10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ คริสโตเฟอร์ โรบิน

Movie News14 สิงหาคม 2561

         10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ โลกเราได้รู้จักเจ้าหมี วินนี่ เดอะ พูห์ กันมาตั้งแต่ปี 1926 แล้ว แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อของ คริสโตเฟอร์ โรบิน เขาคือลูกชายของ เอ.เอ. ไมลน์ นักประพันธ์ผู้ให้กำเนิด วินนี เดอะ พูห์ , อียอห์ , ทิกเกอร์ และพิกเล็ต และ 1 ในตัวละครสำคัญก็คือ  คริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของเขาเอง ที่ เอ.เอ. ไมลน์ บรรยายตัวตนของคริสโตเฟอร์ ลงไปในนิยายภาพด้วย และเมื่อหนังสือขึ้นอันดับหนังสือขายดี คริสโตเฟอร์ โรบิน กลายเป็นเด็กที่มีชื่อเสียงโด่งดัง และในเวลานานเข้าคริสโตเฟอร์ ก็เผยว่าเขาไม่มีความสุขกับการที่กลายเป็นตัวละครในนิยายของพ่อ เป็นเรื่องบังเอิญมากที่เรื่องราวของคริสโตเฟอร์ โรบิน กลายมาเป็นหนัง 2 เรื่องในเวลาใกล้เคียงกัน "Goodbye Chistopher Robin" หนังสัญชาติอังกฤษ ออกฉายเมื่อกันยายน 2017 ผลงานกำกับของ ไซม่อน เคอร์ติส และได้ ดอมน์นแล กลีสัน มารับบทนำ หนังเจาะลึกไปที่ประวัติความเป็นมาของ เอ.เอ. ไมลน์ ตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียง จนมาได้แรงบันดาลใจจาก คริสโตเฟอร์ โรบิน และสร้างเรื่องราวการผจญภัยของลูกชายกับเหล่าสัตว์ในจินตนาการจนมีชื่อเสียงโด่งดัง

ปีถัดมานี้ ถึงคราวของดิสนีย์ เจ้าของลิขสิทธิ์ วินนี เดอะ พูห์และผองเพื่อน ก็สร้าง "Christopher Robin"ออกมา ได้ ยวน แม็คเกรเกอร์ มารับทเป็นคริสโตเฟอร์ โรบิน และได้ มาร์ค ฟอสเตอร์ ผู้กำกับจาก Quantum of Solace  มารับหน้าที่ หนังเล่าเรื่องราวของคริสโตเฟอร์ โรบิน ในวัยผู้ใหญ่ ที่ได้พบเหล่าเพื่อนๆ ในจินตนาการของเขาอีกครั้ง เรื่องก่อนหน้าออกแนวดราม่าตึงเครียด แต่เรื่องหลังนี่จะดูสดใสให้กำลังใจตามสไตล์ดิสนีย์เลยล่ะ ถึงตอนนี้เรามาทำความรู้จักตัวตนของคริสโตเฟอร์ โรบิน กันให้มากขึ้นก่อนไปดูหนังกันดีกว่าครับ

 

หนังสือ วินนี่ เดอะ พูห์ ฉบับตีพิมพ์ครั้งที่ 1


1. หนังสือ Winnie-the-Pooh (1926) and The House at Pooh Corner (1928) ที่มีคริสโตเฟอร์ โรบิน เป็นตัวละครในนั้น เอ.เอ. ไมลน์ เป็นคนเขียนเนื้อหา และได้ร่วมงานกับ อี.เอช. เชพเพิร์ด นักวาดภาพประกอบที่สำนักพิมพ์ส่งมาทำงานร่วมกับ เอ.เอ. เป็นเรื่องบังเอิญเหลือเกินที่ว่า ทั้ง เอ.เอ. และ อี.เอช. นั้น เติบใตมาในย่านคิลเบิร์นเหมือนกัน และมีเพื่อน ๆ กลุ่มเดียวกัน ทั้งคู่ไม่ได้สนิทสนมกัน แต่สุดท้ายก็ได้มาร่วมงานกันเพราะทำงานสำนักพิมพ์เดียวกัน

 


