั่งดูหนัง "Armageddon" ด้วยกัน แล้วก็ยังเช็ดน้ำตาป้อย ๆ กับฉากที่บรู๊ซ วิลลิส สละชีวิต แล้ววันนี้ผู้กำกับเรื่องนี้ก็มายืนอยู่ข้างหน้าเขา และเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับหนังของเขา A Quiet Place
วู้ดส์ และ เบ็ค ย้อนความให้ฟังว่าพวกเขาเขียน A Quiet Place ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ด้วยแรงบันดาลใจจากหนังเงียบในยุครุ่งเรืองที่เป็นผลงานของ ชาร์ลี แชปปลิน , บัสเตอร์ คีตัน , เอฟ.ดับเบิ้ลยู. เมอร์นัวร์ บุคคลพวกนี้คือปรมาจารย์ในการเล่าเรื่องสามารถสื่อสารให้คนดูเข้าใจการกระทำ เจตนาของตัวละครได้โดยไม่ต้องใช้บทสนทนาสักประโยคเดียว พอผ่านมาถึงยุคนี้วงการหนังก็เต็มไปด้วยหนังสั่นประสาททั้ง Alien , Jaws และบรรดาหนังของฮิตช์ค็อก ผมก็เลยเกิดไอเดียว่าถ้าเราเอาเทคนิการสื่อสารจากยุคหนังเงียบ มาประยุกต์ใช้กับแนวหนังสยองขวัญล่ะ และนั่นก็คือต้นกำเนิดของ "A Quiet Place"
ประเด็นหลักของ "A Quiet Place" ง่ายๆ มากครับ "ถ้าเมื่อไหร่คุณทำให้เกิดเสียง คุณตาย" จากไอเดียนี้ พวกเราก็ร่างบทกันไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว กำหนดให้มีครอบครัวหนึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง พวกเขามีลูกสาวหูหนวกด้วย แล้วครอบครัวนี้ก็โดนสัตว์ประหลาดคอยติดตาม พวกมันล่าจากการได้ยินเสียง ด้วยพลอตนี้ พวกเรารู้สึกว่ามันเข้าท่า ถ้าจะถูกนำไปสร้างเป็นหนัง ปีศาจที่ล่าด้วยเสียงน่าจะใช้เป็นจุดขายที่เรียกความสนใจได้ เราก็เลยเอาไอเดียนี้ไปเสนอกับบรรดาผู้อำนวยการสร้าง แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจอย่างที่คาด เราก็เริ่มขาดความมั่นใจ หรือว่าไอเดียนี้มันจะไม่เวิร์คจริง ๆ นะ พวกเราก็เลยเก็บบท "A Quiet Place"ขึ้นหิ้งไป
Nightlight ผลงานกำกับเรื่องแรกของพวกเขา
ปี 2014 พวกเราได้รับโอกาสอีกครั้ง ด้วยการประเดิมกำกับหนังเรื่องแรก Nightlight เป็นหนังฟอร์มเล็ก ได้โรงฉายพอสมควรแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจมากนัก ขณะที่เรากำลังภูมิใจกับหนังที่เพิ่งสำเร็จเสร็จสิ้น แต่หนังก็ไม่ประสความสำเร็จ เราก็เลยเริ่มสงสัยว่าถ้าเราลองกันอีกสักเรื่องล่ะ ว่าแล้วเราก็ไปหยิบบท A Quiet Place มาปัดฝุ่นอีกครั้ง แล้วลองผลักดันให้มันออกมาเป็นหนังทุนต่ำ แย่ที่สุดก็น่าจะหาทุนสัก 50,000 เหรียญก็พอ ในขณะเดียวกันเราก็มองหาฮีโร่ที่จะมาช่วยชุบชีวิตโปรเจ็คต์ A Quiet Place ให้เป็นจริงไปด้วย ในใจก็แอบหวังลึกๆ ว่าอยากได้ เอ็ม.ไนท์ ชยามาลาน พวกเราชอบงานของเขามาก งานของ ชยามาลาน เป็นหนังที่แฝงด้วยแนวความคิดไว้เยอะมาก และ A Quiet Place ก็ไม่ใช่บทหนังที่ไก่กานะ แต่มันเปรียบเปรยถึงความผิดพลาดในการสื่อสารระหว่างสมาชิกในครอบครัวด้วย
เบ็ค และ วู้ดส์ ในกองถ่าย A Quiet Place
