6 เกร็ดน่ารู้ ก่อนไปดู The Predator
นักล่าจากนอกโลก ที่ออกมาประกาศความโหดไว้ตั้งแต่ปี 1987 ด้วยภาพลักษณ์ที่แปลกตา เป็นมนุษย์ต่างดาวพันธุ์นักล่า ที่มาล่ามนุษย์เล่นเพราะเป็นเกมสนุกสำหรับพวกมัน ด้วยความสามารถในการล่องหน มองเห็นภาพตามคลื่นความร้อน และธรรมเนียมการสะสมเหยื่อด้วยการกระชากหัวพร้อมกระดูกสันหลังที่สุดโหดมาก ล้วนทำให้ เพรดเดเทอร์ กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครสำคัญผลผลิตจากฮอลลีวู้ด ที่สานภาคต่อมาแล้วถึง 3 ภาค ไม่นับที่มะรุมมะตุ้มกับเอเลี่ยน หนังทิ้งช่วงห่างจากภาค 3 ไปถึง 8 ปี วันนี้เดอะ เพรดเดเทอร์ เอเลี่ยนนักล่าได้ฤกษ์กลับมาประกาศศักดาอีกครั้งในภาคที่ 4 กับชื่อ "The Predator" แล้วก็ได้ เชน แบล็ค ผู้กำกับที่น่าเชื่อมือจาก Iron Man 3 มารับหน้าที่ หนังมีกำหนดเข้าแาย 13 กันยายน นี้ และนี่คือเกร็ดน่ารู้น่าสนใจ 6 เรื่อง กับการกลับมาครั้งที่ 4 ของ The Predator
1. The Predator ไม่ใช่ภาครีบู๊ต
เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ ว่าจะมีการรีบู๊ต Predator แต่แล้วโปรเจ็กต์ก็เงียบหายไป แล้ว The Predator ก็มาในแนวทางแปลกใหม่ คือไม่ใช่ทั้งรีบู๊ต แล้วก็ไม่เชิงเป็นภาคต่อ เพราะเรื่องราวในภาคนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวโยงกับเนื้อหาในภาคก่อนหน้า และตัวละครใดๆ เลย ผู้กำกับเชน แบล็ค ได้ให้เหตุผลในการตัดสินใจของเขาไว้ว่า "สำหรับผมแล้ว เรื่องราวของเพรดเดเทอร์ยังมีอะไรลึกลับให้น่าค้นหาอีกตั้งมากมาย แล้วจะย้อนไปรีบู๊ตมันเพื่ออะไรล่ะ ผมมีไอเดียตั้งมากมายที่จะสอดแทรกลงไปในไทม์ไลน์ของ Predator" เนื้อหาของภาคนี้นั้น เชน แบล็ค เลือกวางไว้ในช่วงเวลาระหว่าง Predator 2 (1990) และ Predators (2010) เหตุจากเจ้าหนูน้อยบังเอิญไปเก็บอุปกรณ์ประหลาดมาได้ แล้วก็กดปุ่มบนอุปกรณ์นั้น กลายเป็นว่านั่นคือการส่งสัญญาณเรียกเพรดเดเทอร์ ให้กลับมายังโลกอีกครั้ง แต่การกลับมาของมันรอบนี้กลับร้ายกว่าเดิม เพราะพวกมันอัปเกรดตัวเองด้วยการใส่ DNAของสัตว์สายพันธุ์อื่น ลงไปในตัวมัน ทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น และฉลาดขึ้น
2. เชน แบล็ค ไม่ใช่หน้าใหม่สำหรับแฟรนไชส์ Predator
ใน Predator ภาคแรกปี 1987 เชน แบล็ค ในวันนั้นเขาเป็นแค่นักแสดงประกอบ เขาก็รับบทสมทบเป็น ฮอว์กิน พลทหารลูกทีมของอาร์โนลด์ ชวาร์เซนเนกเกอร์ ทิ้งช่วงห่างไป 31 ปี เชน แบล็ค กลับมาหาโปรเจ็กต์ Predator อีกครั้ง แต่รอบนี้ในฐานะผู้กำกับและเขียนบทร่วมกับ เฟรด เด็กเกอร์ (Robocop) จึงพูดได้ว่า เชน แบล็ค คือผู้กำกับที่เหมาะสมกับการมาปลุกชีพมนุษย์ต่างดาวนักล่าตัวนี้ ทั้งในด้านที่เขาเคยเป็นส่วนหนึ่งในภาคแรกของแฟรนไชส์ และการสั่งสมประสบการณ์ในฐานะผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จรายต้นๆ ของฮอลลีวู้ด Iron Man 3 ผลงานกำกับและเขียนบทของเขา เป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 5 ของจักรวาลมาร์เวล
3. The Predator เป็นภาคที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดในแฟรนไชส์
