รู้จักกับ Mclaren 720s ซูเปอร์คาร์ อีกตัวละครเด่นใน Hobbs and Shaw
นอกจาก ลุค ฮอบบ์ และ เด็กคาร์ด ชอว์ 2 คาแรกเตอร์สุดระห่ำจากแฟรนไชส์ Fast ที่โดดเด่นจนต้องดึงมาบู๊กันในหนังภาคแยกเรื่องแรกแล้ว อีกหนึ่งคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นมากก็คือ ซูเปอร์คาร์ Mclaren 720s รถสปอร์ตสีเมตาลิกเข้ม มาพร้อมดีไซน์โฉบเฉี่ยวที่สะดุดตามาก เชื่อว่าหลายๆ คน ได้ดูตัวอย่างที่ 3 ของ Hobbs and Shaw กันไปแล้ว เป็นตัวอย่างที่อัดแน่นไปด้วยฉากบู๊ที่ตั้งใจตัดต่อมาเพื่อยั่วน้ำลายคนดูสายแอ็กชันกันสุดๆ
เบื้องหลังการถ่ายทำฉากซิ่งแม็คลาเร็น
และฉากที่คนดูต้องซู้ดปากไปตามๆ กัน ก็คือฉากที่เด็กคาร์ด ชอว์ , ลุค ฮอบบ์ และ แฮตตี นางเอกสาวสวยของเรื่องต้องนั่งเบียดกันไปใน Mclaren คันนี้เพื่อหนีการไล่ลาของ บริกซ์ตัน วายร้ายในภาคนี้มีร่างกายผ่านการผ่าตัดพันธุกรรมจนแข็งแรงถึกทนสุดๆ ทั้ง 3 ต้องซิ่ง Mclaren หนีบริกซ์ตันและลูกน้องของเค้าอีก 2 รายที่กวดมอเตอร์ไซค์ไล่จี้ ไปบนถนนกลางเมืองกลาสโกลว์ , สก็อตแลนด์ ฉากซิ่งนี้เรียกว่าได้โชว์ประสิทธิภาพของ Mclaren กันสุด ๆ ซิ่งลอดใต้ท้องรถบรรทุก หนีมือปืนที่ควบมอเตอร์ไซค์ไล่จี้ สะบัดหนีด้วยการเลี้ยวกลับกะทันหัน 180 องศาหน้ารถเมล์ ก่อนจะสะบัดหนีวายร้ายได้สบายตัวปลิว มันช่างเป็นฉากที่ทั้งมันส์ ทั้งเท่จริงๆ
เจสัน สตาแธม ยืนโพสท่ากับ Mclaren 720s ในวันเปิดตัวหนัง
ทีมผู้สร้างก็มั่นใจว่าผู้ชมน่าจะประทับใจกับความเท่ความเร็วและรูปโฉมที่สะดุดตาของ Mclaren กันเป็นแน่ ในวันที่ Hobbs and Shaw เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงดอลบี เธียเตอร์ ในฮอลลีวูด เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ทางผู้สร้างก็ยังเอา Mclaren มาจอดโชว์ในงานด้วยเช่นกัน ในไทยก็มีจอดโชว์ที่ SF World Cinema นะ ทีมงานสร้างยังชื่นชมว่า Mclaren นี่คือพระเอกตัวจริงของหนัง ในขณะที่พระเอกกล้ามใหญ่ทั้ง 2 คนยังต้องใช้สตันท์แมนมาเล่นแทนในบางฉาก แต่สำหรับ Mclaren นี่ใช้รถจริงเข้าฉากได้เลย ไม่ต้องใช้ตัวแทน ไม่ต้องใช้ซีจีช่วย ที่เห็นในหนังคือประสิทธิภาพจริงๆ ของ Mclaren เลย โอ้โหคุยโวโอ้อวดมาซะขนาดนี้ เรามาทำความรู้จักเจ้า Mclaren คันนี้กันให้มากขึ้นดีกว่า ว่ามันเจ๋งแค่ไหนถึงได้มาขโมยซีนพี่ฮอบบ์ กับ ชอว์ ไปได้ในฉากนี้
1. เป็นรถรุ่นที่ 2 ที่ผลิตภายใต้ชื่อบริษัท McLaren Automotive
เดิมทีบริษัทใช้ชื่อว่า McLaren Cars ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1985 เป็นบริษัทรถยนต์สัญชาติอังกฤษ ที่มุ่งเน้นผลิตรถสปอร์ตที่สามารถใช้งานบนท้องถนนได้จริง เจ้าของคือ รอน เดนนิส อยู่ในวงการรถแข่งฟอร์มูลาวัน ก็เลยเอาเทคโนโลยีรถแข่งฟอร์มูลาวันมาประยุกต์ให้ออกมาเป็นรถสปอร์ตสำหรับบุคคลทั่วไป ในช่วงต้นบริษัท McLaren Cars ได้เป็นหุ้นส่วนกับ TAG บริษัทขนาดยักษ์จากประเทศลักเซมเบิร์ก เป็นผู้ผลิตรถแข่ง ผลิตแม้กระทั่งเครื่องบิน แต่บ้านเราจะรู้จัก Tag ในฐานะยี่้ห้อนาฬิกา TAG Heuer ก็ยี่ห้อเดียวกันนั่นละครับ เป็น บริษัทนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ TAG ไปเทคโอเวอร์มา รอน เดนนิส อยู่กับ TAG มาจนถึงปี 2010 ก็ขอแยกออกมาจดทะเบียนบริษัทใหม่ในนาม McLaren Automotive ที่เขาเป็นเจ้าของผู้เดียว 100 % ผลิตรถรุ่นแรกออกมาเป็น Mclaren 650s ในปี 2014 แล้วก็หยุดสายการผลิตในปี 2017 เพื่อไปตั้งใจพัฒนารถรุ่นต่อไป แล้วก็ประกาศเปิดตัว Mclaren 720s ในเดือนมีนาคม ที่เจนีวา มอเตอร์โชว์ เป็นรถที่เพียบพร้อมทั้งสมรรถนะและรูปโฉมที่สะดุดตา
2. จำนวนการผลิตต่อปีน้อยมาก
ไม่เหมือนกับบริษัทรถญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า หรือ ฮอนด้า ที่ผลิตรถได้ปีละ 10 ล้านคัน แต่แม็คลาเร็นผลิตได้ปีละประมาณ 7,xxx คันเท่านั้น แม็คลาเร็นจะดำเนินกระบวนการผลิตไปแบบช้าๆ เพื่อรักษาระดับคุณภาพมาตรฐานของแบรนด์ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมบริษัทต้องหยุดกระบวนการผลิต 650s ก่อน ถึงจะเริ่มต้นผลิต 720s
3. ขุมพลังเครื่องยนต์มหาศาล
Twin Turbo V8 Engine ขนาด 4 ลิตร สร้างพลังได้มากถึง 720 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลัง ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 341 ก.ม./ช.ม.
