15 อีสเตอร์เอ้กใน X-Men : Dark Phoenix

Movie News11 มิถุนายน 2562

       เข้าฉายไปเรียบร้อยแล้วกับ ภาคสุดท้ายของตำนาน X-men ภายใต้การสร้างของค่าย Fox แล้วจากนี้ก็จะเป็นการรีบู๊ตใหม่ภายใต้การดูแลของ มาร์เวล เองที่จะเชื่อมโยงเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ให้เชื่อมโยงเข้ากับจักรวาลมาร์เวล X-men เป็นแฟรนไชส์หนังที่สร้างต่อเนื่องกันมาแล้วถึง 12 เรื่อง (นับรวม Deadpool 2 ภาคด้วย) ภายในระยะเวลา 19 ปี กับทีมนักแสดง 2 ชุด เมื่อมาถึง Dark Phoenix ที่เป็นภาคปิดท้ายเลยมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมากมายในหนังที่หยิบมาใส่เป็นอีสเตอร์เอ้กได้มากมาย ทั้งที่อ้างถึงหนังภาคก่อนและเรื่องราวจากหนังสือการ์ตูน และนี่คือส่วนหนึ่งที่เราสังเกตเห็น

บทความสำหรับผู้ที่ชมภาพยนตร์แล้วเท่านั้น

 


1.ตัว X เรืองแสงในโลโก้ Fox ตอนเปิดเรื่อง

เมื่อโลโก้ the 20th Century Fox ที่ทุกคนคุ้นตากันดีโผล่ขึ้นมา เราจะเห็นตัว X ในโลโก้เรืองแสง เพื่อสื่อถึงหนัง X-men ไอเดียนี้ถูกใช้มาแล้วในหนัง X-men ภาคแรกของไบรอัน ซิงเกอร์ ปี 2000 และใน Dark Phoenix ไอเดียนี้ถูกนำมาใช้อีกครั้ง เพื่อเป็นการปิดฉากตำนาน X-men แล้วยังเปลี่ยนตัว X ให้เป็นสีแดงอีกด้วย เพื่อสื่อถึงสีของนกฟีนิกซ์

 

 

2. เปิดเรื่องด้วยเสียงบรรยาย

อีกจุดหนึ่งที่จงใจทำให้ละม้ายกับ X-men (2000)เพื่อเป็นการสดุดีให้กับภาคกำเนิดตำนาน X-men ก็คือการเปิดฉาด้วยเสียงบรรยาย ในภาคแรกนั้น มีการเปิดเรื่องด้วยเสียงบรรยายของ ศาสตราจารย์ชาร์ล เซเวีย บทของแพททริค สจวร์ต พอมาถึง Dark Phoenix หนังก็เปิดเรื่องด้วยเสียงบรรยายเช่นกัน แต่เป็นเสียงของ จีน เกรย์

 

 


3. 1992 ปีที่รุ่งโรจน์ของเหล่า X-men

Dark Phoneix กำหนดเรื่องราวให้เกิดขึ้นในปี 1992 ซึ่งเป็นปีที่การ์ตูน X-men ประสบความสำเร็จที่สุดทั้งในด้านความนิยมและยอดขาย เป็นผลมาจากความสำเร็จของ X-Men #1 หนังสือการ์ตูนผลงานเขียนของ คริส แคลร์มอนต์ และ จิม ลี ที่ขายได้มากกว่าหนึ่งล้านเล่ม และทำให้เกิด การ์ตูนทีวี X-Men ฉายทางช่อง Fox Kids ในเดือนตุลาคม 1992

 

 


4. Dazzler!

ดาวเด่นสุดในงานปาร์ตี้ของโรงเรียน X-men ก็คือนักร้องสาวที่ร้องเพลงอยู่บนเวที เธอคือ แดซเซลอร์ มนุษย์กลายพันธุ์ที่สามารถแปลงเสียงร้องให้กลายเป็นแสงระยิบระยับได้ , เรื่องการปรากฏตัวของแดซเซลอร์นั้นลือกันมาตั้งแต่ภาค X-Men: Apocalypse แล้วว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ จะโผล่มาเป็นแดซเซลอร์ แต่แล้วเธอก็มาปรากฏในภาคนี้แทน แล้วรับบทโดย ฮอลสตัน เซจ ดาราวัยรุ่นที่ยังไม่เป็นที่รู้จักนัก

