2 นักแสดงนำ เล่าถึงความยากลำบากในกองถ่าย Crawl
2 ชีวิตที่ต้องติดอยู่ภายใต้ถุนบ้านเตี้ยๆ ที่ต้องคลานไปมาบนพื้นโคลนและดินแฉะๆ ในขณะที่ชีวิตต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายเพราะมีจระเข้หิวโซคลานไปมาอยู่ใกล้ๆ พ่อที่บาดเจ็บกับลูกสาวมีเวลาเอาชีวิตรอดน้อยลงไปทุกนาที เพราะน้ำที่กำลังไหลทะลักเข้าสู่พื้นที่ใต้ถุนบ้าน ทั้งคู่ต้องออกจากพื้นที่นี้ให้่ได้ โดยไม่ตกเป็นอาหารของไอ้เข้เสียก่อน
ด้วยพลอตเรื่องแบบนี้ ทำให้ คายา สโคเดลาริโอ และ แบร์รี่ เพปเพอร์ ต้องใช้เวลาหลายเดือนในกองถ่ายคลุกไปมากับโคลนและแช่อยู่ในน้ำวันละหลายชั่วโมง ทั้งคู่มาเล่าประสบการณ์ในการถ่ายทำที่ยากลำบากให้เราฟัง เริ่มจากคายาเล่าถึงบรรยากาศในกองถ่าย "เราสร้างฉากทั้งหมดขึ้นในแทงค์น้ำใหญ่ แล้วก็ค่อยๆ ปล่อยน้ำให้เข้ามาท่วมตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง จากวันแรกมีน้ำแค่ระดับบนพื้น ทุกคนก็วิ่งกันไปมาแบบแฉะๆ แต่พอถึงช่วงท้ายของการถ่ายทำ นักแสดงและทีมงานทุกคนนี่ต้องว่ายน้ำไปเข้าฉากกันหมด"
แบร์รี่ เพปเพอร์ มาเสริมว่า "มันเป็นช่วงเวลาที่เหมือนกับโดนลงโทษ ผ่านไปด้วยความยากลำบาก กับการที่ต้องลงไปแช่อยู่ในน้ำติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน เวลาที่ผมขึ้นจากน้ำมานี่ ทั่วทั้งตัวผมเหี่ยวย่นเป็นลูกพรุนเลย มันไม่ใช่แค่มือนะ แต่ทั้งตัวเลย วัน ๆ นึงผมแช่อยู่ในน้ำถึง 12 ชั่วโมง ผมรู้สึกเองว่าแช่อยู่อย่างงั้นมันสะดวกกว่าที่จะต้องขึ้นจากน้ำแล้วลงไปใหม ขึ้นมาลงไปใหม่อยู่แบบนี้"
เพราะเนื้อหาของหนังเล่าถึงเหตุการณ์ในฟลอริดา ในวันที่โดนพายุเฮอร์ริเคนระดับ 5 ถล่ม น้ำท่วมเมืองอย่างรวดเร็ว ทำให้ไอ้เข้หลุดออกจากฟาร์มมาไล่งับคนเป็นอาหาร ด้วยเหตุนี้หนังทั้งเรื่องจึงเต็มไปด้วย น้ำ น้ำ และ น้ำ นักแสดงจึงต้องแช่อยู่ในน้ำตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย "น้ำสูงมากขนาดที่ว่าเท้าแตะไม่ถึงพื้นเลย ทุกคนที่แช่อยู่ในน้ำนี่เนื้อตัวเหี่ยวย่นไปตามๆ กัน ฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะมีคนฉี่ลงไปในน้ำกี่คนกันแล้วเนี่ย พอนึกถึงมันก็น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ" คายาเสริมความรู้สึกในการทำงาน
เธอยังเสริมต่อว่า เธอผ่านการถ่ายทำไปแต่ละวันด้วยความเหนื่อยยาก จนยอมนอนไปทั้งๆ ที่ไม่ล้างคราบแต่งหน้าเอฟเฟกต์ออกจากร่าง "มีหลายวันที่ฉันออกจากกองถ่ายแบบเต็มไปด้วยเลือดปลอม โคลนติดเต็มตัว ฉันเลือกที่จะกลับบ้านทั้งอย่างนี้ ยิ่งฉันกลับถึงบ้านเร็วฉันก็ได้นอนมากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าให้ทีมงานล้างออก ก็ต้องหมดเวลาไปอีกหลายชั่วโมง พอมาถึงบ้านลูกเจอสภาพชั้นแบบนี้ก็ตกใจแล้วค่อยเรียก "มัมมี้"
ฉากใหญ่สุดของหนัง ที่ทีมงานจำลองขึ้นมาในสตูดิโอได้สมจริง
แม้ว่าตามท้องเรื่องแล้ว เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในฟลอริดา แต่ทีมงานเลือกจะบินไปถ่ายทำกันในเซอร์เบีย ในการถ่ายทำนี้ทีมงานสร้างฉากจำลองขึ้นมาในสตูดิโอถึง 3 ฉาก ฉากแรกคือฉากที่จำลองพื้นที่ใต้ถุนบ้าน อีกฉากคือภายในบ้าน และฉากที่ 3 เป็นฉากใหญ่สุดในกองถ่ายนี้ เป็นฉากมุมกว้างภายนอก มองเห็นบ้านทั้งหลังของเฮลีย์และพ่อ บ้านเพื่อนบ้านอีก 2-3 หลัง ถนน ปั๊มน้ำมันและมินิมาร์ต และต้นไม้อีกเยอะมากที่รอรับน้ำนับล้านลิตรไหลมาถล่ม ฉากนี้จะเป็นเหตุการณ์ภายนอกบ้าน แล้วก็จะมีน้ำจากเขื่อนจำนวนมหาศาลไหลทะลักเข้ามาในฉาก เป็นการทำงานกับน้ำปริมาณมหาศาลที่เสี่่ยงอันตรายพอดู "ในวันนั้นพวกเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยพอดู เรามีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทางน้ำ พวกเขามาคอยสอดส่องพวกเราระหว่างถ่ายทำ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นมาก แต่มันก็เป็นฉากที่ฉันชอบที่สุดเช่นกัน" คายากล่าว
