14 อันดับหนังทำเงิน ที่ได้รางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

Movie News9 มีนาคม 2561

               โดยส่วนใหญ่แล้วหนังที่ไปกวาดรางวัลใหญ่ๆ บนเวทีออสการ์มักจะเป็นหนังสายรางวัลที่มีช่อมะกอกประดับบนโปสเตอร์แสดงถึงคุณภาพของหนังที่มีรางวัลจากเทศกาลต่างๆ เป็นเครื่องพิสูจน์ และหนังเหล่านี้ก็เป็นขวัญใจของนักวิจารณ์และคะแนนจาก IMDB หรือ Rottentomatoes ก็ค่อนข้างสูง แต่ในทางตรงกันข้าม หนังเหล่านี้ก็ไม่ได้มุ่งเน้นความบันเทิงหรือหวังผลทางการตลาดเท่าใดนัก พูดตรงๆ ก็คือไม่ใช่หนังสนุกเอาใจคนดูนั่นแหละ นี่คือรูปแบบของหนังส่วนใหญ่แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกเรื่องจะเป็นเช่นนี้ ก็มีบ้างเช่นกัน ที่หนังกวาดรางวัลใหญ่รวมถึง "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" แล้วก็เป็นหนังที่คนดูชื่นชอบสามารถทำรายได้แบบถล่มทลาย กวาดทั้งเงินทั้งรางวัล เรียกว่าไปในทิศทางเดียวกันได้ เป็นหนังที่ดูสนุกแล้วก็มีคุณภาพถูกใจทั้งคนดูทั้งนักวิจารณ์ บทความนี้ผู้เขียนเลยหยิบยกหนังเหล่านี้มาให้ดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้าง 15 อันดับแรกของหนังที่คว้าออสการ์"ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" แล้วยังทำเงินมหาศาล มีการปรับตัวเลขรายได้ใหม่ตามสภาวะเงินเฟ้อแล้วมาจัดอันดับให้ดูใหม่ด้วย เพราะตัวเลขค่าตั๋วในอดีตกับปัจจุบันต่างกันมากครับ

 

อันดับที่ 1 Gone with the Wind (1939)



ผู้กำกับ : วิคเตอร์ เฟลมมิ่ง
นักแสดง : คลาร์ก เกเบิล , วิเวียน ลีห์
ความยาว : 3 ชั่วโมง 58 นาที
ชนะออสการ์ 8 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม  , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 199 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 1,850 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : อีกหนึ่งหนังยิ่งใหญ่ตลอดกาล เล่าเรื่องราวความรักท่ามกลางสงครามกลางเมืองในอเมริกา สการ์เล็ตต์ โอฮารา หญิงรูปงามที่หลงรักแอชลีย์ แต่เขาก็เลือกที่จะแต่งงานกับ เมลานีย์ ญาติของตัวเอง สการ์เล็ตต์ ก็ยังไม่ตัดใจจากแอชลีย์แม้เธอจะแต่งงานไปอีกหลายครั้งก็ตาม ชีวิตเธอต้องผ่านสภาวะลำบากมากมายที่เป็นผลจากสงคราม เธอต่อสู้กับทุกอุปสรรคเพื่อจะไปให้ถึงชีวิตที่สุขสบายอย่างที่เธอคาดหวังไว้ แต่มันก็ไม่เป็นดังฝัน ตามชื่อเรื่องภาษาไทยว่า "วิมานลอย"

 

อันดับที่ 2 The Sound of Music (1965)



ผู้กำกับ : โรเบิร์ต ไวส์
นักแสดง : จูลี่ แอนดรูว์ , คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ , เอเลนอร์ ปาร์คเกอร์
ความยาว : 2 ชั่วโมง 54 นาที
ชนะออสการ์ 3รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม  , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 159 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 1,300 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : มาเรียหญิงสาวผู้มีความมุ่งมั่นจะเป็นแม่ชี แต่คุณแม่อธิการเห็นว่าเธอยังไม่พร้อม จึงให้เธอเป็นแม่ชีฝึกหัดไปก่อน แล้วก็มอบหมายงานให้เธอไปเป็นพี่เลี้ยงดูแลเด็กๆ 7 คนของ บารอน เก-ออร์ก ฟอน แทรพพ์ กัปตันเรือผู้เกษียณอายุราชการ ที่ต้องดูแลลูกๆ ด้วยตนเองหลังจากภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว 7 ปี สภาพครอบครัวของกัปตันบารอน ตึงเครียดมากเพราะเขาเอาระเบียบทหารมาใช้กับลูกๆ ใครไม่ปฏิบัติตามก็จะโดนลงโทษ มาเรียปรับแก้บรรยากาศภายในบ้านด้วยการนำดนตรีเข้ามาผ่อนคลาย พาเด็กๆ ไปร้องเพลงภายนอกบ้านที่แวดล้อมด้วยทิวทัศน์สวยงามของทะเลสาบและเทือกเขาของออสเตรีย ทำให้มาเรียชนะใจเด็กๆ และกัปตันบารอนที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับเศรษฐีนีชาวเวียนนา แต่มาแต่งงานกับเธอแทน

