ผู้อำนวยการสร้างเผยความเป็นไปได้ที่ดเวย์น จอห์นสัน จะกลับไปร่วมงานใน Fast & Furious
ถือว่า Fast & Furious เป็นแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลกภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ทั้ง 8 ภาคทำเงินรวมกันไปมากกว่า 1.5 พันล้านเหรียญ แต่ละภาคที่เดินหน้าไปหนังก็ยิ่งเพิ่มนักแสดงแอ็กชันแถวหน้าของวงการเข้าไปมากขึ้น ทำให้แฟรนไชส์เป็นหนังที่รวมกลุ่มดาราแถวหน้าไว้มากสุดเรื่องหนึ่งทั้ง วิน ดีเซล , เจสัน สตาแธม , ดเวย์น จอห์นสัน , เคิร์ต รัสเซล , ลุค อีแวนส์ , สก็อตต์ อีสต์วู้ด จนกระทั่งดำเนินมาถึงภาค The Fate of The Furious ก็เกิดเหตุที่ทำให้ผู้สร้างปวดหัวยิ่งนัก เมื่อนักแสดงนำรุ่นใหญ่เกิดผิดใจกันระหว่าง วิน ดีเซล และ ดเวย์น จอห์นสัน
จุดเริ่มต้นกรณีพิพาทยังไม่มีการระบุแน่ชัดนัก แต่ความบาดหมางเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทั้งคู่เริ่มประกาศศึกกันทางสื่อโซเชียล โดยที่ ดเวย์น จอห์นสัน เป็นคนเปิดเกมก่อนด้วยการโพสต์ข้อความถึงเพื่อนนักแสดงรายหนึ่งในกองถ่าย The Fate of The Furious ว่าเป็น "คนน่ารังเกียจ" และเป็น "พวกไก่อ่อน" คนที่ติดตามข่าวนี้อยู่ก่อนหน้าก็พอเดาออกว่าดเวย์นตั้งใจพาดพิงถึงวิน ดีเซล
อดีตอันชื่นมื่นของ ดเวย์น จอห์นสัน และ วิน ดีเซล
แต่เมื่อ ดเวย์น จอห์นสัน ได้ไปออกรายการ "What Happens Live With Andy Cohen เมื่อปี 2018 แอนดี้ โคเฮน พิธีกรก็ยิงคำถามตรงว่า "เมื่อปี 2016 ที่คุณโพสต์อินสตาแกรมพาดพิงถึง วิน ดีเซล ว่าเป็น ไก่อ่อน และ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ แล้วจากนั้นคุณทั้งคู่ก็ไม่เข้าฉากร่วมกันเลย ผมอยากจะเจาะจงลงไป จากที่ร่วมงานกันมา คุณเห็นพฤติกรรมอะไรจากเขาที่แสดงถึงความไม่เป็นมืออาชีพ แล้วจากนี้คุณจะกลับไปร่วมงานกับวินได้อีกมั้ย" คำถามยาวมาก แต่ดเวย์น ตอบสั้นๆ เพียง "ผมไม่ตอบอะไรให้ตัวเองเดือดร้อนจะดีกว่านะ" แม้เวลาผ่านมา 2-3 ปีแล้ว สถานะความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่เห็นว่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ดเวย์น เคยโพสต์วีดีโอลงเฟซบุ๊ก เนื้อหาที่เขาพูดก็ได้ใจความประมาณว่า "ต่อไปทุกคนก็จะได้เห็นเองว่าความจริงมันเป็นอย่างไร"
ดเวย์น จอห์นสัน ในรายการ Watch What Happens Live With Andy Cohen
