แม้จะเป็นหนังที่ใช้พลังพิเศษแต่ผู้ออกแบบฉากฯ The Darkest Minds อยากเลี่ยงมุมมองหนังที่มันดูเกินจริง

Movie News6 สิงหาคม 2561

        "สิ่งที่เราต้องการคือสร้างบรรยากาศและหนังให้ดูสมจริงและเข้าใจได้" ผู้ออกแบบฉากฯ รัสเซล บาร์นส กล่าว "เราอยากเลี่ยงมุมมองหนังที่มันดูเกินจริง และอยากฉีกออกจากภาพที่เราเคยเห็นในหนังวัยรุ่นที่ผ่านมาบางเรื่อง"

"แคมป์ เธอร์มอนด์ [แคมป์ฟื้นฟูสมรรถภาพ] ถูกจัดอยู่ในโทนที่ดูน่าเบื่อและสิ้นหวัง เราอยากให้ระเบิดสีสันออกมาในโลกของรูบี้ตอนที่เธอหายไป" บาร์นสกล่าวต่อ "รูบี้ถูกขังมานาน 6 ปี สุดท้ายเธอได้เจอกับกลุ่มเด็กๆ ที่รู้สึกเหมือนเป็นครอบครัวที่เธอมีมากที่สุด เหมือนเปิดมุมมองให้เธอมากขึ้น เธอได้เห็นโลกในมุมที่ต่างออกไป และเราก็ให้ความสมใจเรื่องการสาดสีสันลงไป โทนสีจะเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้นและเราเริ่มสร้างความแตกต่างกับโลกใบใหม่ที่เธอมี"



           "เจนนิเฟอร์ ผู้กำกับอยากให้หนังเป็นโทนอบอุ่น น่าดึงดูดใจ และเป็นโลกที่เราอยากเข้าไปอยู่ในนั้น โดยเฉพาะเวลารูบี้ออกมาจากที่พักชั่วคราว มันมีความอิสระ มีความเป็นวัยรุ่น และมีความสนุกสนาน เจนไม่อยากให้ภาพออกมาดูหดหู่หลังจากช่วงนั้น เธอไม่อยากได้สีโทนเย็นและดูไม่สบายใจ"

การถ่ายทำเกิดขึ้นที่แอตแลนต้า ความหลากหลายของสถานที่ทำให้ผู้สร้างภาพยนตร์ได้ประโยชน์มาก "แอตแลนต้าเข้ามาในความคิดเลย" บาร์นสยอมรับว่า "ด้วยสถานที่ๆ มีความหลากหลายและใกล้เคคียงกับเมือง เรามีสภาพแวดล้อมที่มีความแตกต่าง รวมถึงเดินทางจากนอกเมืองเข้าสู่เขตอุตสาหรกรรมได้ และมีความใกล้เคียงกับบรรยากาศหลังช่วงที่ดูวุ่นวาย รวมถึงมีพื้นที่สำหรับการจัดฉากที่ดีเยี่ยม"



       "จอร์เจียจะให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป" ผู้กำกับภาพฯ คราเมอร์ มอร์เกนธอว์ กล่าวเสริม "มันมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์เพราะที่นั่นมีฝนตกชุกและใบไม้มาก มันเหมือนกับการสาดสีเขียวลงไปซึ่งมีวามสำคัญต่อการออกแบบภาพของเจนมาก ที่ต้องการสื่อถึงการเจริญเติบโตที่มีความขัดแย้งกันของธรรมชาติ"

สภาพบรรยากาศของแอตแลนต้ามีส่วนช่วยเป็นพิเศษสำรับการสร้างที่พักของเด็กๆ ขึ้นมา ธรรมชาติมีส่วนช่วยในเรื่องการออกแบบ "สำหรับที่พักชั่วคราวของเด็กๆ มันมีความสำคัญมาก เราต้องหาที่ๆ มีแหล่งน้ำรายล้อม มีต้นไม้ล้อมรอบ ฉะนั้นเราจะสื่อถึงอิสรภาพและสร้างค่ายที่อยู่ห่างไกลออกไปได้" บาร์นสกล่าว "เราพบมุมที่สวยงามในเทือกเขาสโตน อยู่ด้านนอกแอตแลนต้าซึ่งมีทุกสิ่งที่จำเป็น" บาร์นสกล่าวเสริม "ตอนนี้เราได้ทั้งสีเขียว ป่า และทุกอย่างที่สร้างความรู้สึกแห่งความหวังอย่างที่รูบี้จะรู้สึกตอนที่ออกจากค่ายเธอร์มอนด์แล้ว"