เฮลีย์ บทของคายา สโคเดลาริโอ เป็นนักกีฬาว่ายน้ำที่แข่งว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คายา จะต้องนำเสนอภาพให้คนดูเชื่อได้ว่าเธอคือนักว่ายน้ำมืออาชีพ ปัญหาคือคายาตัวจริงไม่ค่อยได้ลงน้ำกับเขาเลย ตัวจริงของเธอนั้นชอบอาบแดดริมสระน้ำ จะก้าวลงน้ำก็แค่ไปแช่ให้ร่างกายเย็นลงเท่านั้น แต่เธอต้องสวมบทเป็นเฮลีย์ แล้วต้องโชว์ว่ายน้ำแบบมืออาชีพ นั่นหมายความว่าเธอต้องฝึกว่ายน้ำอย่างหนักเพื่อบทนี้ "ฉันมีโค้ชสอนว่ายน้ำ เป็นอดีตนักกีฬาว่ายน้ำโอลิมปิก ฉันเริ่มต้นด้วยการฝึกว่ายน้ำทุกวัน วันละชั่วโมง ในช่วงแรกฉันฝึกลอยตัวด้วยการเกาะโฟมในสระเด็ก ฝึกอยู่อย่างนั้นถึง 7 สัปดาห์ แล้วค่อยเลื่อนระดับขึ้น เอาโฟมออก แล้วก็เริ่มว่ายด้วยแขนตัวเอง" ก็ถือว่าเธอผ่านการฝึกที่เยี่ยมยอด เพราะถ้าดูหนังแล้วจะเห็นเธอว่ายได้แบบน่าชื่นชม จนคิดว่าเธอมีพื้นฐานในการว่ายน้ำมาอย่างเชี่ยวชาญ
ตัวร้ายในเรื่องนี้คือไอ้เข้จอมโหด แต่ไมมีการใช้จระเข้จริงในการถ่ายทำ มีเพียงสตันท์แมนใส่ชุดเขียว ระหว่างถ่ายทำก่อนส่งต่อไปยังขั้นตอนทำวิชวลเอฟเฟกต์สร้างภาพจระเข้ เพื่อการแสดงที่สมจริงและจินตนาการได้ถึงตัวจระเข้จริง คายาจึงทำการศึกษาเกี่ยวกับจระเข้อย่างจริงจังก่อนเข้าฉาก "ฉันเป็นชาวลอนดอน ฉะนั้นตลอดชีวิตฉันแทบไม่ได้มีส่วนข้องแวะอะไรกับจระเข้เลย ฉันเลยต้องทำการศึกษาเกี่ยวกับชีวิตพวกมันเยอะมาก โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของมัน ฉันต้องรู้จักจระเข้ให้ได้เท่าที่เฮลีย์ควรจะรู้ ในฐานะที่เธอเป็นชาวฟลอริดา ฉะนั้นฉันจำเป็นต้องรู้จักพวกมันลึกซึ้งพอควร ฉันศึกษาแม้กระทั่งการกัดของมัน ตามบทหนังมีหลายฉากที่ฉันโดนพวกมันจู่โจม ฉันก็เลยต้องศึกษาวิธีการที่พวกมันเข้าหาเหยื่อ"
ในช่วงท้ายคายาได้เปรียบเทียบตัวเธอกับ เฮลีย์ สาวแกร่งที่เธอรับบท แล้วจินตนาการว่าถ้าตัวเธอต้องเจอเหตุการณ์แบบที่เฮลีย์เจอจะเป็นอย่างไรนะ "ถ้าฉันต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบเฮลียร์นะ อย่างแรกเลยคือฉันคงไปนั่งร้องไห้อยู่ตามมุมแล้วก็รอคอยเวลาตาย ฉันรู้เลยว่าในเหตุการณ์แบบนี้ฉันจะไร้ประโยชน์มาก แต่ถ้ามีคนที่ฉันรักที่สุดตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน ฉันก็คงต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อพาเราให้รอดพ้นออกมาจากตรงนั้น"
ปิดท้ายด้วยความรู้สึกของคายา ที่ได้รับประสบการณ์ในกองถ่ายที่สุดโหดนี้ "ฉันรักทุกวันที่นั่น ฉันได้เป็นเฮลีย์ที่ได้ทำหลายๆ สิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะต้องว่ายน้ำแข่งกับจระเข้หรือปีนป่ายไปบนผนังห้องครัว มันมีพลังอย่างมากอยู่ในตัวเธอ"
อ่านแล้วได้รับรู้ถึงความยากลำบากและความตั้งใจในการทำงานอย่างมากของบรรดานักแสดงและทีมงานเลยนะครับ ไปร่วมกันดูผลลัพธ์จากความทุ่มเทของ คายา สโคเดลาริโอ และ แบร์รี่ เพปเพอร์ ที่ต้องแช่อยู่ในน้ำกว่า 2 เดือน จนออกมาเป็นหนังลุ้นระทึก Crawl
เช็ครอบฉายคลิกเลย >> https://bit.ly/2P4Km9A
ตัวอย่างภาพยนตร์