รู้จักกับจักรวาล The Purge ก่อนไปชม The First Purge
เมื่อสานต่อมาถึงภาคที่ 4 The Purge ก็กลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์หนังสยองขวัญของฮอลลีวู้ดที่ทำรายได้ในระดับต้นๆ แล้ว The Purge ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า หนังที่ใช้ทุนสร้างไม่ถึง 10 ล้านเหรียญ ไม่ต้องพึ่งสเปเชียลเอ็ฟเฟ็กต์ และไม่ต้องมีซูเปอร์ฮีโร่ หรือสัตว์ประหลาดยักษ์ มีเพียงแค่กลุ่มคนแต่งตัวประหลาดออกมาฆ่ากัน ก็กลายมาเป็นหนังสยองขวัญที่สนุกตื่นเต้นได้
ถึงตรงนี้เรามารอดูกันว่าเรื่องราวของ The First Purge จะถูกเสริมเข้าไปในจักรวาลของ The Purge อย่างไร The First Purge ต้องทำหน้าที่ทั้งเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานคืนอำมหิต และทำหน้าที่สานต่อเรื่องราวให้เดินหน้าต่อไป แล้วยังส่งต่อให้กับ The Purge เวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ ที่จะเริ่มแพร่ภาพในเดือนกันยายนนี้อีกด้วย
พื้นฐานของจักรวาล The Purge
ย้อนอดีตกันสักนิดสำหรับคนที่ลืมเรื่องราวของ The Purge ไปแล้ว หรือใครที่ไม่เคยดูมาก่อน แล้วจะเริ่มต้นนับหนึ่งกับภาค The First Purge อ่านตรงนี้ครับ หนังเล่าเรื่องเหตุการณ์สมมติในโลกอนาคตอันใกล้ เมื่ออเมริกาถูกปกครองโดยองค์กรชื่อ New Founders of America กลุ่มนี้เข้ามาแก้ไขปัญหา อาชญากรรมที่ก่อตัวสูงขึ้น ความไม่สงบในบ้านเมือง ปัญหาการว่างงาน ทางออกก็คือการจัดเทศกาลที่ชื่อ The Purge ปีละ 1 คืน ในระยะเวลา 12 ชั่วโมงในคืนนั้น ชาวอเมริกันทุกคนจะมีก่ออาชญากรรมใด ๆ ก็ได้ ฆ่า ทำร้ายร่างกาย ข่มขืน จะไม่มีผลทางกฏหมายใด ๆ ทั้งสิ้น จุดประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ปลดปล่อยโทสะ ความกดดันจากการทำงานมาตลอด 364 วันในวันนี้
มองอย่างผิวเผิน The Purge ได้ทำหน้าที่ของมันอย่างสมบูรณ์ เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น อาชญากรรมลดลง แต่พวกที่ต่อต้านก็ยังแย้งว่าเทศกาล The Purge ก็วิธีการกำจัดคนจน กับคนไร้ที่อยู่เท่านั้น ที่เป็นเหยื่อของเทศกาลนี้ ฝ่ายเทศกาลจึงพยายามทุกวิถีทางที่จะหยุดเทศกาลอำมหิตนี้ และล้มลางระบอบของ New Founders of America
มาย้อนดูเรื่องราวของภาคก่อนหน้ากัน
The Purge (2013)
ต้นฉบับ The Purge เปิดเรื่องราวในปี 2022 ในวันนั้น The Purge กลายเป็นเทศกาลประจำปีที่เป็นเรื่องปกติกันไปแล้ว หนังโฟกัสไปที่ เจมส์ แซนดิน บทของอีธาน ฮอว์ค เขาเป็นเซลส์แมน ของบริษัทผู้ขายระบบรักษาความปลอดภัย เป็นธุรกิจที่ร่ำรวยจากคืนอำมหิต เพราะจุดขายของระบบคือปกป้องคนในครอบครัวให้ปลอดภัยผ่านพ้นคืนนี้ไปได้ แต่แล้วเมื่อคืนอำมหิตมาถึง เจมส์ และครอบครัว ก็ได้เรียนรู้ว่าระบบรักษาความปลอดภัยของเขาไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิด หนังภาคนี้ยังเป็นการเปิดตัว เอ็ดวิน ฮอดจ์ ตัวละครสำคัญเพียงคนเดียวที่ได้มีบทบาทในทั้ง 3 ภาคแรกของ The Purge
