รวมเกร็ดน่าสนใจเบื้องหลังหนัง Alita: Battle Angel
จัดว่าเป็นหนึ่งในโปรแกรมใหญ่รับต้นปี 2019 กับผลงานแท็กทีมของผู้อำนวยการสร้างเจมส์ คาเมรอน และ ผู้กำกับ โรเบิร์ต โรดริเกซ ผู้ช่ำชองกับหนังแอ็คชั่น เพราะมีผลงานสร้างเกียรติประวัติมากมายนับตั้งแต่ Despaerado , From Dusk Till Dawn ,Spy Kids ,Sin City มาจนถึง Machete และอีกมาก เมื่อมาจับหนังแอ็คชั่นที่ดัดแปลงจากการ์ตูนญี่ปุ่นสุดฮิตมาตั้งแต่ยุค 90s ที่มีฉากหลังเป็นโลกอนาคต บวกกับเทคโนโลยีซีจีนวัตกรรมใหม่จากมันสมองของเจมส์ คาเมรอน แน่นอนว่า Alita: Battle Angel จะต้องเป็นหนังแอ็คชั่น-ไซไฟ ที่สร้างแฟรนไชส์ใหม่ต่อไปอีกหลายภาค และชื่ออลิตะ ก็จะเป็นฮีโร่ตัวใหม่ในใจผู้ชม หนังมีกำหนดเข้าฉาย 14 กุมภาพันธ์ นี้ ระหว่างที่รอ ผู้เขียนหยิบเกร็ดเบื้องหลังน่าสนใจมากระตุ้นความอยากดูกันไปพลางก่อนครับ
- หนังดัดแปลงมาจากการ์ตูนญีปุ่น เรื่อง Ganmu หรือ GUNNM ในบ้านเราใช้ชื่อว่า เพชฌฆาตไซบอร์ก แต่ในแถบยุโรป และ อเมริกาจะใช้ชื่อว่า Battle Angel Alita โดยเปลี่ยนชื่อตัวเอกจาก กัลลี่ เป็น อลิตะ
- แม้ว่าหนังจะถูกสร้างออกมาในรูปแบบคนแสดง หรือตามศัพท์ภาพยนตร์ว่า "Live Action" แต่ตัว "อลิตะ" ก็ยังคงใช้เทคโนโลยีสร้างภาพออกมา สังเกตได้จากดวงตาที่กลมโตเป็นพิเศษ เพื่อยังคงเอกลักษณ์จากมังงะไว้ให้มากที่สุด โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับอลิตะนี้เรียกว่า stereo imaging system เป็นระบบที่เจมส์ คาเมรอน คิดค้นขึ้นมา
ซ้าย เจมส์ คาเมรอน / ขวา โรเบิร์ต โรดริเกซ
- ความเป็นมาของโปรเจ็กต์นี้ หัวข้อนี้น่าสนใจครับ เดิมทีโปรเจ็กต์นี้เป็นลิขสิทธิ์ของเจมส์ คาเมรอน ที่เขาวางแผนไว้จะกำกับเอง และได้เขียนบทเสร็จไปแล้วด้วย แต่ก็หันไปทำ Avatar 2 , 3 , 4 , 5 เสียก่อน ซึ่งเจมส์ คาเมรอน เคยประกาศไว้ว่าจะใช้ช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตไปกับการกำกับหนัง Avatar , โรเบิร์ต โรดริเกซ ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนของเจมส์ คาเมรอน และเป็นแฟนการ์ตูน Alita: Battle Angel และรอคอยว่าเมื่อไหร่เจมส์ จะกำกับเรื่องนี้ออกมาเสียที ก็ไปทวงถามกับเจมส์ว่า "แล้วหนัง Alita: Battle Angel ละเมื่อไหร่จะได้ทำ" ซึ่งเจมส์ ก็ตอบกลับมาทันทีว่า "ชั้นไม่คิดว่าชั้นจะมีเวลาทำแล้วล่ะ เอางี้ถ้าแกอ่านสคริปต์ชั้นรู้เรื่อง แกเอาไปทำเองเลย" โรเบิร์ต ได้ขยายเหตุผลที่เจมส์ ตอบแบบนั้น เพราะคนอย่างเจมส์ คาเมรอน และ เควนติน ตารันติโน เป็นคนที่เขียนบทแบบเข้าใจเองได้คนเดียวและมีแต่เขาที่กำกับหนังจากบทนั้นได้ แต่โรเบิร์ตก็ไม่บอกปัดโอกาสนั้น เขาหอบบทภาพยนตร์ Alita: Battle Angel กลับบ้านและลงมือแก้ไขบทจนเหลือประมาณ 125 - 130 หน้า โดยไม่ตัดสาระสำคัญใดๆ ออก โรเบิร์ต เล่าถึงความประทับใจในการให้ความร่วมมืออย่างดีของเจมส์ว่า "เมื่อใดที่ผมมีปัญหาเกี่ยวกับบทภาพยนตร์ที่เขาเขียน ผมจะโทรไปหาเจมส์ หรือไม่ก็อีเมลไปถามเขา และทุกคำถามเจมส์จะตอบกลับมาอย่างละเอียดและเป็นประโยชน์อย่างมาก ผู้ชายคนนี้มันช่างเป็นคนที่เยี่ยมยอดจริงๆ ก็ดีแล้วล่ะที่เขาได้เป็นผู้อำนวยการสร้างอย่างที่เขาอยากเป็นมาโดยตลอด การที่ได้เรียนรู้การทำงานจากเจมส์นับได้ว่าเป็นประสบการณ์การฝึกงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตแล้ว"
- มีการประเมินว่าทุนสร้างของ Alita: Battle Angel น่าจะบานไปถึง 175 - 200 ล้านเหรียญ นับเป็นหนังที่แพงที่สุดที่ โรเบิร์ต โรดริเกซ เคยกำกับมาแล้ว
- เจมส์ คาเมรอน ในฐานะผู้เชียนบทเล่าว่า เรื่องราวใน Alita: Battle Angel นั้น ประกอบไปด้วยความเป็นมาของอลิตะ จากการ์ตูน 2 เล่มแรก และการแข่งขันมอเตอร์บอล จากการ์ตูนเล่ม 3 และ 4 เขาคาดหวังว่าถ้าหนัง Alita: Battle Angel ประสบความสำเร็จเขาจะสานต่อให้เป็นหนังไตรภาค
- ถ้า Alita: Battle Angel เจมส์ คาเมรอน สามารถสานต่อเรื่องราวของอลิตะไปได้อีกยาวนานไม่ใช่เพียงแค่ 3 ภาค เพราะการ์ตูนต้นฉบับผลงานของ ยูคิโตะ คิชิโระ นั้น เริ่มต้นด้วย Gunnm ออกมา 9 เล่มจบในปี 1990 - 1995 แล้วสานต่อด้วยภาค 2 ในชื่อ "Battle Angel Alita: Last Order" ที่ลากยาวถึง 19 เล่ม ตั้งแต่ปี 2000 - 2014 แล้วก็เริ่มต้นภาคใหม่ในชื่อ Gunnm: Mars Chronicle ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่จบ
- หนังสือการ์ตูนชื่อ Battle Angel Alita แต่พอเป็นหนังก็ปรับเปลี่ยนเป็น Alita: Battle Angel จอน แลนเดา ได้อธิบายถึงเหตุผลแปลก ๆ ในการเปลี่ยนชื่อนี้ว่า หนังส่วนใหญ่ของเจมส์ คาเมรอน นั้นจะมีแต่ชื่อที่ขึ้นต้นด้วย T กับ A เท่านั้น Titanic , Aliens , The Terminator , The Abyss , True Lies และ Avatar พอมาถึง Alita: Battle Angel ก็ขึ้นต้นด้วยตัว A เช่นกัน