 

อันดับที่ 3 Titanic (1997)



ผู้กำกับ : เจมส์ คาเมรอน
นักแสดง : ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ , เคต วินสเล็ต , บิลลี่ เซน
ความยาว : 3 ชั่วโมง 14 นาที
ชนะออสการ์ 11 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม , แต่งกายยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม , ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม , เทคนิคพิเศษทางด้านภาพยอดเยียม , เทคนิคพิเศษทางด้านเสียงยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 659 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 1,244 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : จากโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ของมนุษยชาติเมื่อปี 1912 เรือยักษ์ที่ประกาศก้องว่าจะไม่มีวันอับปางแต่ก็ล่มลงพร้อมกับคร่าชีวิตผู้โดยสารไป 1,514 ราย หนังหยิบยกเหตุการณ์มาเล่าใหม่บนจอภาพยนตร์พร้อมกับเสริมเรื่องราวโรแมนซ์ปนน้ำเน่าของแจ๊ค ดอว์สัน ศิลปินไส้ยากจนกับ โรส ดีวิตต์ ลูกสาวมหาเศรษฐีที่โดนจับคลุมถุงชนกับชายที่เธอไม่ได้รัก กลายเป็นเรื่องราวรักสามเส้าที่มีฉากหลังเป็นเหตุระทึกครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ที่โลกไม่มีวันลืม

 

อันดับที่ 4 Ben-Hur (1959)



ผู้กำกับ : วิลเลียม ไวเลอร์
นักแสดง : ชาร์ลตัน เฮสตัน , แจ๊ค ฮอว์คกินส์ , สตีเฟน บอยด์
ความยาว : 3 ชั่วโมง 32 นาที
ชนะออสการ์ 11 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม , แต่งกายยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม , เทคนิคพิเศษทางด้านภาพยอดเยียม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 74 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 900 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : อภิมหาอมตะนิรันด์กาลหนังคลาสสิกฮอลลีวู้ด ที่ไม่น่าจะเอามารีเมคให้เสียคุณค่าเลยจริงจริ๊ง และเป็นหนังที่กวาดออสการ์ไปถึง 11 รางวัล  เรื่องราวของเพื่อนรักหักเหลียมโหด ระหว่าง เบนเฮอร์ และ เมสซาล่า ที่ฝ่ายหลังเป็นทหารโรมันและจับเพื่อนที่เป็นชาวยิวส่งไปเป็นทาสในเรือ เบนเฮอร์ต้องผจญภัยไปต่างแดนและพาตัวเองกลับมาสู่บ้านเกิดอีกครั้งในฐานะนักรบ เขาท้าประลองรถศึกกับเมซซาล่า และเป็นฝ่ายกำชัยได้กลับมาอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง เนื้อหหนังพาดพิงเรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิ้ลอยู่มาก มีฉากที่เยซูโดนตรึงกางเขน ช่วยสร้างเสียงกล่าวขวัญในวันที่ได้ออกฉาย

 

อันดับที่ 5 The Sting (1973)


ผู้กำกับ : จอร์จ รอย ฮิลล์
นักแสดง : พอล นิวแมน , โรเบิร์ต เรดฟอร์ด , โรเบิร์ต ชอว์
ความยาว : 2 ชั่วโมง 9 นาที
ชนะออสการ์ 7 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม , เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 156 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 818 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : การรวมพลังครั้งสำคัญของ 2 ดาราสุดฮอตในยุคนั้น โรเบิร์ต เรดฟอร์ด และ พอล นิวแมน , โรเบิร์ต รับบทเป็น ฮุกเกอร์ นักต้มตุ๋นระดับหางแถว แต่ดันพลาดท่าไปหลอกเอาเงินมาเฟียใหญ่ลอนเนแกน ทำให้มาเฟียใหญ่รู้สึกเสียหน้า ผลคือ ลูเธอร์ เพื่อนร่วมวีรกรรมของฮุคเกอร์โดนตามเก็บ ฮุคเกอร์หนีตายไปหา กอนดอร์ฟ บทของพอล นิวแมน ทั้งคู่ร่วมกันวางแผนครั้งใหญ่ในการเอาคืน ลอนเนแกน หนังเต็มไปด้วยแผนการล่อหลอกที่สลับซับซ้อนและสมจริง สมกับเป็นหนังแห่งวงการมิจฉาชีพนักต้มตุ๋นที่ยังไม่มีใครทำได้เทียบเท่า

