เรื่องราวเบื้องหลังของความหมายสุดล้ำลึกใน Mother!
เข้าโรงฉายเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับเรื่อง Mother! หรือ มารดา! ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ทุกรอบฉาย เป็นหนังที่คนดูอุทาน WTF มากที่สุดแห่งปี เรื่องราวของหญิงสาว (เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์) และสามีนักกวี (ฮาเวียร์ บาร์เด็ม) ที่มีชีวิตที่ดูงดงามอยู่ในบ้านกลางทุ่งที่ดูราวกับสวรรค์ที่สันโดษ แต่แล้วเมื่อชายผู้หนึ่ง (เอ็ด แฮร์ริส) และภรรยา (มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์) เดินทางมาเคาะประตูบ้าน การเปิดประตูในครั้งนั้นก็เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง และนับวันก็ยิ่งมีแขกเดินทางมาที่บ้านของพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ จนสถาการณ์บีบคั้นเข้มข้นขึ้นจนกว่าใครจะคาดคิด
กำกับและเขียนบทโดยผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ดาร์เรน อะโรนอฟสกี้ (Black Swan, Requiem for a Dream) นำแสดงโดยนักแสดงสาวเจ้าของรางวัลออสการ์ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Silver Linings Playbook, The Hunger Games) และนักแสดงชายเจ้าของรางวัลออสการ์ ฮาเวียร์ บาร์เด็ม (No Country For Old Men, Skyfall) ร่วมด้วยนักแสดงชายผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ เอ็ด แฮร์ริส (The Truman Show, The Rock) และนักแสดงหญิงที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ (Scarface, Batman Returns) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายได้แก่ แดนนี่ คลิ๊คเกอร์ (Milk) ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และผู้ลำดับภาพ ได้แก่ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ แอนดรูว์ ไวสบลูม (Black Swan) โปรดักชั่น ดีไซเนอร์ ได้แก่ ฟิลิป เมสซิน่า (The Hunger Games) ผู้กำกับภาพ ได้แก่ ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ แมทธิว ไลบาทีค (Black Swan) ผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ เจฟฟ์ แว็กซ์แมน, จอช สเติร์น และมาร์ก ฮีย์แมน ภาพยนตร์เรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย สก็อตต์ แฟรงกลิน และอารี แฮนเดล
ใครระรู้บ้างว่า ผู้กำกับ ดาร์เรน โรนอฟสกี้นั้น เขียนบทเรื่องนี้เพียงแค่ 5 วัน และเป็นห้าวันที่เป็นไข้ไม่สบาย และอยู่กับคีย์บอร์ดเพียงลำพังในบ้านที่ว่างเปล่า ภาพยนตร์อีกหกเรื่องของเขาใช้เวลากว่าจะสำเร็จออกมาก็กินเวลานานหลายปี แต่กับเรื่องนี้เขาใช้เวลาเพียงห้าวันก็มีโครงร่างของ mother! อยู่ในมือ และหนึ่งปีต่อมาก็เริ่มถ่ายทำกัน
ดาร์เร็น พูดถึงหนังเรื่องนี้ว่า "mother! เริ่มต้นด้วยการเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตแต่งงาน และใจกลางเรื่องนี้ก็คือผู้หญิงที่เป็นผู้ให้ ให้ และให้ จากคนที่มาร้องขอ จนกระทั่งเธอไม่สามารถให้อะไรได้อีก และสุดท้ายก็ไม่สามารถเก็บกดแรงดันที่คุกรุ่นอยู่ข้างในได้ จนมันกลายเป็นสิ่งอื่นไป..."
