หลากเรื่องราวของ "ไวเบรเนียม" ในจักรวาลมาร์เวล
แม้ว่าเราจะรู้จักไวเบรเนี่ยมว่าเป็นโลหะพิเศษที่มีแหล่งกำเนิดในวาคานด้า แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไวเบรเนี่ยม ถือกำเนิดในจักรวาลมาร์เวลมาก่อนตัว แบล็ค แพนเธอร์ เสียด้วยซ้ำ ไวเบรเนี่ยม ในจักรวาลมาร์เวลไม่ได้ถูกจำกัดบทบาทอยู่แค่ในเรื่องราวของ แบล็ค แพนเธอร์ แต่กลับมีผลกระทบและถูกพูดถึงในฐานะโลหะล้ำค่าของจักรวาลมาร์เวล ที่บรรดาเหล่าร้ายหลายรายต่างต้องการครอบครอง และพาดพิงโยงไยไปถึงซูเปอร์ฮีโร่เกือบทุกตัวในจักรวาลมาร์เวล บทความนี้หยิบเรื่องราวสำคัญในจักรวาลมาร์เวล ที่พูดถึงไวเบรเนี่ยมไว้ มาเล่าให้ฟังกัน หลาย ๆ เรื่องก็ทำให้เรารู้จักคุณสมบัติที่น่าทึ่งของเจ้าโลหะมหัศจรรย์นี้กันมากขึ้นครับ
1. ไวเบรเนี่ยมมี 2 ประเภท แตกต่างแหล่งกำเนิดและมีคุณสมบัติแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เอ้า!ค่อย ๆ งาน อย่าเพิ่งงงตั้งแต่ข้อแรก ตัวแรก Vibranium สะกดด้วยตัว V ใหญ่ ตัวนี้เรารู้จักกันดีแล้วล่ะ เพราะเป็นไวเบรเนี่ยมจากวาคานด้า ขุดมา จากเหมืองของกษัตริย์ทีชัลล่านั่นแหละ มีคุณสมบัติในการดูดซับแรงกระแทก แรงสั่นสะเทือน มีความทนทานสูง เป็นโลหะที่หายากมาก และส่วนใหญ่ถูกใช้ไปในอุตสาหกรรมทางทหาร ตัวอย่างเช่นโล่ของกัปตันอเมริกา
อีกประเภทหนึ่ง vibranium สะกดด้วย v ตัวเล็ก หายากกว่ามาก เพราะพบได้ในทวีปแอนตาร์กติกเท่านั้น คุณสมบัติตรงกันข้ามกับไวเบรเนี่ยมในวาคานด้าโดยสิ้นเชิง เพราะมันไม่ได้ดูดซับแรงสั่นสะเทือน แต่เป็นตัวสร้างแรงสั่นสะเทือน มี สนามพลังสั่นสะเทือนของตัวเองและไปทำลายพันธะเคมีของวัตถุอื่น ทำให้วัตถุหรือโลหะนั้นๆ แตกหรือหลอมละลาย ไวเบรเนี่ยม ตัวนี้จึงมักรู้จักกันในนาม "anti-metal" ความสามารถของมันก็ช่างน่ากลัว ขนาดที่ว่าเอาชนะ โลหะอดาแมน เทียม โลหะที่เป็นเล็บของวูล์ฟเวอรรีนได้ด้วย
2. vibranium ถูกพูดถึงครั้งแรกเมื่อ 50 ปีก่อนในการ์ตูน Daredevil#13 ปรากฏอยู่ในเรื่องราวของ The Secret of Ka-Zar’s Origin!การ์ตูนสมัย 50 ปีก่อน อาจจะฟังดูน้ำเน่าหน่อยนะ เล่าถึงโจรร้ายรายหนึ่งตื่นขึ้นมากลางป่า แล้วก็ได้พบกับ มนุษย์วานรนาม คาซา ทั้งคู่ได้ต่อสู้กันเป็นเวลายาวนาน แต่ประโยคสนทนาระหว่างต่อสู้ ทำให้เผยความจริงว่าทั้งคู่คือพี่น้องที่พรากจากกันตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งคู่มีเหรียญที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะเป็นสมบัติมีค่าที่พกติดตัว ที่ได้รับจากพ่อของพวกเขา พ่อของทั้งคู่คือนักสำรวจที่ไปเจอแร่ประหลาดในทวีปแอนตาร์กติก เป็นโลหะที่หลอมละลายโลหะอื่นได้ เขารู้ว่านี่คือการค้นพบครั้งสำคัญ และมันเป็นสิ่งมีค่ามาก พ่อจึงทำกุญแจพิเศษในรูปเหรียญสองอัน แยกให้ลูกชายเก็บรักษาไว้คนละอัน และนี่คือการปรากฏตัวครั้งแรกของ vibranium