- หลังจากที่ผู้ชมได้เห็นภาพลักษณ์ของอลิตะในตัวอย่างแรกของหนังกับดวงตาที่โตผิดปกติ สร้างข้อถกเกียงกันมากในหมู่ผู้ชมที่มีทั้งและไม่ชอบ โรเบิร์ต โรดริเกซ ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุผลที่ทำให้อลิตะมีตาที่โตกว่าคนทั่วไปว่า "ทั้งหมดเป็นความตั้งใจของเจมส์ คาเมรอน ทึ่เขามีเจตนาจะยึดรูปแบบของตัวการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีตาโตและยังคงเอกลัษณ์นี้ไว้บนแผ่นฟิล์ม อยากจะเห็นตัวการ์ตูนที่มีตาโตแบบนี้อยู่ร่วมกับตัวละครอื่นๆ ที่เป็นมนุษย์ปกติ ข้อดีของอลิตะที่มีตาโตเช่นนี้ ก็ตรงกับคำคมที่ว่า ดวงตาคือหน้าต่างที่มองทะลุถึงจิตใจ เมื่ออลิตะมีตาโตแบบนี้ ก็เท่ากับว่าผมมีหน้าต่างกรอบใหญ่ที่สวยงามไว้สื่อความรู้สึกถึงคนดู ผู้ชมจะสามารถเข้าถึงความรู้สึกของอลิตะได้ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะในฉากดราม่ารับรองว่ามันจะต้องลึกซึ้งกินใจอย่างมาก"
- ทีมนักแสดงประกอบไปด้วย 3 ดาราออสการ์ทั้ง เจนนิเฟอร์ คอนเนลลี่ , มาเฮอร์ชาลา อาลี , คริสตอฟ วอลตซ์ และอีกหนึ่งผู้เข้าชิงออสการ์ แจ็คกี้ เอิร์ล ฮาลีย์
- คริสตอฟ วอลตซ์ ได้มาร่วมงานในเรื่องนี้ จากการแนะนำของเควนติน ตารันติโน เพื่อนสนิทของผู้กำกับโรเบิร์ต โรดริเกซ เพราะคริสตอฟ วอลตซ์ เป็นนักแสดงที่มากฝีมือ เขาคว้ามาแล้ว 2 ออสการ์จากผลงานกำกับของเควนติน ตารันติโน จาก Inglorious Basterds (2009) และ Django Unchained (2012)
- อลิตะ แปลว่า "ปีกน้อยๆ" ในภาษาสเปน
- แม้ว่าหนังจะเต็มไปด้วยฉากต่อสู้ที่หนักหน่วงและรุนแรง แต่ด้วยเหตุผลที่ว่าเลือดในเรื่องนี้เป็นสีน้ำเงิน ไม่ใช่สีแดง ก็เลยทำให้หนังได้เรต PG-13
- ต้องบันทึกไว้ว่า Alita: Battle Angel เป็นหนังเรื่องแรกในรอบ 18 ปี ที่โรเบิร์ต โรดริเกซ ไม่พ่วงหน้าที่อื่นอีกนับ 10 หน้าที่ แต่คงหน้าที่เขียนบท และ กำกับ เท่านั้นเพราะโรเบิร์ต โรดริเกซ เป็นผู้กำกับที่บ้าพลัง หนังส่วนใหญ่ของเขา โรเบิร์ตจะควบหน้าที่ ตัดต่อ , ควบคุมกล้องถ่ายภาพยนตร์ , ผู้กำกับภาพยนตร์ , ตัดต่อเสียง , ควบคุมงานฉาก , ควบคุมงานซีจี , ประพันธ์เพลงประกอบ
- เดิมทีเจมส์ คาเมรอน มีความตั้งใจจะกำกับ Alita: Battle Angel มาตั้งแต่ปี 1995 แล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่ 2 ข้อ ที่เขายังไม่ได้กำกับเสียที 1.เลือกทำหนังในความตั้งใจแรกของเขาก่อน นั่นก็คือ Titanic (1997) และเหตุผลที่ 2.เทคโนโลยีทางด้านซีจีในยุคนั้นยังไม่พัฒนาพอที่จะสร้างภาพได้ตามวิสัยทัศน์ที่ผู้เขียน คิชิโระ ได้บรรยายไว้
- นับคร่าวๆ ได้ว่า Alita: Battle Angel มีฉากที่ใช้ภาพซีจีถึง 1,500 ช็อต
ตัวอย่างภาพยนตร์