อันที่จริงดาร์เรนก็คาดหวังอยู่แล้วว่าผลตอบรับจะมีกระแสอะไรบ้าง จนกระทั่งเขาถูกถามเรื่องวิสัยทัศน์ที่สุดดาร์กของเขา จนเขาได้เผยเบื้องหลังคอนเซ็ปต์สุดลึกล้ำที่เผยความหมายของหนังให้เข้าใจได้มากขึ้น และเป็นที่มาของหนังเรื่องนี้
"มันคือห้วงเวลาสุดเพี้ยนที่จะมีชีวิตอยู่ เมื่อประชากรโลกใกล้แตะตัวเลข 8 พันล้าน เราเผชิญหน้ากับปัญหาที่หนักและจริงจังเกินจะหยั่งถึง ระบบนิเวศวิทยาล่มสลาย เมื่อเราได้พบเห็นการสูญพันธุ์ในอัตรารวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน วิกฤตผู้อพยพทำให้รัฐบาลเสียระบบ สหรัฐฯ ที่ดูป่วยด้วยจิตเภท ช่วยให้เกิดการเจรจาสนธิสัญญาสภาพอากาศ และถอนตัวไปในหลายเดือนต่อมา การพิพาทและความเชื่อของชนเผ่าโบราณยังคงผลักดันให้เกิดสงครามและการแบ่งแยก ภูเขาน้ำแข็งลูกใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้แตกออกจากแผ่นน้ำแข็งแอนตาร์คติค และล่องลอยออกท้องทะเล ขณะเดียวกัน เราเผชิญหน้ากับปัญหาที่น่าขันเกินกว่าจะเข้าใจ ในอเมริกาใต้ นักท่องเที่ยวสังหารลูกโลมาหายากที่มาเกยตื้น พวกมันหายใจไม่ออกขณะนักท่องเที่ยวพากันแห่มาถ่ายรูปเซลฟี่ เรื่องการเมืองแทบจะกลายเป็นงานอีเว้นท์ด้านกีฬา ผู้คนยังคงหิวโหยตาย ขณะที่ผู้คนอีกมากสามารถสั่งอาหารทุกชนิดที่พวกเขาอยากกินได้ ในฐานะสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์หนึ่ง รอยเท้าของพวกเราไม่ยั่งยืน แต่เรายังใช้ชีวิตอยู่กับการปฏิเสธสภาพของโลก และตำแหน่งของพวกเราบนโลกใบนี้"
"ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไหลพร่างพรูออกมาจากตัวผม"
ผู้อำนวยการสร้างสก็อตต์ แฟรงกลิน เผยว่า "Mother! คือเรื่องราวทริลเลอร์แนวจิตวิทยา และคุณจะมองเห็นถึงความสัมพันธ์กับโลกของเราในตอนนี้ มันมีแง่มุมที่เป็นความตื่นเต้น ชวนขนลุก ไม่สบายใจ แต่มันก็มีแนวทางของมันอยู่ มาเธอร์เปรียบได้กับสื่อกลาง ทุกเรื่องราวเกิดขึ้นโดยผ่านสายตาของเธอครับ"
มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ เผยว่า นับแต่เริ่มต้น อะโรนอฟสกี้ไม่ยอมเปิดเผยถึงสัญลักษณ์ขององค์ประกอบต่าง ๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้เลย แต่เธอรู้ดีว่า ในทุกการตัดสินใจ ในทุกๆ เฟรมภาพ ในทุกๆ ถ้อยคำ ไม่มีการสุ่มเลือก แต่มีความแน่นอนที่สำคัญกับเขามากในถ้อยคำ ในประโยคพูดของเธอ
อารี แฮนเดล หนึ่งในผู้อำนวยการสร้างกล่าวว่า "เมื่อดาร์เรนนั่งเขียนเรื่องราวนี้ขึ้นมา หนึ่งในเรื่องหลักๆ ที่เขากำลังคิดถึงอยู่ ก็คือวิถีที่มนุษย์ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ และสิ่งที่เราทำกับโลก" แฮนเดลอธิบาย "เขาอยากจะทำให้สิ่งเหล่านั้นกลายมาเป็นเรื่องราวดราม่าด้วยการบีบมันให้แคบลงมา กลายเป็นความสัมพันธ์เดียวในบ้านหลังหนึ่ง"
"ผมจำได้ว่าสองสามเดือนหลังจากเราเจาะลึกบทภาพยนตร์กัน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือเรื่อง Woman and Nature ของซูซาน กริฟฟิน มันเป็นงานปรัชญาจากยุค 70 ที่วางโครงเรื่องเดินไปพร้อมกันระหว่าง วิธีที่ผู้ชายปฏิบัติต่อผู้หญิง และวิธีที่ผู้คนปฏิบัติต่อโลกใบนี้ หนังสือเล่มนั้นช่วยยืนยันให้เราแน่ใจได้อีกครั้งว่าเราสามารถที่จะทำสองเรื่องนี้ นั่นก็คือเรื่องราวของความสัมพันธ์ และเรื่องราวของโลกของเรา ให้มันทำงานไปในเวลาเดียวกันได้"
แฮนเดลกล่าวต่อไปอีกว่า "ผมคิดว่าในเรื่องของสภาพแวดล้อมในภาพยนตร์เรื่องนี้ คือส่วนที่มันทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ ใช่ เราเน้นย้ำกับมาเธอร์ และการแสดงของเจนก็เหมือนกับแทร็คเตอร์ที่ดึงเราไปกับเธอด้วย แต่ผมคิดว่าเรารู้สึกได้ว่าพวกเราแต่ละคนต่างเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนที่ไม่เคยพึงพอใจ และหิวกระหายที่กำลังฉีกทึ้งโลกของเธอให้แตกเป็นเสี่ยงๆ"