ทำความรู้จัก Flatliners (1990) ก่อนดูเวอร์ชั่นรีเมค
จะว่าไปหนัง Flatliner (1990) ก็ไม่ใช่หนังในระดับคุณภาพขึ้นหิ้งอมตะหรือถูกอ้างอิงถึงในฐานะตัวอย่างที่ดี ไม่ได้รางวัลมาการันตีคุณภาพสักตัว ส่วนในด้านการตลาดหนังก็ไม่ได้ฮิตทำเงินถล่มทลาย หนังใช้ทุนสร้างไป 29 ล้านเหรียญ ทำกำไรพอสมควรที่ 61 ล้านเหรียญ จึงค่อนข้างเป็นที่แปลกใจกับคนดูหนังรุ่นเก่าว่าเหตุใดผู้สร้างจึงตัดสินใจหยิบมารีเมคอีกรอบ จุดเดียวที่ Flatliner (1990) ถูกจดจำคือหนังรวมซูเปอร์สตาร์วัยรุ่นแถวหน้ายุคนั้น คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ , จูเลีย โรเบิร์ต , เควิน เบคอน และ วิลเลียม บอลด์วิน , โอลิเวอร์ แพลตต์ ผ่านมา 27 ปี ทั้ง 5 ก็ยังคงมีงานแสดงให้เห็นกันอยู่ บางคนก็มีบทเล็ก ๆ ในหนังโรง บางคนก็ไปได้ดีกับวงการทีวีซีรีส์
คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ จัดได้ว่าเป็นดาราวัยรุ่นที่ฮอตสุดในวันนั้น แม้ในวัยเพียง 24 ปีในฐานะลูกชายของโดนัลด์ ซูเธอร์แลนด์ดารารุ่นใหญ่ ทำให้ฮอลลีวู้ดอ้าแขนต้อนรับเขาอย่างดี คีเฟอร์ มีผลงานฮิตมากมายก่อนหน้าเรื่องนี้ Stand By Me (1986) , The Lost Boys (1987) , Bright Lights, Big City (1988) และ Young Guns อีก 2 ภาค พอมาได้เสียบบท เนลสัน แทน วาล คิลเมอร์ ที่ปฏิเสธไป ชื่อคีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ เลยกลายเป็นจุดขาย ได้ยืนหน้าสุดบนโปสเตอร์หนัง
จูเลีย โรเบิร์ต ดาราสาววัย 23 ในวันนั้น และเป็นวัยที่เธอสวยที่สุดในชีวิตการแสดงแล้ว เธอมีผลงานมาเพียงไม่กี่เรื่องยังไม่เป็นที่รู้จักนัก แต่ก็กลายเป็นโชคดีของผู้สร้าง Flatliners ที่ได้เธอมาเป็นดารานำหญิงในเรื่อง ก็เพราะ Flatliners เข้าฉายในเดือนสิงหาคม 1990 แต่ว่าก่อนหน้านั้นเพียง 5 เดือน จูเลีย โรเบิร์ต เพิ่งดังเป็นพลุแตกจาก Pretty Woman ทั้งที่หนังน่าจะสร้างในช่วงไล่เลี่ยกัน Flatliners ก็เลยได้อานิสงส์มีจูเลีย โรเบิร์ต เป็นชื่อขายได้อีกชื่อ และระหว่างถ่ายทำจูเลีย ก็ถูกใจคบหากับ คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์
เควิน เบคอน แก่สุดในทีมเพราะเควินปาเข้าไป 32 ปีแล้วตอนที่เล่นเรื่องนี้ แต่ด้วยหน้าตาที่ยังพอเข้าก๊วนได้เลยดูไม่โดดจากเพื่อนฝูงนัก เควิน ได้บทเดวิด หมอที่อาวุโสสุดในกลุ่ม คอยให้สติยับยั้งน้อง ๆ และเป็นคนเดียวที่คอยหาทางยุติแผนการทดลองบ้าๆ นี้ซะ ที่จริงศักดิ์ศรีของเควิน ในวันนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคีเฟอร์ เลย เขาเข้าวงการก่อนหน้าทุกคนเป็น 10 ปี มีหนังขึ้นหิ้งอมตะอย่าง Footloose (1984) และในปีเดียวกันกับ Flatliners เขาก็มี Tremors หนังหนอนยักษ์กินคนที่กลายเป็นหนังฮิตมีภาคต่อมานับไม่ถ้วนจนทุกวันนี้
