หลายๆ คนน่าจะคุ้นหน้าเธอพอควร โดยเฉพาะแฟนๆ ซีรีส์อเมริกัน เพราะอีแวนเจลีน ก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการ แต่เธอแจ้งเกิดในวงการซีรีส์มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ด้วยการได้บทนำในซีรีส์สุดฮิตอย่าง Lost ที่แพร่ภาพมาตั้งแต่ปี 2004 ถึง 2010 จากนั้นเธอก็เริ่มได้รับงานแสดงบนจอใหญ่บ้างใน Real Steel (2010) และได้บทนำในโปรเจ็กต์ใหญ่อย่าง The Hobbit ทั้ง 2 ภาคแต่ด้วยบท "เทาเรียล" เอลฟ์หูแหลมเธอก็เลยปรากฏตัวในภาพลักษณ์ที่ผ่านการเมคอัปพอสมควรก็เลยอาจจะไม่มีใครจำได้นัก จนมาถึง Ant-Man (2015) ในบทโฮป แวนไดน์ แม้จะเหมือนนางเอกของเรื่องแต่ก็ไม่ได้เด่นนัก จนมาถึงภาคนี้ Ant-Man and The Wasp ที่บทโฮป แวน ไดน์ ของเธอขยับฐานะจากลูกสาวคนสวยของ แฮงค์ พิม ขึ้นมาเป็น เดอะ วอสป์ ซูเปอร์ฮีโร่หญิงหน้าใหม่ของจักรวาลมาร์เวล มีชื่อคาแรกเตอร์ในชื่อหนัง และขยับความสำคัญขึ้นมายืนเคียงข้างกับแอนท์แมน มีเวลาบนจอไม่น้อยกว่าแอนท์แมนเลยด้วยซ้ำ และยังมีอนาคตอีกยาวไกลในจักรวาลมาร์เวล

เชื่อมั่นได้ว่าถึงตอนนี้ชื่อของอีแวนเจลีน ลิลลี่ จะเป็นอีกชื่อที่แฟน ๆ หนังจำกันได้แล้ว นับว่าเธอใช้เวลาในวงการนานมาก นับตั้งแต่นาทีแรกบน Lost ที่เธออายุเพียง 24 กว่าจะถึงวันนี้ก็ยาวนานถึง 14 ปี กว่าที่เธอจะได้ผึ่งผายในชุดเดอะ วอสป์ ก็เข้าวัย 38 ปีไปแล้ว ยังไงก็ยินดีด้วยกับโอกาสสำคัญของเธอ ถึงตอนนี้เรามาทำความรู้จักเธอกันมากขึ้นครับ

 

1. จริงๆ แล้วเธอเชื่อ "นิโคล"

       ชื่อเต็มคือ นิโคล อีแวนเจลีน ลิลลี่ แต่ก็ปกติของคนทั่วไปเมื่อเข้าวงการแสดงก็ควรจะใช้ชื่อที่ติดหู ชื่อ "นิโคล ลิลี่" ก็ฟังดูเรียบง่ายธรรมดาไป  เธอเลยตัดสินใ เอาชื่อกลางของเธอมาใช้เป็นชื่อหลักแทน "อีแวนเจลีน ลิลลี่" ดูน่าฟังกว่า ติดหูกว่าชื่อ "นิโคล"

 

2. เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่องมาก

         เหตุจากเธอเป็นชาวแคนาเดียน แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่หลายคนเข้าใจว่าคนแคนาเดียนส่วนใหญ่พูดฝรั่งเศสได้ เพราะมีเชื้อสายฝรั่งเศส แต่เพราะว่าเธอได้เรียนภาษาฝรั่งเศสอย่างเข้มงวดมากในโรงเรียน อีแวนเจลีน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อด้วยภาษาฝรั่งเศสบ่อยๆ ครั้ง จะเห็นว่าเธอพูดได้เหมือนเจ้าของภาษาเลย

 

3. เธอเคยเป็นช่างซ่อมรถบรรทุก

           ก่อนที่อีแวนเจลีนจะเข้าวงการแสดง เธอเคยทำงานหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือช่างซ่อมรถบรรทุกขนาดใหญ่แบบมีเทรลเลอร์ขนสินค้าพ่วงท้าย เธอจึงคุ้นเคยกับรถพวกนี้เพราะวันๆ เธอมีหน้าที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ขับรถพวกนี้ไปจอดตามช่องจอด และด้วยเหตุนี้ล่ะ ทำให้เธอได้บทนำใน Real Steel หนังหุ่นยนต์ที่มีฮิวจ์ แจ็คแมน รับบทนำ เพราะว่าผู้กำกับอยากได้ดารานำหญิงของเรื่องที่บึกถึกทน และมีประสบการณ์กับการทำงานกับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จริงๆ พอมาแสดงแล้วจะได้ดูเป็นธรรมชาติ บท ไบลีย์ ทอลเล็ต ช่างซ่อมหุ่นยนต์สาวก็เลยตกเป็นของเธอ

