6 หนังล้อเลียนเจมส์ บอนด์ ที่ดีที่สุด
คงไม่มีคอหนังฮอลลีวู้ดคนไหนไม่รู้จักเจมส์ บอนด์ สายลับอังกฤษชื่อกระฉ่อน เจ้าของแฟรนไชส์หนังที่ลากยาวมาแล้ว 24 ภาค แล้วกำลังจะมีภาคที่ 25 เร็ว ๆ นี้ ทุกภาคทำรายได้รวมกันแล้วมากกว่า 7,000 ล้านเหรียญ มีนักแสดงชายแถวหน้ารับบทเจมส์ บอนด์มาแล้วถึง 6 คน วันนี้ที่แดเนียล เครก รับบทเจมส์ บอนด์มาแล้ว 4 เรื่อง และประกาศว่าเรื่องที่ 5 จะเป็นเจมส์ บอนด์เรื่องสุดท้ายของเขา ก็ยิ่งเป็นทอปปิกที่น่าสนใจในฮอลลีวู้ดว่าใครล่ะจะมาเป็นเจมส์ บอนด์คนต่อไป
เจมส์ บอนด์ ถือกำเนิดจากนักเขียนนิยาย เอียน เฟลมมิ่ง ที่ให้กำเนิดเจมส์ บอนด์ในปี 1953 เขาเขียนนิยายเจมส์ บอนด์ไว้แค่ 12 ตอนเท่านั้น แล้วก็เสียชีวิตในปี 1964 แต่ด้วยความที่เป็นสายลับชื่อดังในโลกนิยาย จึงมีนักเขียนอีก 8 ท่านที่มา สานต่อวีรกรรมของเจมส์ บอนด์ต่อไป ด้วยการที่เรื่องราวของเจมส์ บอนด์ ประสบความสำเร็จในทุก ๆ สื่อที่เขาไปปรากฏไม่ว่าจะนิยาย, ภาพยนตร์ , หนังสือการ์ตูน และแม้กระทั่งวีดีโอเกม ก็ล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมอย่างสูง เจมส์ บอนด์จึงมักถูกนำไปอ้างอิงในหนังเรื่องอื่น ๆ อีกมากทั้งกล่าวถึงด้วยความเคารพ หรือในเชิงล้อเลียน รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดหนังที่มีพระเอกเป็นสายลับออกมาอีกนับไม่ถ้วน และจากนี้คือ 6 รายชื่อหนังสายลับที่ได้รับอิทธิพลจากเจมส์ บอนด์ และถูกนำเสนอในแนวคอมมีดี้ และเป็น 6 เรื่องที่ประสบความสำเร็จที่สุด
1. Spy (2015)
ผู้กำกับ : พอล ฟิก
นักแสดง : เมลิสซา แม็คคาร์ธี , โรส เบิร์น , จู๊ด ลอว์
รายได้ : 235 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 65 ล้านเหรียญ
เรื่องราวเกี่ยวกับ : ซูซาน คูเปอร์ นักประดิษฐ์คิดค้นอาวุธและอุปกรณ์พิเศษให้กับเหล่าสายลับ CIA และหนึ่งในนั้นคือ แบรดลีย์ ไฟน์ สายลับสุดหล่อคนโปรดของซูซาน แต่แล้วแบรดลีย์ ก็โดนพ่อค้าอาวุธชาวบัลแกเรียสังหารในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ด้วยเหตุนี้ซูซานจึงขออาสาตัวเองออกจากห้องแลบ เพื่อขอเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามออกไปล้างแค้นให้กับแบรดลีย์ ไฟน์ สายลับที่เธอเแอบรักมายาวนาน
ความน่าสนใจ : นี่คือการร่วมงานกันของ พอล ฟิก ผู้กำกับและมือเขียนบทแถวหน้าของสายคอมมีดี้ที่สร้างชื่อมาจาก Bridesmaids (2011) และเมลิสซา แม็คคาร์ธี ดาราตลกสาวร่างท้วมที่แจ้งเกิดมาจาก Bridesmaids เช่นกัน หนังเลือกยืมคาแรกเตอร์นักวิทยาศาสตร์อย่าง Q มาจากเจมส์ บอนด์ แต่ปรับแต่งให้เป็นหญิงอย่างซูซาน แล้วก็ดันให้เธอเป็นตัวละครหลักของเรื่องดูซิ ว่าถ้าพนักงานห้องแลบที่เปิ่น ๆ เมื่อออกสนามจะเป็นอย่างไร เปิดช่องทางให้ใส่มุกได้มากมายขนาดไหน แล้วหนังก็ประสบความสำเร็จทั้งทางด้านรายได้ ซ้ำยังถูกใจทั้งผู้ชมและบรรดานักวิจารณ์อีกด้วย
2. Austin Powers
ผู้กำกับ : เจย์ โรช
นักแสดง : ไมค์ มายเออร์
รายได้ : รวม 3 ภาค 676 ล้านเหรียญ