 

อันดับที่ 6 The Godfather (1972)



ผู้กำกับ : ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา
นักแสดง : มาร์ลอน แบรนโด , อัล ปาชิโน , เจมส์ คาน
ความยาว : 2 ชั่วโมง 55 นาที
ชนะออสการ์ 6 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 135 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 724 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : จากนิยายคลาสสิกของมาริโอ พูโซ สู่ภาพยนตร์คลาสสิกตลอดกาลของ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา และเป็นหนังมาเฟียทีดีทีสุดตลอดกาลที่เป็นผลผลิตของฮอลลีวู้ด อีกทั้งบท ดอนวิโต คอร์ลีโอเน ก็กลายเป็นบทที่ดีที่สุดที่มาร์ลอน แบรนโด ได้เคยฝากภาพความทรงจำเอาไว้

 

อันดับที่ 7 Forrest Gump (1994)



ผู้กำกับ : โรเบิร์ต เซเมกคิส
นักแสดง : ทอม แฮงค์ส , โรบิน ไรต์ , แกรี่ ซินิส
ความยาว : 2 ชั่วโมง 55 นาที
ชนะออสการ์ 6 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , เทคนิคพิเศษทางด้านภาพยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 330 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 722 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังในดวงใจหลาย ๆ คน ที่ทำให้ ฟอเรสต์ กัมพ์ กลายเป็นตัวละครที่คนดูรักมากคนหนึ่ง เป็นหนังที่ให้ทั้งข้อคิด ความบันเทิง และความประทับใจในความใสซื่อบริสุทธิ์ จากเด็กเอ๋อที่มีไอคิวเพียงแค่ 75 และเป็นโปลิโอ กลับลุกขึ้นมาทำสิ่งยิ่งใหญ่มากมาย เป็นแรงบันดาลใจให้คนมากมายมีกำลังใจและลุกขึ้นสู้ ทั้งการวิ่งระยะไกล เป็นทหารผ่านศึก เป็นแชมป์ปิงปองระดับโลก สร้างประโยคฮิตให้กลายเป็นสติกเกอร์ ได้เข้าพบประธานาธิบดีหลายรุ่น เป็นตัวละครที่ทอม แฮงค์ส ฝากการแสดงไว้อย่างน่าจดจำ สมควรกับออสการ์ตัวที่สองที่เขาได้รับ

 

อันดับที่ 8 Around the World in Eighty Days (1956)



ผู้กำกับ : ไมเคิล แอนเดอร์สัน
นักแสดง : เดวิด นีเวน , เชอร์ลีย์ แม็คเลน , คานตินฟลาส
ความยาว : 2 ชั่วโมง 55 นาที
ชนะออสการ์ 5 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 42 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 593 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : จากนิยายคลาสสิกของจูลส์ เวิร์น ที่เขียนไว้ตั้งแต่ปี 1872 และถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และทีวีซีรีส์มาแล้วหลายรอบ รอบล่าสุดสร้างออกมาปี 2004 ได้แจ็คกี้ ชาน และ สตีฟ คูแกน มารับบทนำ แต่เวอร์ชั่นที่ประสบความสำเร็จสุดคือเวอร์ชั่นนี้ปี 1956 ที่คว้าออสการ์ไปถึง 5 รางวัล เรื่องราวของมหาเศรษฐีที่รับท้าพนันจากเพื่อน ๆ ว่าเขาสามารถเดินทางรอบโลกด้วยบอลลูนได้ในระยะเวลาต่ำกว่า 80 วัน ด้วยวงเงินพนัน 27,000 เหรียญ ซึ่งจำนวนเงินขนาดนี้นับว่ามหาศาลมากในยุคนั้น และถ้าเขาแพ้พนันนั่นจะส่งผลกระทบต่อสภาวะการเงินของเขาอย่างหนัก

 

อันดับที่ 9 The Greatest Show on Earth (1952)



