15 บทบาทสาวร้ายที่น่าจดจำจากฮอลลีวู้ด

Movie News2 มีนาคม 2561

        ในบรรดาหนังแอ็คชั่นบู๊ระห่ำนับพันเรื่องที่ฮอลลีวู้ดสร้างออกมา ในจำนวนนั้นก็มีหลายเรื่องที่ตัวละครนำเป็นเพศหญิง ที่มีทั้งนักฆ่า หุ่นยนต์ และซูเปอร์ฮีโร่ และนักฆ่าหญิงรายล่าสุดที่ฮอลลีวู้ดสร้างสรรค์ขึ้นมาก็คือ "โดมินิก้า อีโกโรวา" หรือฉายา เรด สแปร์โรว์ นักฆ่าสาวจากหนัง Red Sparrow บทบาทล่าสุดของดาราดีกรีออสการ์ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่เปลี่ยนภาพลักษณ์มาเป็นสาวดุดูบ้าง หลังจากเราไม่เห็นมาดพะบู๊ของเธอมาตั้งแต่จบแฟรนไชส์ The Hunger Games ไปตั้งแต่ปี 2015 แล้ว

ก่อนที่จะไปดู Red Sparrow ลองมารื้อฟื้นความทรงจำถึงบรรดาสาวเท่ 15 รายในลิสต์นี้กันซิ ว่ามีบทบาทไหนที่เคยดูแล้วประทับใจกันบ้าง แล้ว เรด สแปร์โรว์ พอจะเบียดเข้ามาเป็นหนึ่งในรายชื่อสาวร้ายที่น่าจดจำของฮอลลีวู้ดกับเขาได้หรือไม่?


 

1. "ฟอกซ์" จาก Wanted (2008)
รับบทโดย แองเจลีนา โจลี่



          แองเจลีนา โจลี่ ดูเท่เสมอเวลาที่เธอรับบทเป็นสาวแกร่ง เหมือนอย่างตอนที่เป็น ลารา ครอฟต์ ใน  Tomb raider , เอเวลีน ซอลต์ ใน Salt หรือ นางสมิธ ใน Mr. and mrs.smith ใน Wanted เธอรับบทเป็นนักฆ่าอีกครั้งในนาม ฟอกซ์ ที่เชี่ยวชาญอาวุธทุกรูปแบบ ในเรื่องนี้เธอได้โชว์มาดสาวนักบู๊ในฉากแอ็คชั่นมากมายโดยเฉพาะฉากโน้มตัวออกมาจากหน้าต่างรถแล้วยิงลูกซองใส่รถคู่ต่อสู้ และฉากยิงปืนแบบเวอร์ ๆ ที่ฉีกแนวจากหนังแอ็คชั่นฮอลลีวู้ดทั่วไป

 

2. "คาตาลียา" จาก Colombiana (2011)
รับบทโดย โซอี้ ซัลดานา



          นักฆ่าหญิงผู้มีความแค้นฝังลึก คาตาลียา สาวน้อยที่ได้เห็นพ่อแม่ตัวเองโดนสังหารตั้งแต่วัยเด็ก เธอถูกเลี้ยงดูโดยลุงที่เป็นนักฆ่า และฝึกสอนวิชาการเป็นมือสังหารให้กับเธอ คาตาลียา เติบโตขึ้นมาเป็นนักฆ่าหญิงและตามล่าล้างแค้นคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอ คาตาลียา เป็นนักฆ่าสาวที่ดุโหดลำดับต้นๆ ที่ฮอลลีวู้ดสร้างขึ้นมา เป็นบทหนึ่งที่ได้รับการจดจำมากที่สุดจากประวัติการแสดงของโซอี้ ซัลดานา แม้จะเป็นหนังที่ดูสนุก มันส์ แต่ก็ทำรายได้ไปไม่สวยหรูนัก เลยจบแค่ภาคแรก

 

3. "เซลีน" จาก Underworld (2003)
รับบทโดย เคต เบ็คกินเซล



         แม้เซลีน จะไม่ใช่บทบาทที่น่าภูมิใจของเคต เบ็คกินเซล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เคต เบ็คกินเซล ในชุดหนังรัดรูปก็เป็นภาพที่น่าดูเสมอ , เซลีน เป็นนักฆ่าของเผ่าแวมไพร์ ที่ล่าสังหารบรรดามนุษย์หมาป่าไปจำนวนมาก ระหว่างสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์จากโลกมืดที่ยืดเยื้อหลายศตวรรษ เซลีน เป็นตัวละครหลักของแฟรนไชส์ Underworld แม้เธอจะหันหลังให้กับแฟรนไชส์นี้ในภาค 3 แต่ก็กลับมาในภาค 4 และภาค 5 ที่เป็นภาคสุดท้าย ที่สมควรยุติเสียที เพราะคุณภาพหนังถดถอยลงตามตัวเลขภาค