2. คริสโตเฟอร์ โรบิน กลายเป็นเด็กที่มีชื่อเสียงทั่วโลกเมื่อวัยเพียง 7 ขวบ ในวันที่หนังสือ "วินนี่ เดอะ พูห์"ประสบความสำเร็จอย่างมาก เด็ก ๆ ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษต่างเป็นเจ้าของหนังสือ วินนี่ เดอะ พูห์ และเขากลายเป็นฮีโร่ในกลุ่มเด็ก ๆ ในวันที่ครอบครัวไมลน์ออกเดินสายพบนักอ่านในสหรัฐอเมริกา มีแต่แฟน ๆ เข้ามารุมล้อม ส่วนใหญ่ต้องการมาเห็นตัวจริงของคริสโตเฟอร์ โรบิน งานจากสื่อต่าง ๆ วิ่งเข้าหาคริสโตเฟอร์ โรบิน เขากลายเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา ต้องโชว์ตัวและร้องเพลงต่อหน้าคนดูถึง 350 คน ต้องอัดเสียงอ่านนิยาย วินนี่ เดอะ พูห์ ลงเป็น audiobook ในช่วงแรกคริสโตเฟอร์ โรบิน รู้สึกหลงใหลไปกับชื่อเสียงที่ถาโถมเข้ามา แต่เมื่อเขาเริ่มโตขึ้น  ชื่อเสียงเริ่มทำให้คริสโตเฟอร์ โรบิน รู้สึกอึดอัดถึงความไม่เป็นส่วนตัว เมื่อคริสโตเฟอร์ 9 ขวบ เอ.เอ. ก็ตัดสินใจเลิกรับงานโชว์ตัวทั้งหมด

3. คริสโตเฟอร์ โรบิน ไม่ค่อยใช้ชื่อจริงของเขา เขาจะใช้นามแฝงว่า "บิลลี่ มูน"เสียมากกว่า คำว่า "มูน"นั้น คริสโตเฟอร์ โรบิน เอามาจากเสียงที่เขาอ่านนามสกุลตัวเองจาก "ไมลน์" เป็น "มูน" เมื่อตอนเด็กๆ

 

ภาพสเก็ตช์ วินนี่ เดอะ พูห์ ฝีมือของ อี.เอช เชพเพิร์ด


4. ที่มาของพูห์ส่วนนี้ หลายๆ คนยังเข้าใจผิดว่า อี.เอช. ได้แรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตาหมีของคริสโตเฟอร์ โรบิน แต่แท้จริงแล้ว แรงบันดาลใจที่ อี.เอช. เชพเพิร์ด สร้างตัว "พูห์" ขึ้นมานั้น มาจากตุ๊กตาหมีของเกรแฮม ลูกชายของเขาเอง

5. มีการเล่าที่มาของชื่อ "พูห์" หลากหลายออกไป แต่เรื่องหนึ่งที่ได้รับการเชื่อถือที่สุดคือ ในปี 1921ครอบครัวไมลน์ ไปเที่ยวชนบทในซัสเซ็กซ์ แล้วเจ้าหนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน พยายามจะให้อาหารหงส์ แต่เรียกให้หงส์มาหา มันก็ไม่สนใจ  คริสโตเฟอร์ เลยออกเสียงว่า "พูห์" ใส่มัน เป็นการแสดงออกถึงทีท่าว่า ฉันไม่สนใจแกก็ได้ เอ.เอ. ไมลน์ เลยได้ไอเดียชื่อ "พูห์" มาใช้กับตัวละครของเขา ที่กลายเป็นที่รู้จักโด่งดังในเวลาต่อมา ส่วนชื่อ "วินนี่" นั้นมาจากหมีดำจริงๆ เป็นหมีเพศเมียสีดำที่มีชื่อเสียงอย่างมาก อยู่ในสวนสัตว์ลอนดอน ในช่วงปี 1920s

 

บรรดาตุ๊กตาผ้าตัวจริงของคริสโตเฟอร์ โรบิน


6. บรรดาเพื่อนๆ ของพูห์ มีที่มาจากตุ๊กตาสัตว์ของคริสโตเฟอร์ โรบินจริงๆ เจ้าอียอร์ถูกสร้างสรรค์ให้เป็นลาคอตก มันจึงดูหงอยเหงาอยู่ตลอดเวลา เจ้าพิกเล็ต หมูสีชมพู ก็ถูกสร้างขึ้นมาตามคำบรรยายของคริสโตเฟอร์ ให้มีเสียงแหลมสูงๆ แล้วก็ยังมีเจ้า แคนกา รู และ ทิกเกอร์ ทุกตัวก็ล้วนมาจากตุ๊กตาผ้าจริงๆ ปัจจุบันตุ๊กตาผ้าต้นแบบเหล่านี้ถูกบริจาคให้กับห้องสมุดประชาชนในนิวยอร์ค ยกเว้น วินนี เดอะ พูห์ ตัวเอกของเรื่อง มีพิธภัณฑ์เฉพาะของตัวเองในลอนดอน