ผู้กำกับ : ซีซิล บี. เดอร์มิลล์
นักแสดง : เจมส์ สจ๊วต , ชาร์ลตัน เฮสตัน , เบ็ตตี้ ฮัตตัน
ความยาว : 2 ชั่วโมง 32 นาที
ชนะออสการ์ 8 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 36 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 550 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : เนื้อหาที่ละม้ายกับหนัง The Greatest Showman หนังฮิวจ์ แจ็คแมน ที่เพิ่งเข้าฉาย เพราะเกี่ยวกับธุรกิจละครสัตว์เช่นเดียวกัน แต่เรื่องนี้เล่าถึง แบรด เบอร์เด็น ผู้จัดการละครสัตว์ที่ต้องการเพิ่มยอดขายให้กับโชว์ของ ตัวเองในฤดูกาลใหม่นี้ ด้วยการเพิ่มฉากเสียงตายในโชว์ห้อยโหน ในท่าที่ยากแบบไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน และเรื่องราวของ บัตตอนตัวตลกที่ไม่เคยให้ใครได้เห็นใบหน้าจริงที่ปราศจากเมคอัพของเขา เป็นตัวละครที่มีเบื้องหลังอันลึกลับ

 

อันดับที่ 10 My Fair Lady (1964)



ผู้กำกับ : จอร์จ คูเกอร์
นักแสดง : ออเดรย์ เฮ็ปเบิร์น , เร็กซ์ แฮร์ริสัน , สแตนลีย์ ฮอลโลว์เวย์
ความยาว : 2 ชั่วโมง 50 นาที
ชนะออสการ์ 8 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม , เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 72 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 550 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : ฮิกกินส์ ศาสตราจารย์ทางภาษาศาสตร์จอมขี้โอ่ รับคำท้าจากเพื่อนๆ ว่าเขาสามารถแปลงโฉม เอไลซ่า สาวขายดอกไม้ผู้ยากจนให้พูดสำเนียงอังกฤษและเฉิดฉายกลายเป็นเจ้าหญิงไปปรากฏตัวในงานสังคมชั้นสูงจนไม่มีใครดูออกได้ เอไลซ่า ผ่านการฝึกอย่างเข้มงวด ผ่านไป 6 เดือน เอไลซ่า กลายร่างเป็นหญิงสูงศักดิ์สง่างามและพาตัวเองเข้าไปปรากฏโฉมในงานเลี้ยง แม้แต่ศิษย์เก่าของฮิกกินส์ยังคิดว่าเธอเป็นเจ้าหญิง แม้แต่ราชินียังขอให้เธอไปเต้นรำเปิดฟลอร์กับเจ้าชาย สุดท้ายฮิกกินส์ก็สามารถเอาชนะคำท้าจากเพื่อนๆ ได้สำเร็จ แต่หลังงานเลี้ยงจบลง เอไลซ่า จะทำอย่างไรต่อกับชีวิต เธอจะกลับไปใช้ชีวิตเป็นสาวยากจนขายดอกไม้เช่นเดิมหรือ

 

อันดับที่ 11  West Side Story (1961)



ผู้กำกับ : เจอโรม รอบบินส์ , โรเบิร์ต ไวส์
นักแสดง : นาตาลี วู้ด , ริชาร์ด เบย์เมอร์ , จอร์จ ชาคิริส
ความยาว : 2 ชั่วโมง 33 นาที
ชนะออสการ์ 10 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , เครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 44 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 514 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังเพลงที่ดัดแปลงมาจาก โรมิโอ - จูเลียต นิยายคลาสสิก แปลงมาเป็นเรื่องราวระหว่างแก๊งวัยรุ่นข้างถนน แก๊งไวท์เจ็ต มี ริฟฟ์ เป็นหัวหน้าแก๊ง และ เปอร์โตริกันชาร์ค มีเบอร์นาโดเป็นหัวหน้าแก๊ง ทั้ง 2 แก๊งห้ำหั่นกันแย่งพื้นที่ปกครองบนถนน แต่แล้ว โทนี่ เพื่อนสนิทของริฟฟ์ ก็ไปตกหลุมรักกับมาเรีย น้องสาวของ เบอร์นาโด ทั้งคู่แอบคบหากัน ขณะเดียวกันทั้ง 2 แก๊งก็นัดปะทะกันใต้ทางด่วน มาเรียขอร้องให้โทนี่ไปยุติศึกครั้งนี้ แต่ก็กลับกลายเป็นต้นกำเนิดของเหตุเศร้าสลด

 