เรื่องราวเกี่ยวกับ : ออสติน พาวเวอร์ สายลับผู้เก่งกาจจากยุค 60s ถูกปลดปล่อยจากการแช่แข็งออกมาในยุค 90s เพื่อให้ออกมาตามจัดการ ดร.อีวิล วายร้ายจากยุค 60s ที่เพิ่งออกจากการแช่แข็งมาเช่นกัน ดร.อีวิล เพิ่งจะขโมยหัวรบ นิวเคลียร์ออกมาขายในราคา 1 แสนล้านดอลลาร์ ออสติน พาวเวอร์ เลยต้องหาทางยับยั้งแผนการร้ายของ ดร.อีวิล
ความน่าสนใจ : ออสติน พาวเวอร์ คือตัวละครที่ตั้งใจล้อเลียนเจมส์ บอนด์ ในเวอร์ชั่นของ ฌอน คอนเนอรี่ ที่ประสบความสำเร็จที่สุดแล้ว หนังประสบความสำเร็จจนสานต่อได้เป็นไตรภาค ด้วยคาแรกเตอร์ที่บ้าหลุดโลก ของไมค์ มายเออร์ ที่เขารับบทเป็นทั้งออสติน พาวเวอร์ และ ดร.อีวิล ด้วยตัวเองทั้งหมด หนังเต็มไปด้วยมุกกวน ๆ บวกกับความทะลึ่งลามกของตัวออสติน พาวเวอร์ ที่คลั่งไคล้สาวๆ เป็นที่สุด
3. Get Smart (2008)
ผู้กำกับ : ปีเตอร์ ซีกัล
นักแสดง : สตีฟ คาร์เรล , แอนน์ แฮทธาเวย์ , อลัน อาร์กิน
รายได้ : 230 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 80 ล้านเหรียญ
เรื่องราวเกี่ยวกับ : พลอตที่มาในแนวใกล้เคียงกับ Spy (2015) แต่กลับกันที่เรื่องนี้เป็นฝ่ายชาย แม็กซ์เวล สมาร์ต เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานหน่วยสืบราชการลับของอเมริกา ได้ออกปฏิบัติการภาคสนาม หลังจากสำนักงานโดนโจมตีและขาดแคลนสายลับภาคสนาม ทำให้แม็กซ์เวลได้ลงสนามพร้อมกับสายลับสาวสวย เอเยนต์ 99 ทั้งคู่ต้องเดินทางไปชายแดนรัสเซีย เพื่อจัดการกับเป้าหมายของภารกิจ มุกฮาต่าง ๆ นานาปล่อยมากับตัวแมกซ์เวล ที่ไม่ยอมน้อยหน้าสายลับสาว แล้วพยายามโชว์ฟอร์มอวดเก่งแต่ก็พลาดอยู่บ่อยๆ
ความน่าสนใจ : เป็นหนังคอมมีดี้ที่อัดแน่นไปด้วยมุกฮาจริงๆ สตีฟ คาเรลล์ เหมาะมากกับบทเฉิ่มๆ แต่หน้าตายแบบนี้ แล้วแอน แฮทธาเวย์ ก็ดูเฉิดฉายมากในฐานะสายลับผู้มากประสบการณ์ แต่ต้องมาดูแลสายลับอ่อนประสบการณ์แต่ขี้เก๊กขี้คุย แล้วยิ่งหนังมาอยู่ในมือของปีเตอร์ ซีกัล ผู้กำกับที่คร่ำหวอดมากกับหนังคอมมีดี้อย่าง Naked Gun 33 1/3: The Final Insult และ 50 First Dates
4. Casino Royale (1967)
ผู้กำกับ : อะไรเนี่ย ผู้กำกับ 6 คนเลยเหรอ แวน เก็สต์ , เค็น ฮิวจ์ , โจเซฟ แม็กกราธ , โรเบิร์ต แพริช , ริชาร์ด ทัลมัดจ์
นักแสดง : เดวิด นิเวน , ปีเตอร์ เซลเลอร์ , เออร์ซูลา แอนเดรส
รายได้ : 41 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 12 ล้านเหรียญ
เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังล้อเลียนเจมส์ บอนด์ เรื่องแรกเลย และใช้ตัวละครชื่อเจมส์ บอนด์ จริง ๆ เสียด้วย เล่าเรื่องเจมส์ บอนด์ ในวัยชราปลดเกษียณมาพักผ่อนแล้ว แต่แล้ว MI6 ก็มาหาเขาหลังการเสียชีวิตของ M และสายลับในต่างประเทศอีกหลายราย เจมส์ บอนด์ ออกตามล่าหาผู้อยู่เบื้องหลังแล้วก็พบว่า ดร.โนอาห์ และกลุ่มสายลับรัสเซียในชื่อ SMERSH คือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ร้ายนี้
ความน่าสนใจ : วันที่หนังเปิดตัวได้สร้างสถิติไว้มากมาย หนังลาโรงด้วยตัวเลข 41 ล้านในวันนั้น เทียบได้กับ 306 ล้านเหรียญในวันนี้ นี่ขนาดว่าหนังฉายก่อนหน้าหนังเจมส์ บอนด์ จริง ๆ เรื่องที่ 5 You Only Live Twice เพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ด้านนักวิจารณ์ต่างก็พร้อมใจตอบรับด้วยเสียงชื่นชมล้วนๆ เพลงธีมจากหนัง "The Look of Love" ก็ได้เข้าชิงออสการ์เพลงประกอบหนังยอดเยี่ยมในปีนั้นด้วย