 

4. "นิกิต้า" จาก Nikita (1990)
รับบทโดย แอนน์ ปาริลโย



       หนังแอ็คชั่นคลาสสิกที่สร้างชื่อให้ ลุค เบซอง กลายเป็นผู้กำกับระดับแถวหน้า และยังสร้างชื่อให้กับ แอนน์ ปาริลโย ภรรยาในชีวิตจริงของเขาในขณะนั้น นิกิต้ากลายเป็นตัวละครคลาสสิกในโลกภาพยนตร์ โดนรีเมคมาเป็นเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ด และในปี 2010 ก็ถูกดัดแปลงเป็นทีวีซีรีส์อีกครั้ง แต่ภาพลักษณ์ของแอนน์ ปาริลโย ที่เป็นสาวตัวเล็กแต่ต้องมากลายเป็นมือสังหาร ก็ดูขัดกับภาพลักษณ์ภาระหน้าที่ของเธอยิ่งนัก แอนน์ ทำให้นิกิต้าเป็นสาวที่ทั้งมีเสน่ห์และความลึกลับในตัวคนเดียว

 

5. "เสี่ยวเม่ย" จาก House of Flying Daggers (2004)
รับบทโดย จาง ซิยี่



          อีกหนึ่งหนังกำลังภายในคลาสสิกของผู้กำกับจาง อี้โหมว ที่ได้ดาราแถวหน้าในยุคนั้นมาร่วมงานเพียบทั้ง หลิว เต๋อหัว , ทาเคชิ คาเนชิโร และจาง ซิยี่ ในฐานะจุดศูนย์กลางของเรื่อง เธอรับบทเป็นเสี่ยวเม่ย นักระบำสาวตาบอด ที่ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิก "บ้านมีดบิน" กองกำลังกบฏในยุคราชวงศ์ถัง เสี่ยวเม่ย ต้องตกอยู่ท่ามกลางศึกระหว่างมือปราบจากวังหลวงกับทัพกบฏ และอยู่ระหว่างรักสามเส้าที่ 2 มือปราบจากวังต่างก็ตกหลุมรักเธอ นี่คือหนึ่งในหนังจากยุครุ่งเรืองของจางซิยี่ ที่มีหนังดัง ๆ เต็มไปหมดทั้ง Crouching Tiger, Hidden Dragon (2000) และ  Memoirs of a Geisha (2005)

 

6. "เดอะ ไบรด์" จาก Kill Bill (2003)
รับบทโดย อูมา เธอร์แมน



       หนังแอ็คชั่นสุดโหดตลอดกาลจากผู้กำกับเควนติน ตารันติโน หนังมีฉากต่อสู้ชวนจดจำมากมาย  และที่สำคัญกับการแปลงสาวหวานอย่างอูมา เธอร์แมน ให้กลายเป็นอีสาวนักฆ่าได้อย่างน่าทึ่ง อูมา เป็นเดอะ ไบรด์ ฉายาที่ได้จากการที่เธอโดนคนรักฆ่าตายในงานแต่งทั้งที่อยู่ในชุดเจ้าสาว  เมื่อเธอฟื้นจากโคม่า ก็ควงดาบซามูไรเล่มยาวตามล้างตามเช็ดทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผนสังหารเธอ ภาพลักษณ์เดอะ ไบรด์ ในชุดเหลืองแถบดำกับดาบซามูไรก็เลยกลายเป็นคาแรกเตอร์ที่ทุกคนรู้จักตลอดไป

 

7. "จอร์เจีย สกาย" จาก Smokin' Aces (2006)
รับบทโดย อลิเซีย คีย์



          งานแสดงน้อยเรื่องของศิลปินเพลงสาวสวยคนนี้ เธอเป็นหนึ่งในจำนวนนักฆ่านับสิบที่โผล่มาในหนังแอ็คชั่นบู๊ล้างผลาญเรื่องนี้ เมื่อ "เอซ" นักมายากลกลายเป็นพยานคนสำคัญในคดีที่เอาผิดหัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ เจ้าพ่อมาเฟียจึงตั้งค่าหัวมูลค่ามหาศาลให้กับเอซ  ถ้านักฆ่าคนไหนก็ตามเก็บเอซที่อยู่ในอารักขาของFBI ได้สำเร็จ , อลิเซีย คีย์ รับบทเป็น จอร์เจีย สกาย นักฆ่าผู้เชี่ยวชาญการใช้ปืนทุกประเภทเธอทำงานร่วมกับ แชริส วัตเตอร์ สไนเปอร์สาว เมื่อคู่นี้รวมตัวกันเมื่อไหร่ เป้าหมายมีหนาวล่ะ