 


7. เอ.เอ. ไมลน์ ไม่ได้ใกล้ชิดกับลูกอย่างที่คิด ภาพลักษณ์ของนักเขียนนิยายสำหรับเด็ก ทำให้เขาดูเป็นพ่อที่อ่อนโยนและน่าจะใกล้ชิดกับ คริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของเขา แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ครั้งหนึ่ง เอ.เอ. เคยให้สัมภาษณ์ไว้"ผมไม่ใช่ คนที่ประเภทรักเด็กมากนัก ความรู้สึกผมก็เหมือนคนที่เห่ออยากอุ้มลูกหมาลูกแมวเป็นพักๆ แค่นั้น" 8 ปีแรกในชีวิตของคริสโตเฟอร์ โรบิน เขาแทบไม่ได้ใกล้ชิดกับพ่อเลย ความทรงจำของคริสโตเฟอร์ในตอนนั้นคือพ่อทำงานอยู่อีกเมืองเสมอ วัยเด็กของเขาที่จำได้คือได้เล่นกับเพื่อนๆ แถวบ้าน คริสโตเฟอร์ เติบโตมากับ โอลีฟ แรนด์ พี่เลี้ยงเด็กที่เขารู้สึกผูกพันมากกว่าพ่อแม่เขาเองจริงๆ เสียอีก ตลอดชีวิตวัยเด็ก คริสโตเฟอร์ แทบไม่ได้ห่างจากโอลีฟ เลย

 


8. เอ.เอ. ไมลน์ และภรรยาต้องการลูกสาวมาก ถึงกับตั้งชื่อลูกสาวรอไว้ว่า "โรสแมรี่" แต่แล้วเมื่อคริสโตเฟอร์ คลอดออกมาเป็นเด็กชาย ก็สร้างความผิดหวังให้ทั้งพ่อและแม่มาก พวกเขาไม่แม้แต่พยายามปิดบังความผิดหวังนี้ เอ.เอ. ถึงกับเขียน จดหมายไประบายกับเพื่อนว่า "เราคาดหวังอยากได้โรสแมรี่มากกว่า แต่เราก็คงมีความสุขกับเด็กผู้ชายคนนี้นะ" พ่อและแม่คู่นี้ก็ยังไม่ยอมลดละความหวังที่จะมีลูกสาว จับคริสโตเฟอร์ให้ไว้ผมยาว แล้วก็แต่งตัวคริสโตเฟอร์เป็นเด็กผู้หญิงตามภาพของแม่ในวัยเด็ก ร้ายแรงสุดถึงขนาดเอาคริสโตเฟอร์ไปขอแลกกับ แอน ดาร์ลิงตัน ลูกสาวของเพื่อนบ้าน พวกเขาปฏิบัติกับแอน เหมือนกับว่าเป็นลูกสาวของพวกเขาจริงๆ

 


9. คริสโตเฟอร์ โรบิน ก็กลายเป็นนักประพันธ์เช่นกัน ตามรอย เอ.เอ. ไมลน์ พ่อของเขา เขาเขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม ส่วนเล่มที่เป็นที่รู้จักที่สุดคือ The Enchanted Places ที่เขาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับป่าจริงๆ ที่เขาคุ้นเคยในวัยเด็ก และเป็นสถานที่ในจินตนาการที่เขาเล่นกับ วินนี่ เดอะ พูห์ และผองเพือน

 


10. คริสโตเฟอร์ แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ในขณะที่พ่อกับแม่อยากให้เขาแต่งงานกับแอน ดาร์ลิงตัน เด็กสาวเพื่อนบ้านที่พวกเขารักดังกับเป็นลูกตัวเอง แต่คริสโตเฟอร์ ก็ดันเลือกภรรยาที่พ่อและแม่ไม่เห็นชอบด้วยเลย เธอคือ เลสลีย์ เดอ เซลินคอร์ต เพราะเธอคือลูกของน้าชายของคริสโตเฟอร์ เอง และครอบครัวของน้าก็ไม่ถูกกับแม่ของคริสโตเฟอร์ 2 ครอบครัวนี่ไม่คุยกันมากว่า 30 ปี แต่คริสโตเฟอร์ ก็ไม่สนใจความเห็นของพ่อแม่และเสียงครหา หลังแต่งงานเขาและเลสลีย์ก็ย้ายครอบครัวไปอยู่ห่างจากพ่อและแม่ "ผมต้องการหนีห่างจากชื่อเสียงของเขา และห่างจากชื่อเสียงของ คริสโตเฟอร์ โรบินในนิยาย"