Predator (1987) ใช้ทุนสร้างไป 15 ล้านเหรียญ , Predator 2 (1990) ใช้ทุนสร้างไป 35 ล้านเหรียญ , Predators (2010) ใช้ทุนสร้าง 40 ล้าน แม้ว่าคาแรกเตอร์เพรดเดเทอร์ จะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกสานต่อสินค้ามากมายทั้งโมเดล , วีดีโอเกม แต่ตัวหนังเองก็ไม่เคยไปถึงระดับบล็อคบัสเตอร์เลยสักภาคเดียว ภาคที่ทำเงินสูงสุดกลับกลายเป็นภาค Alien Vs. Predator (2004) ที่ทำรายได้ที่ 80 ล้านเหรียญในสหรัฐ และ 172 ล้านเหรียญทั่วโลก พอมาถึง The Predator ภาคล่าสุด ทางสตูดิโอ Fox ก็เลยยังไม่กล้าทุ่มทุนให้กับโปรเจ็กต์นี้สักเท่าใดนัก ตัวเลขที่ผู้เชี่ยวชาญคาดกันไว้ น่าจะอยู่ที่ 60 - 80 ล้านเหรียญ ซึ่งนั่นก็นับว่าเป็นภาคที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดในแฟรนไชส์แล้ว
4. เป็นภาคที่รวมเหล่าดารา
แม้จะไม่ถึงขั้นเป็นทัพดาราแม่เหล็กขายชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถึงระดับโนเนม เพราะมีทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่คละกันไป เริ่มจากเจ้าหนูฝีมือฉกาจ จาค็อบ เทรมเบลย์ ที่เล่นหนังเรื่องแรก Room(2015) ก็กวาดรางวัลสาขานักแสดงยอดเยี่ยมมาถึง 20 ตัว ,โอลิเวีย มุนน์ ดาราสาวสวยจัด ที่หลายคนน่าจะจดจำเธอได้จากบท "ไซล็อค" ใน X-Men: Apocalypse (2016) , บอยด์ ฮอลบรู๊ค มารับบทพระเอกในเรื่องนี้ เป็นนักแสดงสมทบที่ผ่านงานมามาก เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นหน้า โดยเฉพาะบท "เพียร์ซ" ตัวร้ายใน Logan (2017) และนี่คือโอกาสสำคัญของเขาที่ได้รับบทนำเสียที นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีนักแสดงเบอร์รองอีกมากทั้ง สเตอริ่ง เค.บราวน์ (Black Panther , Hotel Artemis) , โธมัส เจน (Deep Blue Sea , The Mist) และสุดสวย อีวอน สตราฮอฟสกี้ (I, Frankenstein ,Dexter , Chuck)
5. ตัวเพรดเดเทอร์ ใช้คนแสดง ไม่ได้ใช้ CGI
นับจาก Predator (1987) จนถึงวันนี้ เพรดเดเทอร์เป็นแฟรนไชส์ที่มีอายุกว่า 30 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวิทยาการทางด้าน CGI ของฮอลลีวู้ดก็พัฒนาไปมาก และเพรดเดเทอร์ก็เป็นหนังไซไฟ ที่จำต้องใช้บริการของ CGIมามีส่วนร่วมอย่างมาก ในจุดนี้ก็ทำให้สาวกของเพรดเดเทอร์กังวลว่า เชน แบล็ค จะเลือกใช้CGI มาสร้างภาพตัวเพรดเดเทอร์ แล้วภาพที่ได้จะไม่สมจริงเท่ากับใช้คนแสดง แต่เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง เพราะได้รับการเปิดเผยเองจากผู้กำกับเชน แบล็คว่า ผู้ที่มาสวมชุดเพรดเดเทอร์ คือ ไบรอัน เอ.พรินซ์ หนุ่มผิวสี ที่มีความสูงอย่างน่ามหัศจรรย์ถึง 208 ซม. ก่อนหน้านี้เขาเคยรับทสมทบเป็นสมาชิกชนเผ่า "จาบารี" ใน Black Panther มาแล้ว
6. เชน แบล็ค ยืนยันว่า The Predator จะต้องได้เรต R เท่านั้น
เชน เล่าว่าเขาได้ดู The Grudge (2004) ที่ดัดแปลงมาจาก Juon ของญี่ปุ่นแล้วพอมาเป็นเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ดกลับได้เรต PG-13 นั้นความน่ากลัวจากต้นฉบับหายไปหมดสิ้น เป็นหนังที่เขาดูแล้วหงุดหงิดมาก พอมาทำ The Predator เขาจึงประกาศกร้าวว่า"ขอให้เข้าใจกันแจ่มแจ้งไว้นะ PG-13 มันเรตสำหรับพวกขี้ขลาดเท่านั้น ผมไม่ต้องการให้หนังผมถูกตัด ทุกๆ ฉากที่เพรดเดอเทอร์ปฏิบัติการโหด" เพรดเดเตอร์ทุกเรื่องก่อนหน้าล้วนแล้วได้เรต R กันทั้งสิ้น และเชน แบล็คก็ยืนยันว่า The Predator ก็ต้องได้เรต R เช่นกัน แต่เรต R เป็นเรื่องที่สตูดิโอไม่ค่อยแฮปปี้นัก เพราะนั่นเท่ากับจำนวนคนดูจะถูกจำกัด แต่หลังจากความสำเร็จของ Deadpool ก็คือหลักฐานยืนยันว่าหนังเรต R ก็ประสบความสำเร็จได้
ตัวอย่างภาพยนตร์