ส่วน Vibranium วาคานด้านั้นถูกพูดถึงใน 6 เดือนต่อมาในการ์ตูน Fantastic Four #53. The Way It Began…! เหล่าแฟนตาสติก4 เดินทางมาวาคานด้าและได้พบกับแบล็ค แพนเธอร์ , ทีชัลล่าได้เล่าเรื่องการ สวรรคตของกษัตริย์ทีชาก้าให้ทั้ง 4 ได้ฟัง ในฉบับการ์ตูนนั้น ทีชาก้าเสียชีวิตเพราะโดนยูลิสซี คลอว์ยิงตาย เพราะเขาปกป้องขุมทรัพย์ไวเบรเนี่ยม หลังจบเรื่องเล่า แฟนตาสติก4 และ แบล็ค แพนเธอร์ก็มีภารกิจต้องไปรับมือการโจมตีของ ยูลิสซี คลอว์
3. ไม่มีใครทราบจุดกำเนิดที่แท้จริงของไวเบรเนี่ยม รู้เพียงแค่ว่าไวเบรเนี่ยมทั้ง 2 แหล่งนั้น ถือกำเนิดมาจากอุกาบาตลูกใหญ่ที่พุ่งชนโลกเมื่อหลายพันปีมาแล้ว นักวิทยาศาสตร์พยายามศึกษาค้นคว้าหาแหล่งที่มาของมันแต่ก็ยังไม่ได้คำตอบ รู้เพียงแค่ว่ามันมาจากดาวดวงอื่น ไวเบรเนี่ยมเคยมึการค้นพบบนดาวดวงอื่นมาก่อน และเคยถูกอ้างในจักรวาลมาร์เวลมาแล้วในหนังสือการ์ตูน Captain Marvel #5,ตอนที่ 5 Higher, Further, Faster, More ในตอนนี้ แครอล เดนเวอร์ ชื่อจริงของกัปตันมาร์เวล พบการเชื่อมโยงของไวเบรเนี่ยมบนโลกกับ ไวเบรเนี่ยมบน "ทอร์ฟา" ดาวเคราะห์แห่งสารพิษ เมื่อเธอพยายามช่วยชีวิตมนุษย์ต่างดาวที่ถูกสลัดอากาศโจมตีขณะหลบหนี เธอสืบหาต้นตอของการไล่ล่านี้แล้วพบว่า มนุษย์ต่างดาวหนีมาจากเหมืองไวเบรเนี่ยมบนดาวทอร์ฟา เหมืองนี้ควบคุมดูแลโดย เจสัน แห่ง สปาร์ทักซ์ (พ่อของสตาร์ลอดร์ดจาก Guardians Of The Galaxy)การทำเหมืองของเขาก่อให้เกิดสารพิษปกคลุมดาวและเป็นอันตราย ต่อประชาชนบนดาวนั้น จุดมุ่งหมายของเจสัน คือใช้ไวเบรเนี่ยมสร้างกองยานอวกาศที่ไม่สามารถทำลายได้ กัปตันมาร์เวล เข้ายึดกองยานของสปาร์ทักซ์แล้วยิงทำลายเหมืองไวเบรเนี่ยมเสีย ฝังโลหะไวเบรเนี่ยมไว้ในจุดที่ลึกที่สุด แล้วก็ขโมยกองยานอวกาศหลบหนีไป
4. โล่ของกัปตันอเมริกาไม่ใช่ไวเบรเนี่ยม 100 % แฟนๆ ของซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลหลายคนคิดว่าโล่นี้คือไวเบรเนี่ยมจากวาคานด้าแท้ๆ ที่จริงแล้ว มันถูกสังเคราะห์ขึ้นโดย ดร.ไมรอน แม็คเลน ที่พยายามสังเคราะห์วัตถุที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่า "อดาแมนทีน" หรือที่รู้จักกันในนาม "โลหะของพระเจ้า" โลหะลึกลับที่เป็นที่มาของชื่อ "อดาเแมนเทียม" ดร.ไมรอน หักโหมทำงานไม่ได้หลับไม่ได้นอนอยู่หลายวันกับการเอาวัตถุตัวนั้นมาผสมตัวนี้ จนผลอยหลับไป ระหว่างที่เขาหลับอยู่นั้น ส่วนผสมคู่หนึ่งก็เกิดสัมฤทธิ์ผล ก่อเกิดอัลลอยที่แข็งแรงทนทานอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ ดร.ไมรอน ก็ไม่รู้แล้วว่ามันเกิดจากส่วนผสมใดบ้าง กลายเป็นโล่ที่มีความพิเศษเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีใครสามารถทำเลียนแบบได้อีก แต่สุดท้ายกัปตันอเมริกาก็ได้โล่ที่เป็นไวเบรเนี่ยมวาคานด้าแท้ๆ จาก แบล็ค แพนเธอร์ หลังจากเขาไปช่วยภารกิจในวาคานด้า