5. Burn After Reading (2008)
ผู้กำกับ : อีธาน - โจเอ็ล โคเอ็น
นักแสดง : แบรด พิตต์ , จอร์จ คลูนีย์ , ฟรานเซส แม็คดอร์แมน
รายได้ : 163 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 37 ล้านเหรียญ
เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังตลกร้ายจากผลผลิตของพี่น้องโคเอ็น เรื่องราวของ ออสบอร์น ค็อกซ์ เจ้าหน้าที่อาวุโสของ CIA ที่ถูกให้ออกจากงานเพราะมีปัญหาเรื่องติดแอลกอฮอล์ และอยู่ในภาวะซึมเศร้าเหตุเพราะเมียต้องการหย่าเพื่อไปคบหากับชู้อย่างจริงจัง ความซวยยังคงซ้ำซ้อนใส่ออสบอร์น เมื่อเขาทำแผ่นซีดีตกจากกระเป๋าระหว่างที่มาฟิตเน็ส แล้ว "แชด" พนักงานฟิตเน็สเก็บได้ และพบว่าภายในมีข้อมูลสำคัญของ CIA แชด เรียกร้องค่าไถ่ซีดีจากออสบอร์น แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ เลยวางแผนการใหม่ว่าจะเอามันไปขายกับสถานทูตรัสเซียแทน
ความน่าสนใจ : บท แชด เฟลด์ไฮเมอร์ น่าจะเป็นบทที่ตลกสุดในชีวิตการแสดงของแบรด พิตต์แล้ว ไม่เพียงแค่แบรด พิตต์ เท่านั้น Burn After Reading ยังเป็นหนังรวมเหล่าดาราอีกมาก จอห์น มัลโควิช , ทิลดา สวินตัน , จอร์จ คลูนีย์ ,
ริชาร์ด เจนกินส์ และ ฟรานเซส แม็คดอร์แมน เหตุเพราะว่านี่คือหนังของพี่น้องโคเอ็น ที่สร้างบารมีในวงการไว้มาก แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น แม้ว่าหนังจะไม่ได้ย่างกรายไปบนเวทีออสการ์ แต่ก็เข้าชิงลูกโลกสองคำถึง 2 สาขา ภาพยนตร์คอมมีดี้ยอดเยี่ยม และฟรานเซส แม็คดอร์แมน ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
6. Johnny English (2003)
ผู้กำกับ : ปีเตอร์ โฮวิตต์
นักแสดง : โรแวน แอตคินสัน , จอห์น มัลโควิช , นาตาลี อิมบรักเลีย
รายได้ : 160 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 35 ล้านเหรียญ
เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังที่ตั้งใจล้อเลียน เจมส์ บอนด์ อย่างจริงจัง วางเรื่องให้เกิดในหน่วย MI5 ในวันที่สำนักงานโดนโจมตีบรรดาสายลับและเจ้าหน้าที่ตายเรียบ ทั้งหน่วยเหลือสายลับกาก ๆ เพียงคนเดียวคือจอห์นี่ อิงลิช ที่จะต้องรับมือการโจมตีของวายร้าย แล้วความสงบสุขของโลกก็ต้องขึ้นอยู่กับจอห์นนี่ อิงลิช ผู้นี้คนเดียวแล้วล่ะ
ความน่าสนใจ : แม้ว่าแต่ละภาคจะเว้นช่วงห่างกัน 7-8 ปี แต่ทุกภาคที่ออกมาก็ทำเงินกำไรเป็นกอบเป็นกำจริงๆ ภาค 2 ออกมาในปี 2011 ก็ทำรายได้ไปถึง 164 ล้าน และแน่นอนว่า Johnny English Strike Again ภาค 3 ที่กำลังจะเข้าฉาย ก็ต้องเรียกแฟนๆ ที่คิดถึงหน้าตลก ๆ ของโรแวน ให้กลับมาดูเขาได้อีกแน่นอน โรแวน แอตคินสัน ในบทสายลับป้ำๆ เป๋อๆ ที่ต้องมาเจอกับภารกิจใหม่ๆ ในทุกภาคก็ยังพิสูจน์ได้เสมอว่าเขาเป็นที่รักของคนดูทั่วโลกได้จริงๆ ปฏิบัติการแต่ละครั้งของเขาก็ยังคงเรียกเสียงหัวเราะได้ไม่เสื่อมคลายแม้ว่าวันนี้เขาจะอายุถึงวัย 63 ปีแล้วก็ตาม แล้วตำแหน่งจอห์นนี่ อิงลิช นี้ก็ไม่สามารถหาคนมาเป็นแทนได้แบบเจมส์ บอนด์เสียด้วยสินะ