 

4. เคยเป็นผู้เผยแพร่ศาสนาคริสต์ด้วย

      ก่อนเข้าวงการแสดงนี่ อีแวนเจลีนผ่านงานมาเยอะมาก ด้วยเหตุที่เกิดและเติบโตมาในครอบครัวคริสเตียนที่เคร่งครัด ตอนอายุ 18 เธอก็เคยเดินทางไปฟิลิปปินส์ในฐานะผู้เผยแพร่ศาสนาด้วย แม้กระทั่งตอนอยู่ในกองถ่าย Lost เธอก็พกไบเบิ้ลไปด้วยเสมอ

 

5. เธอคิดว่า "Lost" จะเป็นแค่ซีรีส์พื้นๆ ทั่วไป

         ถึงวันนี้หลายคนก็รู้แล้วว่า Lost กลายเป็นซีรีส์ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ซีรีส์อเมริกัน สร้างดาราเข้าสู่วงการมากมาย และทำให้เจ้าของเรื่องอย่าง เจ.เจ. อบรารมส์ กลายเป็นผู้กำกับแถวหน้าของฮอลลีวู้ดไปแล้ว แต่ในขั้นตอนเริ่มสร้างนั้น อีแวนเจลีน ลิลี่ เข้าใจว่า Lost ก็แค่ซีรีส์ธรรมดาทั่วไปเรื่องหนึ่ง หลังจากออดิชั่นบทผ่าน เธอถูกเรียกตัวไปเข้ากล้อง อีแวนเจลีน ยังคงลังเลและถามกับเอเยนต์ของเธอว่า "เอาจริงเหรอ ชั้นควรตอบรับงานนี้เหรอ ไม่รู้สินะ  ฉันกลัวว่าสุดท้ายมันจะออกมาเป็นซีรีส์กระจอก ๆ สักเรื่องนึงแค่นั้น" แต่ความคิดทั้งหมดก็เปลี่ยนไป เมื่ออีแวนเจลีน ได้อ่านบทตอนนำของ Lost แล้วเธอก็เอ่ยมาว่า "ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เลย นี่คือบทตอนนำที่ดีที่สุดที่เคยได้สัมผัสมา"

 

6. เธอเกือบต้องเสียบท "เคต" ในซีรีส์ Lost ไปเสียแล้ว

            บท "เคต" นับได้ว่าเป็นบทที่พลิกชีวิตของอีแวนเจลีน เป็นบทที่ทำให้คนดูรู้จักชื่อเสียงของเธอ , ภาพลักษณ์ของอีแวนเจลีน ลิลลี่ ประทับใจ เจ.เจ. อบรามส์ เจ้าของเรื่องที่เป็นทั้งผู้อำนวยการสร้าง คนเขียนบท และผู้กำกับของซีรีส์ เจ.เจ. บอกว่า "อีแวนเจลีน คือเคตในแบบที่เขาวาดภาพในจินตนาการไว้ เธอมีส่วนผสมของความแข็งแกร่งและความน่ารักไว้ในสัดส่วนที่พอดี หลังจากแคสต์บทนักแสดงสาวมาแล้ว 80 คน อีแวนเจลีน คือคนที่ เจ.เจ. ประทับใจที่สุด แทบจะยกบทเคตให้เธอเดี๋ยวนั้นเลย แต่เมื่อกองถ่ายเริ่มทำงาน อีแวนเจลีน กลับพบปัญหาในการขอวีซ่าเข้าทำงานในสหรัฐอเมริกา เพราะกองถ่ายปักหลักกันอยู่ที่ฮาวาย อีแวนเจลีน ต้องติดต่อขอวีซ่าทำงานถึง 20 ครั้ง ย้ำว่า 20 ครั้งกว่าจะสำเร็จ สุดท้ายเธอก็ได้บินไปถึงฮาวายให้หลังวันเปิดกล้องไปแล้ว 1 วัน

 