วิลเลียม บอลด์วิน น้องชายคนที่ 3 ในสี่พี่น้องตระกูลบอลด์วิน ต่อจาก อเล็ค , แดเนียล และยังมี สตีเฟน น้องชายคนสุดท้อง วิลเลียม อายุ 27 ปีตอนที่เล่นเป็นหมอโจ ก่อนหน้าเรื่องนี้ วิลเลียมมีงานแสดงมาแค่ 2 เรื่องยังไปไม่ถึงจุดพีคในอาชีพนักแสดง โอกาสสำคัญสุดของวิลเลียม มาในปี 1993 เมื่อเขาได้รับบทพระเอกประกบชารอน สโตน สาวสุดฮอตในยุคนั้นใน Silver (1993) หนังเซ็กซี่เน้นขายฉากเร่าร้อน
ส่วนโอลิเวอร์ แพลตต์ ไม่มีอะไรให้พูดถึงมาก เพราะเข้าวงการมาในฐานะดาราตลกร่างอ้วน มักจะได้บทสมทบเป็นเพื่อนพระเอกตัวคอยชงมุก แต่เห็นมาดแบบนี้หน้าตาแบบนี้ โอลิเวอร์ก็เคยได้เป็น พอร์โธส 1 ในสามทหารเสือ The Three Musketeers (1993) หลังๆ โอลิเวอร์มักจะได้บทประเภทนักวิทยาศาสตร์ และที่สำคัญในกลุ่มดารานำทั้งหมด โอลิเวอร์คือคนที่มีงานชุกที่สุด เขามีงานแสดงไม่ต่ำกว่า 4 เรื่องต่อปีจนทุกวันนี้
Flatliners ในวันที่ออกฉายไม่เพียงแต่เป็นหนังรวมซูเปอร์สตาร์ แต่ยังเป็นหนังที่รวมทีมงานเบื้องหลังแน่นปั้ก หนังกำกับโดย โจเอล ชูมาเกอร์ ผู้กำกับสุดฮอตในยุคนั้น เมื่อปี 1985 เขาเคยกำกับหนังแจ้งเกิดดาราวัยรุ่นมาแล้วในเรื่อง St. Elmo's Fire มีงานกำกับมิวสิควีดีโอประปราย โจเอล มาพีคสุดๆ ในช่วงกลางยุค 90s เขามีงานกำกับติดๆ กันทุกปี และได้กำกับ Batman ถึง 2 ภาค
อีกตำแหน่งนึงที่สำคัญมากคือ แจน เดอ บองต์ ผู้กำกับภาพมือฉมัง เขาเป็นคนควบคุมฉากภายใน แจนคุยกับฝ่ายออกแบบจนได้ฉากห้องคืนชีพที่ถูกจำลองว่าอยู่ในโบสถ์เก่าสไตล์โกธิค มีลำแสงส่องลงมาจากหน้าต่างกระจกประดับ รายล้อมด้วยภาพเขียนเหล่าเทพเจ้าเป็นสักขีพยานในการกระทำท้าทายอำนาจสวรรค์ของแก๊งหมอกลุ่มนี้ หลังจากนี้ 4 ปี แจน ก็เลื่อนขั้นตัวเองไปเป็นผู้กำกับหนังเรื่อง Speed (1994) หนังฮิตตลอดกาลที่อยู่ในความทรงจำของหลาย ๆ คนและยังมี Twister (1996) หนังพายุทอร์นาโดสุดมันส์อีกเรื่องด้วย ไม่พอครับ Flatliners ยังมียอดฝีมืออีกคน เจมส์ นิวตัน โฮเวิร์ด มารับหน้าที่ดนตรีประกอบหนัง เครดิตไม่ธรรมดาเลย ทำดนตรีประกอบมาแล้ว 71 เรื่อง เข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 8 ครั้ง แม้จะยังไม่ได้แต่จำนวนเข้าชิงก็การันตีฝีมือได้น่า