เรากลับมาเริ่มปั่นบทกันใหม่ ร่างแรกมันออกมาแค่ 15 หน้า แต่ไอเดียหลักๆ ใน 15 หน้าก็ยังคงอยู่ในหนังเวอร์ชั่นที่ออกฉายนะทั้ง บรรดาตัวละคร สัตว์ต่างดาว ความสัมพันธ์ในครอบครัว และคุณแม่ตั้งครรภ์ การเขียนบทหนังที่ดำเนินเรื่องด้วยความเงียบมันไมใช่เรื่องง่ายเลยนะ คุณไม่สามารถใช้บทสนทนาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว แล้วก็อย่าทำคนอ่านเบื่อด้วยข้อความบรรยายยืดยาว ผมต้องโยนกฏกติการูปแบบเก่าๆ ในการเขียนทิ้งไปซะ แล้วต้องพยายามเอาชนะเสียงครหาของคนรอบข้างว่าไอเดียเรื่องนี้มันไม่เวิร์คหรอก แล้วบทร่างสุดท้ายก็จบที่ 67 หน้า ทั้งเรื่องมีบทสนทนาแค่ประโยคเดียวเท่านั้น เรารู้ดีว่าบทหนังของเรามันประหลาดมาก ถ้าเอาไปเสนอผู้อำนวยการสร้างเขาก็คงจะหัวเราะกับบทหนังที่บางเพียงแค่ 67 หน้าเท่านั้น ผู้บริหารสตูดิโอก็บอกปัดไม่แม้แต่จะอ่านด้วยซ้ำ แต่เราก็ยังไม่ยอมแพ้ และวางแผนจะถ่ายทำ A Quiet Place กันเองในไอโอวา เราเริ่มต้นมองหาโลเคชั่น ขณะเดียวกันผู้จัดการของเราก็เอา A Quiet Place ไปเสนอตามสตูดิโอต่างๆ เราเคยชินกับขั้นตอนแบบนี้ เดี๋ยวก็มีการนัดไปคุยเรื่องโปรเจ็คต์ บทผ่านไปขั้นตอนต่างๆ พอถึงระดับหัวหน้าโปรเจ็คต์ก็ถูกฝังลืม หรือถ้าดีหน่อยโปรเจ็คต์ก็เข้าสู่ขั้นตอนเตรียมการสร้างอีกนับปีแล้วก็เงียบหายไป แล้ว A Quiet Place ก็เดินทางไปถึงบริษัท Platinum Dunes ของไมเคิล เบย์ เราก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนะ เพราะคิดว่าขั้นตอนต่อไปก็คงเงียบหายเหมือนเดิม สัปดาห์ต่อมาเราก็ได้ยินข่าวไม่คาดฝัน ไมเคิล เบย์ สนใจ A Quiet Place และรับหน้าที่ผู้ อำนวยการสร้าง แล้วยังถือบทไปเสนอระดับบริหารในพาราเมาท์ บอกด้วยว่าเขาสนใจจะสร้างเรื่องนี้ สัปดาห์ถัดไปข่าวดีจริงๆ ก็มาถึงเมื่อ พาราเมาท์ ตกลงซื้อ A Quiet Place เรารีบแก้ไขบทตามข้อเสนอขอพาราเมาท์ทันที
HAUNT ผลงานกำกับและเขียนบทเรื่องต่อไปของพวกเขา
ข่าวดีสำหรับพวกเรายังไม่จบแค่นั้น เอเยนต์ของเราโทรมาหาและบอกว่า "เฮ้พวกนาย จอห์น คราซินสกีได้อ่านบทแล้วนะ และเขาชอบมันมาก แล้วจอห์นก็เอาให้เอมิลี่ เมียของเขาอ่าน เธอก็ชอบเช่นกัน ตกลงว่าทั้งคู่จะรับบทนำ แล้วจอห์นจะกำกับเอง และพาราเมาท์ก็วางกำหนดฉายแล้วด้วยว่าเป็น เมษายน 2018" มันเป็นเสียงที่ไม่คาดฝันมาก เราคุ้นเคยแต่คำปฏิเสธตลอดมา แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันผ่านฉลุยไปหมด และวันนี้ในยุคที่ฮอลลีวู้ดอัดแน่นไปด้วยหนังซูเปอร์ฮีโร่ เราก็ได้เพียงแต่หวังว่าจะมีพื้นที่ให้ A Quiet Place ได้รับความสนใจบ้าง มันเป็นหนังที่เกิดมาจากความพยายามของเราจริงๆ และเป็นโปรเจ็คต์ที่เปิดโอกาสให้เราได้ทำผลงานเรื่องต่อไป "Haunt" หลังจากนั้นเราก็จะกลับไอโอว่า ไปเขียนบทหนังเรื่องต่อไป ไม่แน่เราอาจจะสร้างหนังกันเองโดยใช้ทุนสร้างที่ได้จากหนัง A Quiet Place นี่แหละ แต่ถึงตรงจุดนี้ เราต้องขอบคุณไมเคิล เบย์ เราซาบซึ้งมาก ที่พาโปรเจ็คต์นี้จากหน้ากระดาษให้ออกมาเป็นภาพจริง
จากบทสัมภาษณ์ของเว็บไซต์ Indiewire