เมื่อแฟรนไชส์หนังกำลังดำเนินไปได้ดี แต่ละภาคต่อทำรายได้มากขึ้นเรื่อยๆ แต่แล้วนักแสดงนำทั้งคู่กลับไม่ลงรอยกัน หนำซ้ำเมื่อพอล วอล์กเกอร์ เสียชีวิตไป บท ลุค ฮอบบ์ ของ ดเวย์น จอห์นสัน ก็ถูกขยับความสำคัญขึ้นมาเป็นบทนำเคียงคู่กับ โดมินิก โทเร็ตโต แทนบท ไบรอัน โอ'คอนเนอร์ ของพอล วอล์กเกอร์ ด้วย เมื่อเจอปัญหาแบบนี้ ทางผู้สร้างก็เลยพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเสีย ด้วยการเปิดหนังภาคแยกให้กับ ลุค ฮอบบ์ ซะเลย เดินหน้าต่อได้ ขยายจักรวาลได้ด้วย แล้วก็แก้ปัญหาไม่ต้องให้ดเวย์น จอห์นสัน กับ วิน ดีเซล ต้องมาเจอกัน
ในขณะที่ Hobbs & Shaw กำลังจะลงโรงฉายในวันที่ 31 ก.ค. นี้ อีกด้านหนึ่งในลอนดอน กองถ่าย Fast 9 ก็กำลังเดินหน้าถ่ายทำกันอย่างขมักเขม้น และแน่นอนว่าในภาคนี้จะไม่มี ลุค ฮอบบ์ และ เดกคาร์ด ชอว์ ที่ถูกดึงตัวมาอยู่ในภาคแยกแล้ว แต่แฟนๆ แฟรนไชส์ที่ติดตามหนังมาตั้งแต่ภาคแรก ก็ยังคาดหวังว่าจะได้เห็น โดมินิก กับ ลุค มาปฏิบัติการร่วมกันอีกในอนาคต
ไฮแรม การ์เซีย ผู้อำนวยการสร้าง
ในรอบปฐมทัศน์ของ Hobbs & Shaw นักข่าวก็ได้เจอ ไฮแรม การ์เซีย ผู้อำนวยการสร้างของหนัง และได้ยิงคำถามว่า ในภาคต่อๆ ไปจะยังมีบท ลุค ฮอบบ์ ในหนังหรือไม่ "แน่นอนสิครับ ผมอยากให้มองอย่างนี้นะ การที่มี Hobbs & Shaw ไม่ได้หมายความว่า 2 คนนี้จะถูกแยกขาดจากแฟรนไชส์หลักของ Fast เราแค่ลองสร้างแนวทางใหม่ๆ ให้กับแฟรนไชส์แค่นั้น ผมอยากให้มองหนัง Avengers เป็นตัวอย่างนะ ตอนแรกเลยพวกเขาก็สร้างหนังเดี่ยวของซูเปอร์ฮีโร่แต่ละคน เสร็จแล้วก็มารวมกันใน Avengers ใน Fast & Furious ก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้เราเริ่มให้มีภาคแยกของตัวละคร ซึ่งเนื้อหามันก็จะมาเสริมเรื่องราวของจักรวาล Fast & Furious เพราะเรามีแผนการแน่ชัดว่าจะสานต่อไปถึงภาค 9 ภาค 10 เมื่อถึงตอนนั้นอาจจะมีเสียงเรียกร้องถึงภาค 11 , 12 , 13 ก็เป็นได้"
ตอบมาตั้งยืดยาว แต่เหมือนกับว่าคำตอบยังไม่ตรงประเด็นกับที่นักข่าวต้องการ ก็เลยมีการยิงคำถามซ้ำไปอีกทีชัดๆ ตรงๆ ว่า "ดเวย์น จอห์นสัน กับ วิน ดีเซล จะกลับมร่วมงานกันได้อีกหรือไม่" คราวนี้ไฮแรมเลี่ยงไม่ได้ ก็ได้คำตอบว่า "อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ นี่มันธุรกิจบันเทิงนะ อะไรมันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นล่ะ"
ที่แน่นอนคือปีนี้เราได้ดูปฏิบัติการของ ลุค ฮอบบ์ กับ เดกคาร์ด ชอว์ ส่วนปีหน้าเราได้ดูปฏิบัติการของ โดมินิก โทเรตโต และผองเพื่อนใน Fast 9 ซึ่งจะไม่มี ฮอบบ์ กับ ชอว์ ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปในภาค 10 ที่ผู้สร้างประกาศแล้วว่าจะเป็นภาคสุดท้ายของ Fast and Furious ถึงตอนนั้นความบาดหมางอาจจะเบาบางลงไปแล้วล่ะ ก็สมควรที่สมาชิกดั้งเดิมทั้งหมดควรจะมาปรากฏตัวร่วมกันในภาคปิดท้ายที่ยิ่งใหญ่
ตัวอย่างภาพยนตร์