ซอสสูตรลับของ "Deadpool" ที่ทำให้คนดูใจเต้น นอกเหนือจากความตลกขบขันในแบบหนังคอมเมดี้คือ...
ผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ เวอร์นิคเล่าว่า "รู้กันดีว่า Deadpool คือหนังคอมเมดี้ แต่มันก็มีจุดที่ทำให้ใจเต้นอยู่ เป็นจังหวะการเต้นของหัวใจจริงๆ ซอสสูตรลับของ "Deadpool" อยู่ที่ประเด็นความรู้สึก การที่มีตัวละครอยู่ในสภาพล้มลุกคลุกคลาน ชีวิตเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับเขา เป็นตัวละครที่ต้องเจอโรคมะเร็งและแผลเป็นที่หน้ากลัวบนใบหน้า ผมคิดว่าเด็กๆ เข้าใจสไปเดอร์แมนได้เพราะเขาเป็นเด็กที่ดูเนิร์ด เขาเลยใส่หน้ากากและกลายเป็นซูเปอิฝร์ฮีโร่สุดเจ๋ง และผมคิดว่าทุกคนจะเข้าใจเว้ด วิสันเพราะได้เห็นตัวละครที่เจอความยากลำบากในชีวิต และเขาต้องผ่านมันไปให้ได้ ต้องหัวเราะไปกับมันและเอาชนะให้ได้ในที่สุด ผมคิดว่าทุกคนจะเข้าใจมันได้ดี"
อาดิตยา ซูด เป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่ในทีมผู้อำนวยการสร้างบริหารฯ เล่าว่า "ความท้าทายอย่างหนึ่งที่หนักหน่วงและสนุกของ Deadpool คือการหาความสมดุลระหว่างความตลก ฉากแอคชั่น และเรื่องของความรู้สึก ความมหัศจรรย์ของไรอันคือเขารับมือได้ทุกอย่าง ถ้าเขาเป็นแค่นักแสดงตลก เขาคงเป็นนักแสดงตลกที่เก่งที่สุด ถ้าเขาเป็นนักแสดงแอคชั่นเขาก็ทำได้ ถ้าเขาเป็นนักแสดงแนวดราม่าเขาก็ทำได้ แต่ความเป็นจริงคือเขาทำได้ทั้งสามอย่าง จนทำให้ Deadpool ออกมาเป็น Deadpool"
เวอร์นิคเล่าให้ฟังถึงการแต่งหน้าด้วยเทคนิคพิเศษที่เรย์โนลด์สต้องแต่งให้ออกมาเป็นเว้ด วิลสันที่ดูน่ากลัวว่า "การแต่งหน้าคือความสาหัสอย่างหนึ่ง เราเขียนตารางขึ้นมาเลยว่าสามารถถอดเมคอัพของไรอันออกได้เร็วที่สุดเท่าไหร่ เพราะเขาจะรู้สึกอึดอัด มันต้องใช้เวลาแต่งหน้านานหลายชั่วโมง เขาต้องทนอยู่กับมันและแสดงภายใต้การติดพลาสติกจำนวนมากนี้ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะแสดงสีหน้าออกมาเวลาที่มีพลาสติกพวกนี้ติดอยู่บนใบหน้า? แน่นอนว่าเขาแสดงออกมาได้ดีเยี่ยม ต้องยกความดีให้ไรอันและพรสวรรค์ของเขาในฐานะของนักแสดงที่สามารถแสดงได้ภายใต้หน้ากากนั้น เขาคืออารมณ์ความรู้สึกของหนังเรื่องนี้ เขามีจังหวะหัวใจแบบเดียวกับเดดพูล สัญชาตญาณของเขาแม่นเสมอ เวลาที่เขาอยู่หลังกล้องจะคอยดูคอยแนะนำขั้นตอน เขาคุมจังหวะของสิ่งที่ทำแล้วรู้ว่าอะไรจะออกมาดีหรือไม่ดี"
เวอร์มิคยังเล่าต่ออีกว่าสำหรับบางคนแล้ว "หนังสือการ์ตูนเหมือนกับไบเบิล เราควรทำให้ถูกต้องตามตัวละครที่อยู่ในหนังสือการ์ตูน เพราะมีนักเขียนหลายคนที่เข้ามาและออกไปในซีรีส์ ตัวละครนึงอาจตายตรงนี้แล้วกลับมามีชีวิตอีกก็ได้ เราค่อนข้างมีความยืดหยุ่นในการสร้างตัวละครขึ้นมา ผมคิดว่าเป้าหมายของเราในฐานะผู้เขียนคือไม่ล้อเลียนนักเขียนการ์ตูน มันเป็นเรื่องของการรับกลิ่นอาย ความรู้สึก และรายละเอียดของตัวละคร รวมถึงความคิดของเขาหรือเธอ จากนั้นจึงถ่ายทอดสู่ภาพยนตร์ในแบบของเราเอง"
อาดิตยา ซูด กล่าวทิ้งท้ายว่า "ผมคิดว่าหนังที่สนุกที่สุดเป็นหนังที่เหล่าศิลปินทำให้มันดูสอดคล้องกับสิ่งที่เห็นได้บ่อยๆ มันมีบางอย่างในความคิดไรอัน เร็ตต์ และพอลที่ผสมกันอย่างลงตัวใน "เดดพูล" พวกเขาเป็นปากเสียงแทนตัวละคร และนั่นคือความสุขที่ได้ร่วมงานกับพวกเขา เพราะเราจะเซอร์ไพรส์กับความแปลกใหม่ตลอด แต่ขณะเดียวกันมันก็ให้ความรู้สึกแบบเดดพูลอยู่ด้วย"
เตรียมพบกับความฮาของการรวมพลคน โค-ตะ-ระ-เทพ ใน "Deadpool 2 - เดดพูล 2" เปิดรอบพิเศษ 15 พฤษภาคม รอบ 18.00 เป็นต้นไป ฉายจริง 16 พฤษภาคมในโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างภาพยนตร์