ทอม ฮิดเดิลสตันยอมรับว่า เขารู้สึกตื่นเต้น ที่จะได้รับบท โลกิ อีกครั้งในภาพยนตร์โดยมาร์เวล สตูดิโอส์เรื่อง "Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า" "ทุกครั้งที่ผมรับบทโลกิ ความท้าทายจะอยู่ที่การหาวิธีใหม่ๆ มาแสดงบทนี้" ฮิดเดิลสตันกล่าว "มันเป็นที่มาของความประหลาดใจอย่างต่อเนื่องสำหรับผมที่ผมยังคงอยู่ตรงนี้ ผมไม่เคยคาดหวังอะไรแบบนี้เลยตอนที่ผมเริ่มรับบทนี้ ผมรู้สึกถึงความรับผิดชอบอย่างใหญ่หลวงในการแสดงบทบาทที่คนรู้จัก แม้ว่าจะผ่านมาสี่ปีแล้วนับจากที่ผมแสดงเป็นเขาครั้งล่าสุดก็ตาม และผมก็พยายามจะนำพาเขาไปในทิศทางใหม่ๆ ด้วยครับ"

          ฮิดเดิลสตัน พูดถึงโลกิว่าเป็น "ตัวละครที่อารมณ์ปรวนแปร" และบอกต่ออีกว่า "ผมใช้เวลาหกหรือเจ็ดปีในชีวิตผมไปกับการพยายามล้วงลึกเข้าไปให้รู้ว่าสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ คืออะไร เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาดูเหมือนจะเข้าใกล้สิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นพลัง การยอมรับ การมีตำแหน่งแห่งที่ของตัวเอง เขาก็จะเปลี่ยนทิศทาง ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขายังคงความน่าสนใจอยู่ เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์ เปลี่ยนแปลงง่ายและจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเอาชีวิตรอด เขาเป็นจอมต้มตุ๋น เป็นเทพเจ้าแห่งการโกหกหลอกลวงครับ"

เขากล่าวเสริมว่า "ตอนที่ผมสวมชุด แต่งหน้าและสวมวิกสำหรับหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก และมองดูในกระจก ผมคิดกับตัวเองว่า 'ว้าว เขาอยู่ตรงนั้นไง' มันเหมือนกับการได้เจอเพื่อนเก่า และผมก็รู้สึกดีที่ได้เจอเขาเหมือนกัน ผมรู้สึกเหมือนผมรู้จักเขาเลยครับ"

                 ฮิดเดิลสตันเล่าถึงความคิดเห็นที่เขามีต่อความสัมพันธ์ระหว่างโลกิและธอร์ใน "Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า" ว่า "สำหรับธอร์และโลกิ ในเรื่องนี้ เดิมพันมันสูงมากครับ สิ่งต่างๆ ที่เป็นตัวยึดเหนี่ยวพวกเขากับความเป็นจริงของพวกเขาได้หายไปแล้ว พวกเขาไม่รู้จะทำอะไรยังไงดี ผมชื่นชอบไอเดียที่ว่าธอร์และโลกิ ซึ่งเป็นตัวเอกและตัวร้าย พี่น้องที่สู้รบปรบมือกันมาตลอด ต้องมาเจอกับสถานการณ์เลวร้ายด้วยกันและต้องก้าวข้ามความแตกต่างของทั้งคู่หรืออย่างน้อยที่สุดก็ยอมรับความแตกต่างของพวกเขา เพื่อพยายามกอบกู้แอสการ์ดให้ได้น่ะครับ"

