หลังจากออกมาเผยโฉมในตัวอย่างที่ 2 ของ Captain Marvel "กูส" เจ้าเหมียวสีส้มก็ดูจะได้ความสนใจจากผู้ชมไปเต็ม ๆ ถึงขนาดว่าโปสเตอร์แบบแยกตัวละคร เจ้ากูสก็ยังมีโปสเตอร์ของตัวเองเสียด้วย ดูเผินๆ หลายคนอาจจะคิดว่าเจ้ากูสก็แค่แมวตัวนึงของกัปตันมาร์เวล ไม่น่าจะมีบทบาทอะไรมาก แต่สำหรับแฟนๆ ที่เคยอ่านการ์ตูนกัปตันมาร์เวลต่างก็รู้ดีว่า เจ้ากูสนั้นคือสัตว์ต่างดาวที่มีชื่อสายพันธุ์ว่า "เฟลอร์เค็น" และเป็นตัวสุดท้ายในสายพันธุ์เสียด้วย

 

ความเป็นมาของกูส

ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน  Giant-Size Ms. Marvel #1 วางแผง เมษายน 2006

        เจ้าเหมียวสีส้มของแครอล เดนเวอร์ส หรือ กัปตันมาร์เวล ในฉบับหนังสือการ์ตูนนั้นชื่อ "ชิวอี้" แครอล ตั้งชื่อมันตาม ชิวเบ็คก้า จาก Starwars แต่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ทีมงานเลือกเปลี่ยนชื่อมันเป็น "กูส" ตามชื่อตัวละครที่รับบทโดย แอนโธนี  เอ็ดเวิร์ดในหนัง Top Gun แครอลพบเจ้ากูสโดยบังเอิญ และเลี้ยงมันไว้เป็นเพื่อนเพราะเธอคิดว่ามันก็แค่แมวหลงตัวหนึ่งเท่านั้น แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้รับการขอความช่วยเหลือจาก ร็อคเก็ต แรคคูน ให้ไปช่วยปฏิบัติการหนึ่งนอกโลก ซึ่งเธอก็เอา เจ้ากูสติดไปด้วย ทั้งหมดร่วมเดินทางไปบนยานอวกาศของกัปตันมาร์เวล แค่แวบแรกที่ร็อคเก็ตเห็นเจ้ากูส ร็อคเก็ตก็รีบบอกแครอลทันทีว่า เจ้านี่ไม่ใช่แมวแต่มันคือ "เฟลอร์เค็น" สัตว์ต่างดาวสายพันธุ์อันตรายต่างหาก แต่มีภาพลักษณ์เหมือนกับแมวธรรมดาบนโลกมนุษย์ ร็อคเก็ตเตรียมจะลงมือสังหารเจ้ากูส ร็อคเก็ตเตือนแครอลว่าต้องรีบจัดการมันก่อนที่มันจะวางไข่ แต่แครอลก็ขัดขวางไว้

 

        1สัปดาห์ผ่านไป กูสก็แสดงตัวตนให้เห็นว่ามันคือ "เฟลอร์เค็น"จริงๆ ตามที่ร็อคเก็ตกล่าวไว้ กูสวางไข่ในยานอวกาศนั้นถึง 117 ใบ ระหว่างนั้นแครอล เดนเวอร์ส , ทิค (เพื่อนต่างดาวของกัปตันมาร์เวล) และ ร็อคเก็ต ก็เผชิญการโจมตีของยาน อวกาศต่างดาวฝูงใหญ่ เมื่อผ่านพ้นไปได้ เธอเดินทางไปดาวไทวอร์น คลัสเตอร์ และทิ้งเจ้ากูสกับลูก ๆ ของมันที่เพิ่งออกจากไข่มาทั้งหมด 117 ตัวไว้ที่ดาวดวงนี้ ระหว่างเดินทางกลับโลก เจ้ากูสก็ใช้พลังเคลื่อนย้ายสสารวาร์ปร่างตัวเองกลับมาบนยานอีกครั้ง แล้วอยู่กับแครอล เดนเวอร์ส ต่อไป

พลังและความสามารถของเหมียวกูส

        ภายใต้ภาพลักษณ์ของแมวสีส้มที่น่ารักนั้น เจ้ากูสมีพลังของแมวต่างดาวที่น่าเกลียดน่ากลัวเกินคาดเชียวล่ะ ภายในร่างของเฟลอร์เค็นนั้น มีประตูมิติซุกซ่อนอยู่ภายในตัว ที่บรรจุอะไรต่อมิอะไรไว้มากมาย เปรียบได้กับกระเป๋าหน้าท้องของโดเรม่อนนั่นล่ะ แต่สิ่งที่ออกมาจากปากของเฟลอร์เค็น ดูจะมีแต่สิ่งที่น่าเกลียดน่ากลัวออกมาเสียมากกว่า มีอะไรออกมาจากประตูมิตินี้บ้างล่ะ

