สตีเว่น สปีลเบิร์ก แฉความจริงให้โลกสะเทือนใน “The Post - เอกสารลับเพนตากอน”
ในประวัติศาสตร์อเมริกา มีหลายช่วงเวลาที่กระตุ้นเตือนใจ เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนคนธรรมดาต้องตัดสินใจว่าจะยอมสละทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน ชื่อเสียง ฐานะ แม้แต่อิสรภาพ เพื่อจะทำสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และจำเป็นต้องป้องกันรัฐธรรมนูญ และปกป้องอิสรภาพของคนอเมริกัน กับ “The Post - เอกสารลับเพนตากอน” ผู้กำกับเจ้าของหลายรางวัลออสการ์ สตีเว่น สปีลเบิร์ก ขุดค้นช่วงเวลานั้น ผลลัพธ์ก็คือ เรื่องราวดราม่าที่อิงจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อ The Washington Post และ The New York Times ได้ร่วมมือกันเป็นพันธมิตร ท่ามกลางเสียงฮือฮาจากการตีแผ่งานศึกษาลับสุดยอดของ The Times ซึ่งกลายมาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชื่อ เพนตากอน เปเปอร์ส
ถึงแม้ทาง The New York Times จะเป็นฝ่ายที่ทำสกู้ปเรื่องนี้ แต่ The Washington Post เป็นฝ่ายทำให้เรื่องนี้เป็นที่สนใจจนนำไปสู่ภัยคุกคามทางด้านกฎหมาย และอำนาจของทำเนียบขาวที่เคยใช้กับ The Times
เมื่อเดิมพันส่วนตัวปะทะกับความจำเป็นที่คนทั้งชาติที่อยู่ในภาวะตื่นตะลึง จะต้องรู้ว่ารัฐบาลของพวกเขาปิดบังอะไรเอาไว้ ในความสมดุลที่อาจกุมชะตากรรมของคนหลายล้านเอาไว้ อาทิเช่น ทหารอเมริกันหลายพันนายที่ต่อสู้ในสงครามที่รัฐบาลของพวกเขาไม่เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะได้ ในเวลาเพียงไม่กี่วันที่เกิดภาวะวิกฤต เจ้าของสำนักพิมพ์ แคทธาริน แกรห์ม แห่ง Post ที่กล้าบุกเบิก แม้จะยังไม่มีประสบการณ์มากนัก จะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างมรดกตกทอดของเธอกับจิตสำนึก
เมื่อเธอมีความเชื่อมั่นที่จะนำทีม และบรรณาธิการ เบน แบรดลี ที่ต้องกดดันให้ทีมของเขาเดินหน้าไปไกลเกินกว่าปกติ โดยรู้ว่าพวกเขาอาจถูกกล่าวหาว่าขายชาติ ถ้าคิดจะทำหน้าที่ของตนเองต่อไป แต่เมื่อพวกเขาตัดสินใจทำ เหล่าฝ่ายที่เป็นเบี้ยรองบ่อนที่ The Post กลับผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียวกันในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวพวกเขา เป็นการต่อสู้เพื่อเพื่อนร่วมอาชีพและรัฐธรรมนูญ เป็นการต่อสู้ที่เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นของสื่อที่เป็นอิสระ เพื่อจะรักษาไว้ซึ่งความน่าเชื่อถือของผู้นำโลกประชาธิปไตย ถึงแม้ว่ามันจะท้าทายแกรห์มและแบรดลีไปจนถึงสุดขั้วแห่งความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
กับ “The Post” สปีลเบิร์กได้รวบรวมทีมนักแสดงที่พิเศษสุดๆ และอยู่ในช่วงท็อปฟอร์ม และที่เป็นหัวใจของทีมนักแสดงก็คือการแสดงของ เมอริล สตรีพ และ ทอม แฮงค์ส ในบท แกรห์มและแบรดลี คนหนึ่งคือผู้นำที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ ซึ่งกำลังเรียนรู้ที่จะต้องนำตำแหน่งตัวเองไปเสี่ยงเดิมพันในฐานะผู้หญิงที่อยู่ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง และอีกคนคือนักข่าวหัวแข็งที่พัฒนาจากการไล่ล่าหาข่าว ต่อสู้ เพื่อหลักการแห่งความเป็นจริง ทั้งคู่ต่างค้นพบว่าพวกเขาสามารถผลักดันกันและกันให้ทำงานได้ดีที่สุด
ทั้งหมดนี้เพื่อจะสร้างสรรค์เวลาในปี 1971 ขึ้นมาใหม่ ซึ่งดูเหมือนเป็นการเปิดโปง ไปพร้อมกับการสร้างความตื่นเต้นตามเวลาจริง ตลอดเวลาที่ทำงานมา สปีลเบิร์กรู้สึกสนใจที่จะไปเยี่ยมเยือนช่วงเวลาเหล่านั้น ที่ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางประวัติสาสตร์ได้กลับกลายมาเป็นภาพยนตร์ ตั้งแต่ Empire of the Sun และ Schindler’s List จนถึง Munich, Lincoln และ Bridge of Spies
ภาพยนตร์เรื่อง The Post ทำให้เลนกล้องของสปีลเบิร์กหันมาสู่อเมริกาในยุค 1970s เป็นครั้งแรก เป็นยุคสมัยเดียวกับที่เขาได้กลายเป็นหนึ่งในกระบอกเสียงของงานสร้างภาพยนตร์ของอเมริกา การเล่าเรื่องอย่างรวดเร็ว คือเรื่องราวของความผูกพันเป็นการส่วนตัว และความกล้าหาญ แต่ยังทำให้สปีลเบิร์กได้ก้าวสู่โลกของวงการหนังสือพิมพ์ที่กำลังรายงานช่วงเวลาสำคัญของชาติและของโลก เป็นอาณาจักรที่กำลังจะเปลี่ยนแปลง ด้วยพลังของผู้หญิงที่เพิ่มมากขึ้น และการมาถึงของการแปรรูปองค์กร ที่สำคัญที่สุด เรื่องราวนี้เปิดเผยถึงเรื่องราวที่เป็นปัญหาที่ไร้กาลเวลา นั่นก็คือ เมื่อไหร่กันที่คนเราต้องพูดเพื่อจะเปิดโปงภัยร้ายแรงต่อชาติ แม้จะรู้ว่าเดิมพันครั้งนี้มันสูงเกินกว่าจะหยั่งถึงได้
“สตีเว่นทำเรื่องนี้ให้กลายเป็นเรื่องทริลเลอร์” ผู้อำนวยการสร้าง เอมี่ พัสคาล บอก “เขามีความสามารถในการสร้างช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ที่มีความเคลื่อนไหว คุณอาจนั่งลุ้นจนเกือบตกเบาะขณะนั่งดูหนังเรื่องนี้ แต่มันยังคงเตือนให้เราระลึกถึงหน้าที่ที่ไร้กาลเวลาที่เราจะต้องพูดความจริงค่ะ”
ผู้อำนวยการสร้าง คริสตี้ แม็คคอสโก คริเอเกอร์ กล่าวเสริมว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพลังของความเป็นจริง แต่ขณะเดียวกันมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงจากการเป็นแม่บ้านไปเป็นผู้นำบริษัท Fortune 500 มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่ซ่อนอยู่ภายในเรื่องราวประวัติศาสตร์ของการเดิมพันครั้งใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้มันมีเสน่ห์ดึงดูดพวกเราทุกคนค่ะ”
กำหนดเปิดเผยทุกความจริง 25 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์