 

8. "อิออน ฟลักซ์: จาก Aeon Flux (2005)
รับบทโดย ชาลิซ เธียรอน



        น่าจะเป็นบทบาทหนึ่งในอาชีพการแสดงของชาลิซ เธียรอน ที่เธอแทบอยากจะลบล้างไปจากประวัติของเธอ เพราะเป็นหนังที่ล้มเหลวทั้งด้านรายได้และเสียงวิจารณ์ เป็นอีกหนึ่งตะปูที่ตอกปิดฝาโลงอนาคตของหนังซูเปอร์ฮีโร่ฝ่ายหญิง หนังดัดแปลงมาจากการ์ตูนทีวีชื่อเดียวกัน ออกฉายทางช่องเอ็มทีวี ปี 1991 - 1995 , อีออน ฟลักซ์ คือมือสังหารหญิงของกลุ่มกบฏ เดอะ โมฮิกัน ที่ต้องการล้มล้างอำนาจรัฐบาล ภารกิจของเธอคือการสังหารผู้นำรัฐบาล แต่แล้วเธอก็ค้นพบความลับจากการสมคบคิดที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังแผนการนั้น

 

9. "มิโฮ" จาก Sin City (2005)
รับบทโดย เดวอน อาโอกิ



          หนังที่มากับความกล้าฉีกแนวของผู้กำกับโรเบิร์ต โรดิเกซ ด้วยการนำเสนอในภาพขาว-ดำ สไตล์ฟิล์มนัวร์ หนังดัดแปลงมาจากการ์ตูนภาพของแฟรงค์ มิลเลอร์ แม้หนังจะได้นักแสดงมีชื่อมาร่วมงานคับคั่ง แต่กับบท มิโฮ ที่รับบทโดย เดวอน อาโอกิ ดาราอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น แม้ไม่ค่อยมีงานแสดงมากนักทั้งก่อนหน้าและหลังบทนี้ แต่กับมิโฮนั้น เดวอน ก็ฝากบทบาทการแสดงไว้อย่างน่าจดจำ เพราะมิโฮนั้นเป็นนักฆ่าสาวจอมซาดิสม์ ผู้มีรสนิยมโหดเหี้ยมกับการเล่นสนุกกับเหยื่อก่อนลงมือปลิดชีวิต เธอจะหลบเลี่ยงการโจมตีของเหยื่ออย่างรวดเร็ว จนเหยื่ออ่อนกำลังแล้วค่อยลงมือสังหารอย่างพึงพอใจ

 

10. "อีเล็กตรา" จาก Elektra (2005)
รับบทโดย เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์



          หนึ่งในหนังซูเปอร์ฮีโร่ฝ่ายหญิงที่โดนต้องคำสาปมาตลอด ไม่มีเรื่องใดประสบความสำเร็จ จนกระทั่ง Wonder woman มาล้างอาถรรพ์ได้สำเร็จในปีที่ผ่านมา ,อีเล็คตรา เป็นนินจาสาวชุดแดง ผู้มีสามง่ามในสองมือเป็นอาวุธคู่ใจ เธอมีภาระหน้าที่ในการปกป้อง คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวกับลูกสาวตัวน้อยของเขา จากเงื้อมมือของกลุ่มนักฆ่าที่มีพลังลึกลับ หนังไม่ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้ และเสียงวิจารณ์ แต่ภาพลักษณ์ของเจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ ในชุดหนังสีแดง ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าดูจากหนังเรื่องนี้

 

11. "โอเร็น อิชิอิ" จาก Kill Bill (2003)
รับบทโดย ลูซี่ ลิว



        หนึ่งบทบาทสำคัญจากหนังสุดโหดในตำนานของผู้กำกับเควนติน ตารันติโน กับภารกิจตามล้างตามเช็ดบรรดาศัตรูคู่อาฆาตของเดอะ ไบรด์ และเป้าหมายแรกของเดอะ ไบรด์ ก็คือ โอเร็น อิชิอิ เธอเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม  เธอไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ก่อตั้งร่วมขององค์กรไวเปอร์เท่านั้นเธอยังเป็นเจ้าแม่ของยากูซ่าโตเกียว และมีความสามารถรอบตัว เชี่ยวชาญการใช้ดาบซามูไร เป็นนักแม่นปืนระยะไกล หรือกระทั่งการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เป็นมือสังหารที่เลือดเย็นแทบไม่ได้เห็นโอเร็น แสดงสีหน้าสะทกสะท้านไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ

 

12. "T-X" จาก Terminator 3: Rise of the Machines (2003)
รับบทโดย คริสตานน่า โลเค็น



         เป็นอีกหนึ่งบทบาทที่น่าสงสารของนักแสดงสาวผู้นี้ คริสตานน่า โลเค็น เธอได้รับโอกาสครั้งสำคัญในการเป็น T-X หุ่นสังหารตัวร้ายในหนังภาค 3 ของแฟรนไชส์ฮิตตลอดกาล และเธอเป็นหุ่นเพศหญิงตัวเดียวในแฟรนไชส์นี้ด้วย T-X ได้รับการโปรแกรมมาให้ตามล่าสังหารจอห์น คอนเนอร์ และมนุษย์ทุกผู้ที่เข้ามาขัดขวาง T-X มีความสามารถเช่นเดียวกับ T-1000 ในการเปลี่ยนรูปร่างตัวเองเป็นรูปลักษณ์อะไรก็ได้ แต่ภาพลักษณ์ตอนที่เป็นสาวสวยนี่แหละดูดีสุดแล้ว เสียดายที่หนังไม่ประสบความสำเร็จ หลังจากเรื่องนี้เธอก็ไม่ได้รับบทสำคัญอีกเลย

 

13. "ซาแมนธา เคน" จาก The Long Kiss Goodnight (1996)
รับบทโดย จีน่า เดวิส



          ผลงานในยุคขาขึ้นของผู้กำกับสายบู๊ เรนนี่ ฮาร์ลิน ที่จับเอาจีน่า เดวิส ภรรยาของเขาในขณะนั้นมารับนำ เป็น ชาร์ลี แม่บ้านที่ดูสงบเรียบร้อยใจเย็น แล้ววันดีคืนดีความทรงจำในอดีตเธอก็ฟื้นกลับมา ว่า เธอเคยเป็นมือสังหารของซีไอเอ นาม ซาแมนธา เคน  หนึ่งในนักฆ่าหญิงของฮอลลีวู้ด ที่เท่และน่าจดจำ , จีน่า เดวิส โชว์ดีกรีนักแสดงระดับออสการ์ แสดงเป็นสาว 2 บุคลิกในเรื่องเดียว จากสาวเรียบร้อยแล้วเปลี่ยนลุคมาเป็นนักฆ่าหญิงจอมโหด เปลี่ยนจากผมยาวดำ  มาเป็นผมบลอนด์ซอยสั้น ทามาสคาร่าดำปี๋แล้วดูโหดขึ้นชัดเจน

 

14. "แม็กกี้" จาก Point Of No Return (1993)
รับบทโดย บริดเจ็ต ฟอนด้า



           หนังรีเมค "Nikita"ผลงานเรื่องดังของ ลุค เบซอง พอมาเป็นเวอร์ชั่นฮอลลีวู้ด ก็ได้   จอห์น แบดแฮม มารับหน้าที่กำกับ แล้วเปลี่ยนชื่อตัวเอกของเรื่องเป็น แม็กกี้ เฮย์วาร์ด , เธอเป็นสาวขี้ยาที่ต้องรับโทษหนักจากคดียิงตำรวจตาย แต่แล้วทางการก็ยื่นข้อเสนอให้เธอ ด้วยการเป็นมือสังหารไร้ตัวตนของทางการแลกกับการไม่ต้องรับโทษ , นับว่าเป็นการเปลี่ยนลุคของบริดเจ็ต ฟอนด้า จากดาราประจำในหนังวัยรุ่นที่กลายมาสาวบู๊ในมาดนักฆ่ามืออาชีพ

 

15. "เอลเลน" จาก The Quick and the Dead (1995)
รับบทโดย ชารอน สโตน



             หนังคาวบอยเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่เป็นผลงานกำกับของ แซม ไรมี่ , ชารอน สโตน รับบทนำเป็น เอลเลน ฉายา "เดอะ เลดี้" เธอเป็นสาวแปลกหน้าที่เข้ามาในเมืองเล็ก ๆ ในระหว่างที่มีการแข่งขันดวลปืน ก่อนจะเผยจุดประสงค์การมาของเธอว่าต้องการแก้แค้นฆาตกรที่ฆ่าพ่อของเธอ , บทเอลเลน เป็นความพยายามของชารอน สโตน ที่ต้องการสลัดภาพลักษณ์ของสาวเซ็กซี่ ที่ติดตัวเธอมาตั้งแต่ตอนแจ้งเกิดใน Basic Instinct(1992)