แฟรงค์ กริลโล ในบท ลีโอ บาร์น
The Purge: Anarchy (2014)
ภาคนี้กำหนดให้เกิดขึ้นในปี 2023 และคืน The Purge ดำเนินมาเป็นปีที่ 7 ตัวเอกของเรื่องคือ ลีโอ บาร์น บทของ แฟรงค์ กริลโล ตำรวจลอสแองเจลิส ที่มีความแค้นกับขี้เมาที่เคยขับรถชนลูกชายของเขาตาย แล้วหมายมั่นจะใช้คืน The Purge ตามสังหารขี้เมาคนนี้แก้แค้นให้ลูกชาย แต่กลับกลายเป็นว่า เขาต้องมาช่วยชีวิตแม่และลูกที่ตกอยู่ท่ามกลางคืนอำมหิตเสียแทน ในภาคนี้ยังย้อนไปแนะนำเบื้องหลังของ เอ็ดวิน ฮอดจ์ ว่าเขาคือสมาชิกคนสำคัญขององค์กรที่ตั้งขึ้นมาต่อต้าน New Founders of America
ดังเต้ บิช็อป ในบท เอ็ดวิน ฮอดจ์ ดาราขาประจำในไตรภาค The Purge
The Purge: Election Year (2016)
ภาคต่อเรื่องถัดมา ที่ถ้าวกระโดดเรื่องราวไปถึง 2040 ตัวเอกของเรื่องคือ ชาร์ลี โรน วุฒิสมาชิกหญิง ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเป้าหมายแรกของเธอคือยุติเทศกาล The Purge เธอต้องเผชิญกับการเล่นงานจากกลุ่ม New Founders of America เพราะเธอประกาศตนเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มนี้ ทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายท่ามกลางคืนอำมหิต ชีวิตของชาร์ลี อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ ลีโอ บาร์น อดีตตำรวจจากภาคที่แล้ว ที่ลาออกจากตำรวจมาเป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของ ชาร์ลี โรน และได้รับการช่วยเหลือจากกลุ่มต่อต้านที่นำโดย เอ็ดวิน ฮอดจ์ เพราะเธอคือความหวังเดียวของชาวอเมริกัน ที่ต้องการล้มล้างเทศกาลนี้
มองย้อนไป : ที่มาและแรงบันดาลใจในการสร้าง The Purge
เจมส์ เดอโมนาโค ผู้ให้กำเนิดแฟรนไชส์
The Purge เป็นหนังที่กำไรได้มหาศาล กลายเป็นหนึ่งในผลงานภูมิใจของค่าย Blumhouse ค่ายที่เน้นสร้างหนังสยองขวัญเป็นหลัก ผลงานดัง ๆ ของค่ายนี้ก็อย่างเช่น แฟรนไชส์ Paranormal Activity และ Insidious , ทาง Blumhouse มองว่าถ้าบทที่ดี บนไอเดียหนังที่น่าสนใจ แม้จะใช้ทุนสร้างที่น้อยนิด ก็สามารถสร้างผลลัพท์เป็นหนังที่ดึงความสนใจจากผู้ชมได้ ดูตัวอย่างใน The Purge ภาคแรกสิ หนังใช้ทุนสร้างเพียง 3 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ในอเมริกาไปสูงถึง 63 ล้านเหรียญ
ผลงานทั้ง 3 ภาคแรกของ The Purge อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ เจมส์ เดอโมนาโค เขาเป็นทั้งเจ้าของเรื่อง เขียนบทเอง และกำกับ เจมส์ อยู่ในฮอลลีวู้ดมานาน แต่ก็ยังไม่มีผลงานที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้มาก่อน ถ้ามองย้อนไปถึงผลงานเขียนบทก่อนหน้านั้นของเขา ต้องย้อนไปถึง Jack (1995) และ Assault on Precinct 13 ในปี 2005 ที่ได้ อีธาน ฮอว์ค มารับบทนำเช่นกัน