Flatliners เป็นเรื่องราวของเพื่อนนักเรียนแพทย์ 5 คน ที่ 1 ในนั้นคือ เนลสัน บทของคีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ ที่เกิดเบื่อโลกและผุดไอเดียแผลง ๆ ขึ้นมาว่าอยากพิสูจน์โลกหลังความตาย เขาหว่านล้อมเพื่อนทั้ง 4 คนให้ร่วมกิจกรรมหลุดโลกนี้ได้สำเร็จ ด้วยการฉีดยาและช็อคหัวใจให้เขาตายไป 1 นาที ก่อนแล้วค่อยกู้ชีพเขากลับมา ชื่อเรื่อง Flatliner ก็มาจากเส้นกราฟแสดงอัตราการเต้นหัวใจบนมอนิเตอร์นี่แหละ ถ้าตายแล้วหัวใจหยุดเต้นเส้นก็วิ่งเป็นเส้นตรงเรียกว่า Flat Line ปฏิบัติการแรกของเนลสัน เป็นผลสำเร็จเขากลับมาเล่าประสบการณ์นิมิตต่างๆ ที่เขาได้ประสบในช่วงเวลา 1 นาที กระตุ้นให้ โจ และ ราเชล อยากพิสูจน์ด้วยบ้างและแข่งกันว่าใครจะตายได้นานกว่ากัน แต่เนลสันกลับไม่ได้เล่าเรื่องสำคัญให้เพื่อนฟัง นั่นคือเขาได้พาแรงอาฆาตพยาบาทจากอดีตกลับมาด้วย และมันตามจองล้างจองผลาญเขาอยู่ทุกเมื่อ และทั้งโจ , ราเชล และ เดวิด ต่างก็ได้พบฝันร้ายในอดีตตามมาหลอกหลอนเช่นกัน ด้วยพลอตประหลาดๆ แบบนี้ทำให้ Flatliners เป็นหนังที่มีส่วนผสมหลากหลายทั้งสยองขวัญ และแฟนตาซี บนภาพสไตล์ฟิล์มนัวร์ที่มาครบทั้งฝน พื้นเปียก แสงสีนีออนและควันที่พวยพุ่งมาตามท่อระบายน้ำ
ตัวหนังเล่าเรื่องในวงแคบ ๆ จำกัดอยู่แค่เพื่อนทั้ง 5 คนดูได้รู้จักความสัมพันธ์ของกลุ่มนี้จากบทสนทนาแต่ก็ยังสัมผัสไม่ได้ถึงความสนิทสนมในขั้นที่ฝากชีวิตให้กันได้ แม้กระทั่งความรักของหมอเดวิดและหมอราเชลก็ยังดูไม่เหมือนคู่รักนัก เราได้รู้จักพื้นเพปูมหลังของแต่ละคนจากเรื่องราวที่ตามมาหลอกหลอนพวกเขาหลังฟื้นจากความตาย ที่มาในลักษณะภาพหลอนแต่ก็ไม่ได้พยายามพาอารมณ์หนังไปถึงขั้นสยองชวัญไม่มีภาพน่ากลัวหรือฉากสะดุ้งมากมายนัก อารมณ์หนังเลยออกมาในระดับกลาง ๆ กึ่งแฟนตาซีกึ่งทริลเลอร์ ซึ่งสุดท้ายหนังก็พาไปถึงข้อสรุปว่าเป็นเรื่องของ "เวรกรรม" ที่ไม่ว่าชาติภาษาศาสนาอะไรก็ไม่มีใครหนีพ้น และด้วยความที่หนังพาอารมณ์ไปได้ไม่สุดสักทางนี่ล่ะ รายได้หนังก็เลยไปได้ไม่สุดเช่นกัน แม้จะแน่นทั้งเหล่าดารานำและทีมงานเบื้องหลัง