7. จอร์เก้ การ์เซีย เคยท้าอีแวนเจลีน ลิลลี่ ให้ฉี่ลงถังขยะ

         เชื่อว่าแฟนๆ ซีรีส์ Lost น่าจะจำ จอร์เก้ การ์เซียกันได้นะ เจ้าหนุ่มร่างอ้วนหัวหยิกหยอยที่รับบทเป็น "เฮอร์ลีย์"นั่นล่ะ ด้วยความที่ว่า Lost เป็นซีรีส์ที่ถ่ายทำยาวนานมากถึง 6 ซีซัน บรรดานักแสดงก็ใช้ชีวิตคลุกคลีกินนอนอยู่ด้วยกันถึง 6 ปี ทำให้สนิทสนมกันมาก ก็เลยกล้าที่จะท้ากันให้ทำเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ลิลลี่ ย้อนอดีตวันนั้นให้ฟัง "คืนนั้นเราอยู่กันที่ลานจอดรถในไคลัว ฮาวาย เล่นเกมผลัดกันท้าแต่ละฝ่ายให้ทำนู่นทำนี่ แล้วก็ถึงคิวจอร์เก้ เค้าก็มาทาชั้น "ลิลลี่ชั้นให้เธอ 20 เหรียญเลยถ้าเธอกล้าฉี่ลงถังขยะ" ชั้นก็เดินไปที่ถังขยะดึงกางเกงลง เอาก้นวางบนปากถังแล้วก็ฉี่......จบ  จอร์เก้ก็ต้องจ่ายฉันมา 20 เหรียญ หลังจากนั้นชั้นก็กระเซ้าจอร์เก้อีกเรื่อยๆ ว่าจะท้าให้ทำอะไรอีก 20 เหรียญมั้ย เขาก็ไม่กล้าอีกแล้ว"

 

8. เมื่อ Lost กลายเป็นซีรีส์ฮิตโดยไม่คาดคิด เธอหนีไปรวันดา

กับเมอร์เรย์ โฮน สามีคนแรกที่หย่าขาดกันไป

         ใช่ครับ รวันดา ในแอฟริกานั่นแหละ จากซีรีส์ที่เดิมทีเธอคิดว่าเป็นซีรีส์ธรรมดาๆ ด้วยซ้ำ แต่เมื่อผ่านไป 2 ซีซัน Lost ก็กลายเป็นซีรีส์ที่ฮิตที่สุดในปี 2006 อีแวนเจลีน ได้รับการตอบรับจากสื่อและผู้ชมมันท่วมท้นเกินคาด เธอต้องพยายามจัดระบบระเบียบชีวิตใหม่ จากคนธรรมดากลายเป็นดาราฮอลลีวู้ดชื่อดังภายในระยะเวลาปีเดียว และไม่แค่นั้นเธอยังต้องเผชิญปัญหาชีวิตครั้งใหญ่เมื่อต้องหย่าขาดจากสามีที่เพิ่งร่วมชีวิตกันได้แค่ปีเดียว เพื่อหลบหนีจากความวุ่นวายที่ประดังเข้ามาพร้อมกัน อีแวนเจลีน เลือกที่จะหนีไปหาที่สงบๆ แล้วเธอก็บินไป รวันดา ในแอฟริกา  อีแวนเจลีน เล่าถึงความรู้สึกในวันนั้น "ฉันแค่อยากจะหายตัวไปจากโลกสักพัก"

 

9. ฉายาของเธอคือ "เจ้าลิง"

          นอกเหนือจากชื่อเล่นว่า "อีวี่" แล้วก็มีอีกชื่อที่เพื่อนเรียกกันก็คือ "มังกี้" หรือ เจ้าลิง เนี่ยแหละ เหตุก็เพราะว่าตอนเด็ก ๆ เธอชอบเล่นซุกซนกับแก๊งเพื่อนผู้ชายมาก ตอนเด็กๆ เธอมีบุคลิกออกในแนวทอมบอย แต่พอเข้าสู่วัยรุ่นเธอก็เปลี่ยนแปลงตัวเองจากเด็กหน้ากระ กลายเป็นสาวสวย ตั้งแต่นั้นเพื่อนๆ ผู้ชายก็เปลี่ยนแปลงท่าทีปฏิบัติกับเธอ ซึ่งเธอบอกว่าไม่ชอบเลย อีแวนเจลีนมีความสามารถในการปีนป่ายต้นไม้มาก และเธอก็ชอบมันมากด้วย ฉะนั้นคงไม่ต้องเดาว่าฉายา "เจ้าลิง" นี่เป็นมาอย่างไร อีแวนเจลีน มีความรักและผูกพันกับต้นไม้มาก คุณสมบัติข้อนี้เธอก็เขียนบรรยายตัวเองลงไปในใบสมัครออดิชั่นบท เคต ออสเต็น ในซีรีส์ Lost ด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติที่เหมาะเจาะกับบทเคตมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าแฟนๆ Lost จึงได้เห็นเคตปีนต้นไม้แทบทุกตอนใน Lost

 

10. เธอเขียนหนังสือสำหรับเด็กด้วย

             เวลาว่างจากงานแสดง ลิลลี่เลือกที่จะเขียนหนังสือสำหรับเด็ก เธอเริ่มลองเขียนหลังจากให้กำเนิดลูกคนแรก แล้วก็สวมจิตวิญญาณความเป็นแม่ให้กำเนิดนิทานเรื่องยาวในชื่อ "The Squickerwonkers" ออกมาเป็นนิทานสำหรับเด็กเรื่องยาวถึง 18 เล่มจบ ภายในมีภาพประกอบสีสันสดใส เรื่องราวของเธอมีทั้งความแปลกและน่ากลัวในบางตอน แต่ก็ถูกอกถูกใจบรรดาพ่อแม่มาก และเด็กๆ ก็ชื่นชอบเช่นกัน