ส่องเบื้องหลังงานสร้างที่ถูกสร้างขึ้นจริงไม่ใช้ CG ของ Thor: Ragnarok
อีกไม่กี่วันแล้วที่เราจะได้พบกับภาคต่อของซุปเปอร์ฮี่โร่ เทพเจ้าสายฟ้า Thor: Ragnarok ที่ครั้งนี้เป็นหนังเดี่ยวภาคที่ 3 ของ คริส เฮล์มเวิร์ธ ที่มารับบท ธอร์ บุตรแห่งโอดิน เทพเจ้าสูงสุดแห่งแอสการ์ด ที่คราวนี้โดยหมายปองจากเทพีแห่งความตาย เฮล่า ที่ต้องการจะถล่มแอสการ์ดให้สิ้นซาก ในขณะที่ธอร์เอง ถูกเนรเทศไปยังสุดขอบจักรวาล ณ ดินแดนของดาวเคราะห์ ซาคาร์ ที่ถูกปกครองด้วย แกรนด์มาสเตอร์ ผู้หลงใหลในการประลองกำลังที่จับธอร์มาสู้กับเพื่อนเก่า และเพื่อนจากที่ทำงานอย่าง ฮัล์ค มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง ซึ่งเขาจะทำอย่างไร ติดตามกันได้ 2 พฤศจิกายน ในโรงภาพยนตร์
สำหรับสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของ Thor: Ragnarok ก็คืองานสร้าง ผู้ชมอาจคิดว่าฉากเกือบทั้งหมดนั้นถูกเนรมิตขึ้นาด้วย CG และนักแสดงต้องแสดงคู่กับฉากเขียว ๆ แต่ที่จริงแล้วงานสร้างของ Thor: Ragnarok นั้น ค่อนข้างพิถีพิถัน เพราะหลายฉากนั้นถูกสร้างขึ้นมาจริง ๆ แค่ในสตูดิโอก็สร้างขึ้นมากว่า 30 ฉากแล้ว และมีการถ่ายทำกันที่บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีโลเคชั่นที่น่างดงามและตื่นตะลึงมาก ๆ และวันนี้เราก็พาทุกท่านไปส่องเบืองหลังด้วยกัน ว่าเขาถ่ายทำกันที่ไหนอย่างไรบ้าง
"Thor: Ragnarok" เริ่มต้นการถ่ายทำในวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 2016 และถ่ายทำส่วนใหญ่ที่โกลด์ โคสต์ ประเทศออสเตรเลีย ในรัฐควีนส์แลนด์ บนชายฝั่งตะวันออกของทวีป ทางใต้ของเมืองบริสเบน กองถ่ายตั้งอยู่ที่วิลเลจ โรดโชว์ สตูดิโอส์ในควีนส์แลนด์
นอกเหนือจากการถ่ายทำมากกว่าสามสิบฉากที่ถูกสร้างขึ้นที่สตูดิโอ (ในหลายๆ ซาวน์สเตจภายในซาวน์สเตจเก้าแห่งที่นั่น รวมถึงในโรงถ่ายขนาดใหญ่ของมันด้วย) ทีมงานยังได้ถ่ายทำตามโลเกชันในย่านดาวน์ทาวน์ของบริสเบน (ที่ถูกใช้แทนนิวยอร์ก ซิตี้) เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และที่โลเกชันแสนงดงามสองแห่งในอุทยานแห่งชาติแทมบูรินในควีนส์แลนด์อีกด้วย นอกจากนั้น กองถ่ายยูนิทที่สองยังได้ถ่ายทำในเกาะเดิร์ค ฮาร์ท็อกที่ห่างไกลของออสเตรเลีย ในมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งออกไปทางตะวันตก และสถานที่อีกหลายแห่งในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ (รวมถึงมิลฟอร์ด ซาวน์ ฟยอร์ด ที่น่าตื่นตาตื่นใจ) ก่อนที่การถ่ายทำจะปิดฉากลงในปลายเดือนตุลาคม