เจมส์ เดอโมนาโค เล่าถึงแรงบันดาลใจ ในการเขียนเรื่อง The Purge ว่า "ผมและภรรยาเคยเจอเหตุการณ์รุนแรงบนท้องถนน ผมโดนคนเมาขับรถตัดหน้า ผมเกือบจะตายไปแล้ว จากเหตุการณ์นี้ แล้วผมได้มารับรู้ข่าว เฮอร์ริเคน แคตทารินา ที่คร่าชีวิตชาวอเมริกันไปมาก รวมกันก็เลยเป็นไอเดียให้ผมได้คิดเรื่อง ถ้าคนอเมริกันได้ฆ่ากันตามใจชอบ สักปีละ 1 คืนล่ะ จะออกมาเป็นอย่างไร" แล้วผลลัพท์ก็ออกมาเป็นหนังสยองขวัญที่ได้เสียงตอบรับคละกันไปทั้งชอบและไม่ชอบจากทั้งนักวิจารณ์และคนดู แต่ด้านรายได้ล้วนไปได้ดีในทุก ๆ ภาค โดยส่วนใหญ่ชอบเจตนาที่หนังเล่าเรื่องในเชิงประชดประชันสังคม
มองย้อนไปที่ความสำเร็จของหนัง ส่วนหนึ่งคือช่วงที่หนังออกฉายจะสอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนั้น จึงดูเหมือนภาพสะท้อนสังคมในเชิงประชดประชัน ตัวอย่างเช่น The Purge: Election Year ออกฉายในปี 2016 ก็ประจวบเหมาะกับช่วงที่อเมริกากำลังเลือกตั้งประธานาธิบดีพอดี แล้วตัวชาร์ลี โรน เองก็เหมือนจะได้แรงบันดาลใจมาจากฮิลารี คลินตัน เสียด้วย มาถึง The First Purge ก็ดูจะมาในแนวเสียดสีนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ว่า "ทำอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง" การตลาดของหนัง The Purge ในแนวเสียดสี ถากถางประเด็นสังคม ดูจะได้ความสำเร็จดี หนังเรียกความสนใจจากคอหนังได้ หนังภาคต่อทั้ง 2 เรื่องที่ใช้วิธีการเดียวกันนี้ ถึงประสบความสำเร็จด้วยดีโดยเฉพาะตัวเลขขายตั๋วในอเมริกา
มองไปข้างหน้า : อนาคตของแฟรนไชส์ The Purge
มาถึงวันนี้ สรุปได้ว่าไตรภาคแรกของหนังประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ก้าวต่อไปของแฟรนไชส์ จึงทำภาคแยกออกมา 2 ทิศทาง ทีจะสานต่ออายุของแฟรนไชส์ไปได้อีกยาวนาน
1. The First Purge (2018) มาถึงเรื่องที่ 4 ในแฟรนไชส์ จะเรียกว่าภาคต่อก็ไม่ได้ เพราะหนังเลือกย้อนไปเล่าที่ไปที่มาของอุบัติการณ์คืนอำมหิตนี้ ในวันที่สังคมมาถึงจุดวิกฤต ทำให้รัฐบาลจำต้องเลือกแนวทางหฤโหดแบบนี้ หนังยังคงเป็นผลงานเขียนบทของเจมส์ เดอโมนาโค เช่นเดียวกับทุกภาคที่ผ่านมา แต่รอบนี้เจมส์ ไม่กำกับ แต่ส่งต่อหน้าที่ให้กับ เจอร์ราร์ด แม็คเมอร์เรย์ ผู้กำกับหน้าใหม่แต่เป็นคนเก่าในฮอลลีวู้ด และเคยเป็นผู้อำนวยการสร้างหนังดังอย่าง Fruitvale Station มาแล้ว
2. The Purge เวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ ตามฟอร์มของหนังดังหลายๆ เรื่อง ที่มักจะถูกดัดแปลงเป็นทีวีซีรีส์ และ The Purge ก็เช่นกัน ในขณะที่หนังทุกภาคจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนอำมหิตแต่ละปี แต่ในเวอร์ชั่นทีวีซีรีส์ จะเล่าในมุมมองที่กว้างกว่า ขยายไปถึงผลกระทบของคืนอำมหิตที่มีต่อชีวิตและสังคมอเมริกัน ตัวเอกของเรื่องคือ มิเกล นาวิกโยธินที่ขอกลับมาบ้านในช่วงคืนอำมหิตเพื่อปกป้องครอบครัวของเขา ซีรีส์จะเริ่มแพร่ภาพวันที่ 4 กันยายน นี้ โดยซีซันแรกจะมี 10 ตอนจบ
The First Purge ปฐมบท คืนอำมหิต จะมีกำหนดฉายในวันที่ 16 สิงหาคม นี้
ตัวอย่างภาพยนตร์