แม้ว่าอยากจะให้หนังมีความรู้สึกใกล้เคียงกับปัจจุบัน บาร์นสและเนลสันได้เลือกฉากให้รู้สึกเหมือนไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน "ผมทำการค้นคว้าเรื่องเรือนจำและค่ายทหาร แต่เราพยายามสร้างสิ่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้บรรยากาศไม่ต้องเรียกความสนใจเรื่องการอ้างอิงถึงเรื่องประวัติศาสตร์มากนัก เราเลยสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมด" บาร์นสกล่าว



            แม้ว่าจะร่วมงานกับเนลสันเป็นครั้งแรก บาร์นสพบว่าการร่วมงานกับผู้กำกับฯ เป็นเรื่องที่ราบรื่นมาก "เพราะเธอมีพื้นฐานด้านแอนิเมชั่น เธอเรียนรู้ไวและวาดภาพออกมาได้เก่งมาก สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในความคิดออกมาได้ ทำให้ชีวิตผมง่ายขึ้น" เขาอธิบาย "สตอรี่บอร์ดเหล่านี้ใช้อธิบายกับทุกแผนกได้ดีมาก เราสามารถเห็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอ และช่วยสร้างโลกตามจินตนาการของเธอออกมาได้"

"ในหนังควรให้ความรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นได้จริงในอีกไม่กี่เดือนหากเกิดเรื่องบ้าๆ ขึ้นมา" เลวี่กล่าว "ผมอยากให้มันรู้สึกเหมือนโลกที่เราคุ้นตาดี เพราะผมคิดว่ามันทำให้โทนเรื่องและเหตุการณ์ต่างๆ ดูน่ากลัวขึ้น เพราะมันจะเกิดขึ้นตอนนี้ก็ได้ มีบรรยากาศของโลกที่ดูเป็นธรรมชาติ แม้ว่าตอนนี้จะไม่ค่อยมีเด็กวัยรุ่น แต่ก็ยังคงงดงามและมีความหวัง"

"ผมคิดว่าประเด็นทั้งหมดในหนังสือ ต้องการสื่อถึงความหวังของผู้คนที่จะเอาชนะอคติเหล่านี้ โดยใช้พลังของพวกเขาและเป็นตัวแทนของครอบครัว และการได้รับการยอมรับจากคนอื่นที่เข้าใจว่าการได้รับอิสรภาพต้องแลกกับอะไร" ลีไวน์กล่าว



         "เจนเป็นคนที่มีความหวัง เธอมองเห็นความดีงามของมนุษย์และคุณจะได้เห็นสิ่งนั้นในหนังเช่นกัน" มอร์เกนธอว์กล่าว "The Darkest Minds จะทำให้ผู้ชมตื่นเต้นสุดขีดกับการผจญภัย จะเป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้นที่มีทั้งฉากแอคชั่น การผจญภัย มีฉากที่สื่อด้วยภาพ มีฉากต่อสู้ มีฉากการใช้พลังและทุกอย่าง แต่ผมคิดว่าผู้ชมคาดเดาถึงเรื่องความรู้สึกที่อยู่ในหนังเรื่องนี้ได้ เพราะถึงแม้จะเต็มไปด้วยภาพที่น่าตื่นเต้นและฉากที่ดูสะดุดตาแล้ว ยังมีเรื่องของตัวละครที่คอยมองหาว่าตัวเองเหมาะกับที่ไหน และได้รู้ว่าสุดท้ายแล้วคือจุดที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนั่นเอง" เลวี่ ผู้อำนวยการสร้างกล่าว

 

ตัวอย่างภาพยนตร์