การเนรมิตชีวิตให้กับดาวซาคาร์ที่หลากสีสัน ภายใต้การปกครองของแกรนด์มาสเตอร์ (เจฟฟ์ โกลด์บลัม) เป็นหนึ่งในงานที่สำคัญที่สุดของผู้ออกแบบงานสร้าง แดน เฮนนาห์และรา วินเซนท์ พอพวกเขาเริ่มรวบรวมทีมงานแผนกศิลป์ ที่ประกอบไปด้วยนักออกแบบฉาก ผู้กำกับศิลป์ และนักลงสีเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ได้สร้างสรรค์แกลเลอรีอาร์ตเวิร์คด้วยการใช้ผลงานการ์ตูนที่น่าอัศจรรย์ของผู้สร้างแจ็ค เคอร์บี้มากมาย งานอาร์ตเวิร์คไม่เพียงแต่ประดับประดาที่ผนังออฟฟิศของพวกเขาเท่านั้น แต่กระจัดกระจายเต็มพื้นที่ของแผนกด้วย งานอาร์ตเวิร์คดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงเวทมนตร์บนหน้ากระดาษของเคอร์บี้และกระตุ้นทีมงานออกแบบงานสร้างระหว่างที่พวกเขาทำงานเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกของดาวซาคาร์ออกมา
ในบรรดาฉากบนดาวซาคาร์หลายฉากที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ มีฉากสามฉากที่ถูกจริตความชื่นชอบเรื่องมหัศจรรย์ของเคอร์บี้เป็นพิเศษ นั่นคือเมืองซาคาร์ในโรงถ่ายที่กว้างใหญ่ของสตูดิโอ (หนึ่งในสองฉากภายนอกที่เชื่อมต่อกัน ซึ่งแต่ละฉากมีขนาดเท่าสนามอเมริกันฟุตบอล), ปราสาทของแกรนด์มาสเตอร์ (ที่ถูกสร้างขึ้นบนสเตจ 9 ซึ่งเป็นซาวน์สเตจใหม่เอี่ยมของสตูดิโอ และเป็นซาวน์สเตจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ด้วย) และห้องนักรบของฮัลค์ ซึ่งเป็นฉากแรกบนดาวซาคาร์ที่ถูกถ่ายทำในช่วงสัปดาห์ที่สองของการถ่ายทำ
แม้ว่าเรื่องราวส่วนมากในองก์ที่สองของเรื่องเกิดขึ้นในดาวซาคาร์ ทีมงานออกแบบงานสร้างยังต้องออกแบบฉากต่างๆ ในดินแดนที่พวกเขาคุ้นเคยมากกว่าอย่างแอสการ์ด ดินแดนบ้านเกิดของธอร์ ที่เคยปรากฏมาแล้วในสองภาคที่ผ่านมา อีกด้วย แม้ว่าพวกเขาจะได้สร้างฉากต่างๆ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแอสการ์ด (ห้องสังเกตการณ์ ท้องพระโรง) แบบดีไซน์หลักของทีมออกแบบงานสร้าง ซึ่งก็คือแอสการ์ด เปียซซา ตั้งตระหง่านอยู่ข้างๆ นครซาคาร์ ที่ถูกสร้างขึ้นในโรงถ่ายของสตูดิโอ
ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย มาเยส รูบีโอ ผู้ซึ่งทีมงานได้เปลี่ยนสเตจ 2 ของสตูดิโอให้กลายเป็นโรงงานสิ่งทอ ได้ออกแบบเสื้อผ้ากว่า 2500 ชุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ด้วยการทำงานกับลูกทีมกว่าหกสิบคน (รวมถึงช่างตัดเย็บหนัง ช่างเสื้อ ช่างย้อม) ตลอดระยะเวลากว่าแปดเดือน ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2016
สิ่งที่ทำให้ชุดของรูบีโอสมบูรณ์แบบคืออาวุธของชาวซาคาร์ ที่ถูกออกแบบสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเฮนนาห์และวินเซนท์ และเวิร์คช็อปเวตาของนิวซีแลนด์ เมื่อพวกเขาทำงานเสร็จสิ้นแล้ว อาวุธหลากชนิดหลายร้อยชิ้นก็ถูกสร้างขึ้นและพร้อมให้เลือกใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มีการสร้างโยเนียร์ ค้อนของธอร์ขึ้นมาหลายสิบรูปแบบ และค้อนนี้ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในอาวุธมากมายที่ถูกใช้ในสองภาคก่อนหน้านี้ ที่ถูกนำมาตีความใหม่สำหรับ "Thor: Ragnarok" นอกเหนือจากนั้น ยังต้องมีการสร้างอาวุธขนาดเท่าฮัลค์หลายชิ้นสำหรับตัวละครเจ้าของความสูงแปดฟุตหกนิ้วคนนี้อีกด้วย