หนังเขียนบทโดย ปีเตอร์ ฟิลาร์ดิ นักเขียนโนเนม ที่มีFlatliner เป็นผลงานประเดิมชิ้นแรกของเขาเลย ต่อจากนั้นปีเตอร์ก็ไปเขียน The Craft (1996) หนังรวมเหล่าแม่มดวัยรุ่นที่ฮิตพอประมาณ แล้วก็มีงานเขียนบทให้ทีวีซีรีส์อีกแค่ 2-3 ตอนเท่านั้น แต่ปีเตอร์ ก็ยังได้เครดิตร่วมใน Flatliners เวอร์ชั่น 2017 นี้ที่ดัดแปลงเรื่องราวไปพอสมควรโดย เบ็น ริปลีย์ ถ้าดูผลงานก่อนหน้าของเบ็น ก็มี Source Code (2011) ก็ดูน่าเชื่อถือนะ เพราะเป็นหนังสนุกเรื่องหนึ่งเลย จากทีเห็นในตัวอย่างเวอร์ชั่นนี้ เบ็น น่าจะมองเห็นข้อบกพร่องของ Flatliner (1990) และดัดแปลงบทของปีเตอร์ เสียใหม่ให้เวอร์ชั่นนี้ไปในอารมณ์ที่สยองขวัญมากขึ้น บรรดาเวรกรรมจากอดีตดุร้ายมากขึ้น เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของบรรดาตัวละครนำ
บรรดาตัวแสดงนำเวอร์ชั่นนี้จะต่างจากเวอร์ชั่นต้นฉบับมากนักเพราะไม่มีดาราขายชื่อเลยสักคนเดียว มีคีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ กลับมาร่วมแสดงในบทรับเชิญหน่อย ส่วนดารานำตกเป็นหน้าที่ของเอลเลน เพจ เธอเป็นดาราสาวที่โชคร้ายเพราะหน้าเด็ก เอลเลน เธออายุ 30 ปีแล้ว แก่กว่าทั้งจูเลีย โรเบิร์ต , คีเฟอร์ ซูเธอร์แลนด์ในเวอร์ชั่นแรกด้วยซ้ำ แต่หน้าตาเธอก็ยังเหมือนสาววัย 20 อยู่อย่างนั้นก็เลยไม่ค่อยได้รับบทผู้ใหญ่เท่าใดนัก แม้ในเรื่องนี้ก็ยังดูขัดกับบทคุณหมอที่เธอได้รับอยู่ดี อีกคนที่พอมีชื่อเสียงอยุ่บ้างคือ ดิเอโก้ ลูน่า ดาราชาวเม็กซิกันที่ทุกวันนี้ยังเล่นทั้งหนังฮอลลีวู้ด และหนังเม็กซิกันอยู่ ล่าสุดก็ได้ร่วมโปรเจ็กต์ใหญ่อย่าง Star Wars : Rogue One (2016) , นีลส์ อาร์เด็น โอเพลฟ ผู้กำกับในเวอร์ชั่นใหม่นี้ เป็นชื่อที่น่าเชื่อถือมาก นีลส์ เป็นผู้กำกับชาวเดนมาร์กที่คร่ำหวอดในวงการมานาน มีผลงานกำกับมาแล้ว 21 เรื่อง หนังสร้างชื่อให้เขาก็คือ The Girl With The Dragon Tattoo เวอร์ชั่นต้นฉบับของเดนมาร์ก และทุกวันนี้ก็มากำกับทีวีซีรีส์ในอเมริกาอีกหลายเรื่อง ดูโทนหนังที่นีลส์เคยกำกับมาก็น่าจะเข้าทางกับแนวของ Flatliners เวอร์ชั่นใหม่นี้
Flatliners เวอร์ชั่น 2017 เปิดตัวไปแล้วตั้งแต่ปลายกันยายนในหลายประเทศ หนังทำรายได้ออกตัวไม่สวยนัก ผลจากเสียงตอบรับจากบรรดานักวิจารณ์ที่ไม่สู้ดี ทำให้หนังเก็บรายได้มาในระดับคืนทุนที่ 20 ล้าน ทุนสร้างน้อยกว่าเวอร์ชั่นปี 1990 ที่ใช้ทุนสร้างไป 29 ล้านด้วยซ้ำ เชื่อว่าเมื่อหนังเก็บรายได้จากการฉายทั่วโลกก็น่าจะทำกำไรพอให้ผู้สร้างไม่ต้องกุมขมับ เพราะหนังแนวตื่นเต้นสยองขวัญนี้เป็นแนวที่ถูกตลาดคนดูทั่วโลกอยู่แล้ว บ้านเรารอพิสูจน์พร้อมกัน 19 ตุลาคม นี้ทุกโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างซับไทย