หลังจากที่ได้ทำงานใน "Thor" ทุกภาคและ "Marvel's The Avengers" ฮิดเดิลสตัน ก็กล่าวว่า "ผมทึ่งและรู้สึกซาบซึ้งเสมอที่เราได้รับอนุญาตให้ถ่ายทำในฉากจริงๆ เพราะเรารู้ดีว่าในตอนนี้ วงการได้พัฒนาเทคโนโลยีในการจำลองโลกต่างๆ ของหนังขึ้นมาภายในสิ่งแวดล้อมที่สร้างจากดิจิตอลล้วนๆ แต่ถ้าคุณมีฉากอย่างที่เรามี มันก็ทำให้เรื่องง่ายขึ้นเยอะ มันช่วยทำให้เราเข้าใจโทนของเรื่อง มันช่วยให้ผมเข้าใจว่าผมจะต้องแสดงออกไปในรูปแบบไหนยังไง ง่ายๆ ก็คือในฐานะนักแสดง เมื่อคุณไม่มีสิ่งแวดล้อมจริงๆ อยู่รอบด้านคุณ คุณจะต้องใช้พลังงานมากขึ้นในการใช้จินตนาการ นักแสดงจะทำงานได้ดีที่สุดในตอนที่คุณมีนักแสดงสองคนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และทั้งคู่ก็รู้จักพื้นที่ที่พวกเขาอยู่ และในหนังเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้นครับ"

เมื่อถูกถามว่าเขาจะต้องใช้พละกำลังมากน้อยแค่ไหนในภาคล่าสุดของแฟรนไชส์ "Thor" ฮิดเดิลสตันก็กล่าวว่า "Ragnarok" จะเป็นหนังที่ผมใช้พละกำลังมากที่สุดครับ แต่ก็น่าแปลกที่ 'Avengers' ก็เป็นหนังที่ผมใช้พละกำลังค่อนข้างเยอะทีเดียว ในแบบที่ผมคิดว่าคุณคงมองไม่เห็น โลกิแพ้การต่อสู้หลายครั้งในหนังเรื่องนั้น และบ่อยครั้งเมื่อคุณรับบทตัวละครที่แพ้ คุณก็ต้องกระแทกตัวเองกับกำแพง หรือทุ่มตัวลงกับพื้น ซึ่งสมัยก่อน ชุดคอสตูมก็ค่อนข้างหนักทีเดียวครับ ผมต้องใช้ความอึดพอสมควรในการแสดงใน 'Avengers' แต่หนังเรื่องนี้ก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน เพียงแต่ผมสนุกกับความจริงที่ว่าโลกิต้องแสดงความสามารถของเขาออกมาด้วยดาบคู่น่ะครับ"

ฮิดเดิลสตัน เล่าถึงความสำเร็จของมาร์เวล สตูดิโอส์ว่า "พวกเขามักพยายามที่จะผลักดันขีดจำกัดเสมอ เพื่อคิดประดิษฐ์วงล้อด้วยสีสันใหม่ๆ ด้วยรูปทรงใหม่ๆ และพวกเขาก็โชคดีที่มีคลังของตัวเอง ที่เต็มไปด้วยตัวละคร 7,000 ชีวิต เพียงแต่พวกเขาสามารถหาวิธีใหม่ๆ ให้ตัวละครพวกนี้มามีปฏิสัมพันธ์กัน ต่อสู้กัน ร่วมมือกัน แบ่งแยกกัน หัวเราะกันและมีความขัดแย้งกันใหญ่โตได้ และก็ไม่รู้ว่าทำไมแต่หนังทุกเรื่องมีความแตกต่างกันครับ พวกเขามีแบรนด์อารมณ์ขันและความขี้เล่นที่มีเอกลักษณ์ ผมคิดว่านั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้คนมาดูหนังของพวกเขา เพราะพวกเขารู้ว่ามาร์เวลจะนำเสนอภาพน่าตื่นตาตื่นใจ แอ็กชัน ตัวละครเยี่ยมๆ ความมีไหวพริบ ดรามา คอเมดีและช่วงเวลาดีๆ น่ะครับ"

"Thor: Ragnarok - ศึกอวสานเทพเจ้า"
วันนี้ในโรงภาพยนตร์ในระบบปกติ และ MX4D

ตัวอย่างซับไทย