หนวดปลาหมึก : ที่จริงมันคืออวัยวะอย่างหนึ่งของเผ่าพันธุ์เฟลอร์เค็น แต่มีลักษณะที่ดูคล้ายหนวดปลาหมึกเสียมาก เจ้าหนวดปลาหมึกนี้จะพุ่งออกมาจากปากของเฟลอร์เค็นเมื่อตอนที่มันตกอยู่ในอันตราย หนวดปลาหมึกที่พุ่งออกมานี้มีจำนวนมากมายหลายเส้นไม่สามารถนับได้แต่ละเส้นเต็มไปด้วยเมือกเหนียวเหมือนในหนังสยองขวัญต่างดาว เฟลอร์เค็ตจะใช้หนวดนี้ในการโจมตีศัตรูและป้องกันตัวเอง

ปากและเขี้ยวแหลมคม : นอกเหนือจากหนวดปลาหมึกที่พุ่งออกมา ที่ผสมผสานกันนั้น ส่วนปลายของงวงยังมีปากที่อ้าได้กว้างโชว์เขี้ยวที่ยาวแหลมคม และทุกปากที่ยื่นออกมานั้น เต็มไปด้วยความหิวกระหายจะพุ่งตรงเข้าหาศัตรูเหมือนกับเหยื่ออันโอชะ ปากนี้สามารถกัดกินได้ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนโหยหิวมานาน

ประตูมิติ : ภายในร่างของเฟลอร์เค็นนั้นมีอีกจักรวาลที่ทับซ้อนอยู่ เฟลอร์เค็นสามารถใช้พลังจากจักรวาลที่ทับซ้อนนี้ ส่งให้ตัวมันใช้พลังในการเทเลพอร์ตย้ายร่างตัวเองไปที่ไหนก็ได้ (เริ่มเข้าใจยากล่ะ)

สติปัญญาระดับเดียวกับมนุษย์ : แม้จะมีภาพลักษณ์เหมือนแมวเหมียวทั่วไป ครางและส่งเสียงเหมือนแมว แต่เฟลอร์เค็นมีมันสมองเทียบเท่ามนุษย์ สามารถเข้าใจความหมายที่มนุษย์สื่อสารกับมัน

ข้อด้อยของเฟลอร์เค็น : เมื่อมันมีรูปร่างและขนาดเท่าแมว และใช้การดำรงชีพเช่นแมวทั่วไป คือการดมกลิ่นและหนวด ถ้าจับเฟลอร์เค็นใส่ตะกร้อครอบปากที่มีความแข็งแรง แค่นั้นพิษสงของเฟลอร์เค็นก็จบสิ้น

เบื้องหลังการถ่ายทำของเจ้ากูส

           ในการหาแมวสีส้มมารับบทกูสนั้น กองถ่ายต้องใช้บริการของ Animals for Hollywood บริษัทที่รับหน้าที่จัดหาสัตว์ต่าง ๆ มาเข้าฉากถ่ายทำภาพยนตร์ และเหมียวที่มารับบทกูสนั้นต้องใช้แมวถึง 4 ตัว ซึ่งประกอบไปด้วย กอนโซ , ริสโซ  , อาร์ชี และ เร็จจี้  แน่นอนว่าการทำงานกับแมวนั้นไม่ง่ายเหมือนกับหมา ที่จะฝึกง่ายกว่าและสื่อสารได้ง่ายกว่า แต่ก็เป็นเรื่องโชคดีของทีมงานที่เจ้าเหมียวทั้ง 4 นี้ สามารถเข้ากับ ซามูเอล แอล.แจ็คสัน ได้เป็นอย่างดี เหมือนกับรู้จักกันมานาน และในจำนวนแมวทั้ง 4 ตัวนี้ ต้องยกให้ "เร็จจี้" เป็นฮีโร่ที่สุด เพราะฉลาดสุดและทำงานด้วยได้ง่ายสุด แถมเร็จจี้ยังเป็นต้นแบบให้ทีมงานจำลองภาพไปทำภาพซีจีในบางฉากที่ไม่สามารถใช้แมวจริงได้

         แม้ว่าทั้ง 4 ตัวจะผ่านการฝึกมาแล้วเป็นอย่างดี แต่แมวก็เป็นสัตว์ที่เอาแต่ใจอยู่ดี บางฉากที่ปรากฏบนจอเพียงแค่ 5 วินาที กลับต้องใช้เวลาถ่ายทำกว่าหนึ่งชั่วโมง เพราะเจ้าเหมียวทั้ง 4 ไม่ค่อยจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้ฝึก มีการมาร์คเครื่องหมายไว้บนพื้น ว่าเจ้าเหมียวจะต้องเดินผ่านมาบนเครื่องหมายนี้ แต่สุดท้ายเหมียวก็เดินไปคนละทิศทาง บ่อยครั้งที่เหมียวเลือกจะไปซุกตัวในมุมที่มืดๆ เย็นๆ ในกองถ่าย มากกว่าจะมาเข้าฉากทำงาน แต่ถ้าทีมงานอยากจะไปเล่นด้วยกับเหมียว เหมียวก็ยินดีนะ

น่าดูชมล่ะ ว่าเจ้ากูสจะแสดงอิทธิฤทธิ์ในหนัง Captain Marvel มากขนาดไหน คอยพบกับดาราแมวทั้ง 4 ตัวในบท "กูส" พร้อมกัน วันที่ 6 มีนาคม นี้ครับ

 

ตัวอย่างภาพยนตร์