 

 


5. นักเรียน 2 คนสุดท้ายจากห้อง First Class

ในฉากที่เรเวน โน้มน้าวให้ แฮงค์ หนีไปกับเธอ แต่แฮงค์ก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า "เราคือกลุ่มสุดท้ายของเฟิสต์คลาสแล้วนะ" คำนี้อ้างอิงถึงหนัง X-Men: First Class ชาร์ล เซเวียร์ และ เอริก เลห์นเชอร์ เปิดโรงเรียนสำหรับเด็กพิเศษด้วยกัน แล้วในบรรดาเด็กนักเรียนกลุ่มแรกก็คือเหล่า First Class ที่ต่างล้มหายตายจากกันไปหมดแล้วในระหว่างภาคที่ผ่าน ๆ มา , ฮาวอค ถูกฆ่าตาย X-Men: Apocalypse ส่วน บานชี และ แองเจิล ก็ได้รับการเอ่ยถึงว่าโดนนักวิทยาศาสตร์ โบลิวาร์ แทรสค์ ฆ่าตาย

 

 

6. เดอะ ดี'บารี

ตัวร้ายในภาคนี้มีนามว่า "วุค" เธอคือเอเลียนเผ่าพันธุ์ ดี'บารี รับบทโดยนักแสดงมากฝีมือ เจสซิกา แชสเทน , ชาว ดี'บารี มีบทบาทอย่างมากในการ์ตูน “Dark Phoenix Saga” และถูกกำจัดไปหมดสิ้นแล้วในเวอร์ชั่นการ์ตูน เมื่อฟีนิกซ์ได้ดูดซับพลังงานจากดวงอาทิตย์มาไว้ในร่างกาย หลังจากที่เธอพลาดท่าไปทำลายดวงอาทิตย์โดยไม่ตั้งใจและพลังของเธอบังเอิญไปทำลายดวงดาวบ้านเกิดของชาว ดี'บารี อีกด้วย , ในหนังภาคนี้ วุค ก็เล่าที่มาของเธอว่า รังสีสุริยะที่จีน เกรย์ รับเข้าร่างมานั้นก็ได้ทำลายดวงดาวของเธอก่อนจะลอยมาพบกับกับจีน เกรย์ ซึ่งเรื่องราวก็ใกล้เคียงกับเหตุการณ์ในเวอร์ชั่นการ์ตูน

 

 


7. วุค

วุค เป็นชาว ดี'บารี รายแรกที่ปรากฏตัวออกมาในหนังสือการ์ตูน , เธอปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือ The Avengers #4 (1964) เป็นฉบับเดียวกับที่แนะนำตัว กัปตันอเมริกา ได้กลับมาปรากฏตัวหลังโดนแขวนอยู่เป็นปี ในเหตุการณ์นี้ วุค ได้ใช้พลังพิเศษแปลงเหล่าอเวนเจอร์ให้กลายเป็นหุ่นปั้น ตามคำสั่งของเนเมอร์

 

 


8. เมื่อชาร์ล เซเวียร์ แรกพบ เรเว็น

ในฉากที่ชาร์ล เซเวียร์ ได้คุยกับ แฮงค์ รำลึกถึงวันที่เขาได้พบกับเรเว็นในห้องครัวนี้ ตอนนั้นเรเว็นยังเป็นมนุษย์กลายพันธุ์สาวน้อยตัวสีน้ำเงินแล้วเธอก็บุกเข้ามาในห้องครัวนี้เพื่อหาอาหาร ซึ่งเหตุการณ์นี้เราได้เห็นกันไปแล้วใน X-Men: First Class

 

 


9. จีโนชา

ในหนังนั้นเราได้เห็น แมกนีโต อยู่บนเกาะที่ห่างไกล ที่เกาะนี้เขาคือผู้ปกครองเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างสงบสุข แม้ไม่มีการเรียกชื่อเกาะนี้อย่างเป็นทางการ แต่แฟนๆ การ์ตูน X-men ต่างก็รู้ดีว่านี่คือ "จีโนชา" เกาะสวรรค์ของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่มีบทบาทอย่างมากในเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูน

 

 