อันดับที่ 12 Lawrence of Arabia (1962)



ผู้กำกับ : เดวิด ลีน
นักแสดง : ปีเตอร์ โอทูล , อเล็กซ์ กินเน็ส , แอนโธนี ควินน์
ความยาว : 3 ชั่วโมง 36 นาที
ชนะออสการ์ 7 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , ถ่ายภาพยอดเยี่ยม , กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม , บันทึกเสียงยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 45 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 508 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังกึ่งชีวประวัติของ โธมัส เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ ผู้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ลอเรนซ์ เป็นทหารอังกฤษประจำอยู่ในไคโร ด้วยเป็นผู้มีความรู้เกี่ยวกับชนเผ่าเรร่อนในคาบสมุทรอาหรับ เลยถูกนายทหารส่งไปให้เป็นผู้ประสานงานระหว่างอังกฤษกับเจ้าชายไฟซาลผู้นำของอาหรับ ไม่นานนักความรู้ความสามารถของลอเรนซ์ก็สร้างความประทับใจจากเจ้าชายได้  เขาสามารถเข้าได้ถึงพวกชนเผ่าต่างๆ และใช้กลยุทธ์แบบกองโจร สามารถเอาชนะพวกเติร์กและขับไล่ออกไปจากคาบสมุทรได้สำเร็จ

 

อันดับที่ 13 Rocky (1976)



ผู้กำกับ : จอห์น จี.อวิลด์เซน
นักแสดง : ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน , ทาเลีย ไชร์ , เบิร์ต ยัง
ความยาว : 2 ชั่วโมง
ชนะออสการ์ 3 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 117 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 505 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังแจ้งเกิดซิลเวสเตอร์ สตอลโลน ที่น้อยคนนักจะรู้ว่าเขาเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เอง ทางสตูดิโอขอซื้อบทภาพยนตร์จากเขา 350,000 เหรียญ แม้ในขณะนั้นเขายังไม่มีผลงานแสดงเลย แต่เขาก็ปฏิเสธว่าถ้าจะสร้าง Rocky ต้องให้เขารับบทนำเท่านั้น สุดท้ายซิลเวสเตอร์ ก็เป็นร็อคกี้ บัลโบ นักเลงรับจ้างทวงหนี้ผู้มีใจรักในกีฬาชกมวย แล้ววันหนึ่งโอกาสก็มาหาเขา เมื่ออพอลโล ครีด นักมวยแชมป์รุ่นเฮฟวี่เวท มาเยี่ยมเยียนฟิลาเดเฟีย แล้วเปิดโอกาสให้นักมวยมวยท้องถิ่นมาขึ้นสังเวียนกับเขาได้ เป็นโอกาสเดียวของร็อคกี้ ที่ต้องการแจ้งเกิดในวงการมวยด้วยการเอาชนะแชมป์โลกอย่างอพอลโล ครีด ให้ได้

 

อันดับที่ 14 The Best Years of Our Lives (1946)



ผู้กำกับ : วิลเลียม ไวเลอร์
นักแสดง : เมียนา ลอย , ดานา แอนดรูว์ , เฟรดดิค มาร์ช
ความยาว : 2 ชั่วโมง 50 นาที
ชนะออสการ์ 7 รางวัล : ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม , ตัดต่อภาพยอดเยี่ยม , บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , เพลงประกอบยอดเยี่ยม
รายได้ก่อนปรับค่าเงิน 24 ล้านเหรียญ : รายได้หลังปรับค่าเงิน 504.9 ล้านเหรียญ

เรื่องราวเกี่ยวกับ : หนังสดุดีวีรกรรมของทหารผ่านศึก เล่าเรื่องราวผ่านชีวิตของ 3 ทหารผ่านศึก ที่สภาพชีวิตทางสังคมแตกต่างกัน รายหนึ่งเป็นผู้บริหารธนาคารที่เกิดข้อสังสัยถึงความภักดีจากพนักงานว่ายังเหมือนเดิมไหม กับเจ้านายที่เพิ่งกลับจากสงคราม , อีกรายเป็นชนชั้นแรงงานธรรมดา มือทั้ง 2 ข้างไหม้ระหว่างรบ มีปัญหาที่จะประคองชีวิตแต่งงานและทำงานให้ได้อย่างเดิม รายสุดท้ายชายหนุ่มที่เกิดข้อสงสัยว่าคู่หมั้นยังรักเขาอยู่จริงไหม หรือว่าทีคบอยู่นี่ก็เพราะสงสาร