4. เครื่องอยู่ตรงกลางรถ
ไม่ต้องไปเปิดกระโปรงหน้าหรือกระโปรงหลังนะ จะไม่เจอเครื่องยนต์ เพราะเครื่องยนต์วางอยู่ตรงกลางรถเลย แต่รถราคาระดับนี้ได้ผ่านการทดสอบมานักต่อนักแล้ว ได้ผลทดสอบที่น่าพอใจมากว่าการวางเครื่องยนต์ไว้ตรงกลางนี้จะสามารถกระจายน้ำหนักเฉลี่ยไปได้ทั่วคันและผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ดี
5. 2 คลัตช์ เกียร์ 7 สปีด
เราเคยเห็นกันแต่รถที่มีมากสุดก็เกียร์ 5 ระดับไม่นับเกียร์ถอยหลังนะ แต่ 720s มีมาให้ถึง 7 ระดับ และมีถึง 2 คลัตช์ ผู้ผลิตบอกว่าด้วยกลไกเช่นนี้จะทำให้เครื่องยนต์ตอบสนองได้เร็วขึ้น และการที่มีเกียร์ 7 ระดับจะทำให้รถไต่ระดับไปถึงความเร็วสูงสุดได้ในเวลาอันสั้น
6. การไต่ระดับความเร็วสูงสุด
ถ้าเป็นคนรักความเร็ว จะต้องรักเจ้า 720s กันอย่างแน่นอน เพราะขุมพลังเครื่องยนต์มหาศาลจะทำให้รถพุ่งจาก 0 ไปถึง 100 ก.ม./ช.ม. ได้ในเวลาแค่ 2.5 วินาที
7. ความเร็วสูงสุด 360 ก.ม./ช.ม.
โอ้วว นี่มันรถแข่งแล้วชัดๆ 720s สามารถพุ่งถึงความเร็วสูงสุด 360 ก.ม./ช.ม. แล้วยังรักษาความเร็วที่ระดับนั้นได้อย่างเสถียร จะไม่มีทางได้เห็นรถคันไหนได้วิ่งแซงเราอีกต่อไป แต่อยู่บ้านเราจะได้เหยียบถึง 300 ก.ม. เหรอ
8. ไม่กินเชื้่อเพลิงมากอย่างที่คิด
เห็นประสิทธิภาพเครื่องยนต์ และความเร็วแล้ว ทุกคนต้องคิดว่ารถระดับนี้ต้องสูบน้ำมันหนักหนาเป็นแน่ แต่ผู้ผลิตบอกว่า 720s ไม่ได้กินน้ำมันอย่างที่คิด อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 1แกลลอน (3.7 ลิตร) จะวิ่งได้ราวๆ 40 ก.ม. เป็นผลมาจากเทคโนโลยีล่าสุดในการพัฒนาเครื่องยนต์ให้ประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น
9. ระบบการควบคุมที่แม่นยำและเรียบง่าย
การที่ผลิตรถสักคันที่วิ่งด้วยความเร็วระดับนี้ได้ สิ่งสำคัญสุดคือระบบการควบคุมทิศทาง หรือพวงมาลัยนั่นเอง 720s จึงมีการพิถีพิถันในการออกแบบระบบการควบคุมที่เรียบง่ายแม้จะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด เหตุผลหนึ่งก็คือ 720s ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง และระบบการควบคุมออกแบบด้วยทีมวิศวกรที่มีประสบการณ์สูง
10. ราคา 26.5 ล้านบาท
และนี่คือคำถามที่หลายคนอยากรู้ ราคารวมภาษีนำเข้าในประเทศไทยโดยบริษัท Niche Cars Group นี่เป็นราคาปัจจุบันที่ลดลงมาแล้ว 3 ล้านนะครับ เพราะตอนเปิดตัวในงาน Bangkok International Motor Show เมื่อปี 2017 นั้นอยู่ที่ 29.5 ล้านบาท ตอนนี้ในไทยมีเจ้าของอยู่ 3 คัน คันแรกนั้นรวมชุดแต่งแล้วจบที่ 32 ล้านบาทเองนะ