10. แม็กนีโตรำลึกความหลัง

ในฉากที่แม็กนีโตเปิดหีบเก็บของแล้วหยิบหมวกที่เป็นเอกลักษณ์ของเขามาใส่ ถ้าสังเกตในกล่องเก็บของนั้น ภายใต้จะมีหนังสือพิมพ์เก่าพับไว้ เป็นฉบับที่ลงข่าวตอนที่แม็กนีโตโจมตีเมืองวอชิงตัน ดี.ซี.ในภาค Days of Future Past ทำให้เราเห็นได้ว่าแม้แต่มนุษย์กลายพันธุ์จอมโหดก็ยังเก็บข่าวของตัวเองไว้รำลึกความหลัง

 

 


11. ซีลีน ราชินีดำ

ในภาคนี้เราได้เห็นว่าแม็กนีโต มีลูกน้องหน้าใหม่ หนึ่งในนั้นคือมนุษย์กลายพันธุ์ที่ชื่อ ซีลีน เธอมีพลังโทรจิตรุนแรง เธอได้มีโอกาสโชว์ความสามารถของเธอในฉากต่อสู้บนเกาะของแม็กนีโต และฉากใหญ่ท้ายเรื่อง , ในเวอร์ชั่นหนังสือการ์ตูนนั้น ซีลีน มีฉายาว่า ราชินีดำ เธอเป็นสมาชิกคนสำคัญของ เฮลไฟร์คลับ เป็นกลุ่มลับของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ที่คอยสนับสนุนจีน เกรย์ แต่ในภาคนี้ไม่มีการพูดถึง เฮลไฟร์คลับ คงไว้แต่เพียงบทของ ซีลีน เท่านั้น

 

 


12. โรงเรียนจีน เกรย์

เมื่อจีน เกรย์ ใช้พลังสูงสุดของฟินิกซ์เพื่อทำลายวุค ทำให้เธอต้องสละชีวิตตัวเองและจบสิ้นสถานะฟินิกซ์ของเธอ โรงเรียนเพื่อผู้มีพลังพิเศษได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียน จีน เกรย์ เพื่อเป็นเกียรติให้กับการเสียสละของเธอ เหตุการณ์นี้ตรงกับเนื้อหาในหนังสือการ์ตูน ที่วูล์ฟเวอรีน เป็นคนแขวนป้ายชื่อโรงเรียน จีน เกรย์

 

 


13. ปลอกคอควบคุมพลังมนุษย์กลายพันธุ์

เมื่อรัฐบาลส่งกองกำลังมาจับกุมเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขาจะใส่ปลอกคอควบคุมพลังกับมนุษย์กลายพันธุ์เพื่อไม่ให้พวกที่ถูกจับกุมขัดขืนและใช้พลังพิเศษได้ เราได้เห็นปลอกคอควบคุมพลังนี้ในหนัง X-men ก่อนหน้านี้ และใน Deadpool2 แต่ที่ผ่านๆ มานั้น ปลอกคอควบคุมพลังมีความแข็งแรงทนทานมาก มนุษย์กลายพันธุ์ไม่สามารถที่จะปลดออกเองได้ แต่ใน Dark Phoenix เราเห็นเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ถอดกันได้เองหน้าตาเฉย

 

 


14. หมากรุกเกมสุดท้าย

ใน Dark Phoenix ปิดฉากด้วยภาพ เอริก เลห์นเชอร์ ชวน ชาร์ล เซเวียร์ เล่นหมากรุกด้วยกัน เพื่อรำลึกถึงวันเก่าๆ ฉากนี้ก็ใส่เข้ามาเพื่อสดุดีถึง X-Men (2000) ซึ่งในฉากจบของภาคแรกนั้น ทั้งคู่ก็เล่นหมากรุกด้วยกันในคุกที่ควบคุมตัว เอริก เลห์นเชอร์

 

 


15. การปรากฎตัวครั้งสุดท้ายของฟินิกซ์

ต่อเนื่องจากฉากเล่นหมากรุกระหว่างเอริก กับ ชาร์ล กล้องก็แพนภาพขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งเราได้เห็นภาพนกฟินิกซ์ที่ลุกเป็นไฟบินอยู่บนท้องฟ้า ภาพนี้เหมือนกับฉากจบใน X2 (2003) ในภาคนั้น จีน เกรย์ ที่รับบทโดย แฟมเก้ แจนเซน ก็เสียชีวิตเช่นกันแล้วกลายร่างเป็นนกฟินิกซ์

 

 

ตัวอย่างภาพยนตร