5. ไวเบรเนี่ยม จุดกำเนิด อดาแมนเทียม เป็นผลงานจาก ดร.ไมรอน เช่นเดียวกัน หลังจากสร้างโล่ของกัปตันอเมริกาได้แล้ว เว้นระยะไปนับทศวรรษที่ ดร.ไมรอน ยังคงแก้ไขความผิดพลาดของตัวเอง ที่ไม่สามารถจำสูตรในการสร้างโล่กัปตันได้ ดร.ไมรอน ก็ประสบความสำเร็จในการสร้าง "อดาแมนเทียม" โลหะ ที่บริสุทธิ์ที่สุด หายากที่สุด และยังแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลมาร์เวล อดาแมนเทียม ถูกนำไปปลูกถ่ายลงบนโครงกระดูกของวูล์ฟเวอรีน ในโครงการทางทหาร "Weapon X" ผลสำเร็จทำให้ถือกำเนิดซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นตัวแสบรายหนึ่งของมาร์เวล และมีกรงเล็บที่คมและแข็งแกร่งที่สุด และก็มีผู้สงสัยว่า อดาแมนเทียม ของวูล์ฟเวอรีน กับโล่ที่สร้างจากไวเบรเนียมสังเคราะห์ของ กัปตันอเมริกา อันไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน มีคำตอบใน Avengers vs. X-Men #3 เมื่อวูลฟ์เวอรีนปะทะกับกัปตันอเมริกา กรงเล็บของวูลฟ์เวอรีนฟาดเข้าที่โล่ของกัปตัน ผลคือโล่กลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนให้เห็นบนลวดลายธงชาติอเมริกัน
6. ถึงแม้ว่ายูลิสซี คลอว์ จะค้นพบขุมทรัพย์ไวเบรเนี่ยมในวาคานด้าตั้งแต่ยุค 60s แล้ว แต่กษัตริย์ทีชัลล่าก็ยังคงปิดเป็นความลับไว้จนกระทั่งปี 1998 ในหนังสือการ์ตูน Black Panther #1 เมื่อทีชัลล่าเปิดตัวด้วยภาพลักษณ์สุดเท่ เขา มากับรถลิมูซีนเงาวับ และลงมาในชุดสูทเนี้ยบ ในเล่มนี้อ้างถึงเรื่องราวก่อนหน้าว่า ทีชัลล่าได้เปิดเผยให้โลกได้รู้จักกับไวเบรเนี่ยมก่อนหน้านี้มาได้ 10 ปีแล้ว วาคานด้าได้สร้างผลกำไรมากมายจากการขายไวเบรเนี่ยมออกสู่ตลาดโลก และนำเม็ดเงินไปปรับปรุงโครงสร้างประเทศให้รุดหน้าทางด้านเทคโนโลยี ถึงจุดนี้ ทีชัลล่าจึงเป็นบุรุษที่รวยที่สุดในจักรวาลมาร์เวล ทิ้งห่างโทนี่ สตาร์ค แบบไม่เห็นฝุ่น ว่ากันว่าทีชัลล่ามีทรัพย์สินส่วนพระองค์มากกว่า 500,000 ล้านเหรียญ เทคโนโลยีในวาคานด้าเจริญถึงขีดสุดในตอน Secret Invasion เมื่อโดน สครัลบุกรุกประเทศ ชาววาคานด้าก็สามารถยับยั้งกันได้เองโดยไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากเหล่าซูเปอร์ฮีโร่คนไหนเลย
7. มูลค่าของไวเบรเนี่ยม เห็นราคาแล้วจะรู้สึกว่ามูลค่ามันบ้าบอมาก ราคาซื้อขายของไวเบรเนี่ยมจากวาคานด้าคือ 10,000 เหรียญ ต่อ 1 กรัม หรือกรัมละราว ๆ 3 แสนบาท ในเหมืองของวาคานด้ามีไวเบรเนี่ยมอยู่ประมาณ 10,000 ตัน คำนวณกันดูเองแล้วกันว่าทั้งหมดนั่นจะตีคำนวณเป็นเงินได้กี่ล้านบาท ด้วยความร่ำรวยระดับนี้ วาคานด้าจึงเปลี่ยนภาพจากประเทศเล็ก ๆ ด้อยพัฒนาในทวีปแอฟริกากลายเป็นประเทศมหาอำนาจและเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีของโลก ที่เข้มแข็งทางด้านทหารด้วยเช่นกัน จากที่กล่าวถึงในข้อที่แล้ว เมื่อโดนต่างดาวเผ่าสครัลโจมตี แล้วพวกมันก็พ่ายแพ้อย่างน่าอายก็เพราะเทคโนโลยีทางด้านป้องกันประเทศของวาคานด้า ยานบินของพวกมันโดนแสงเลเซอร์ยิงจากลูกตาของรูปปั้นแบล็คแพนเธอร์ยักษ์ เหล่าพาหนะรบบนพื้นก็ไม่มีทางได้เฉียดใกล้ เพราะโดนปืนลำแสงยิงจากระยะไกลหมด เหล่าทหารสครัลโดนสังหารหมดสิ้น กองซากศพกองเป็นสุมเป็นภูเขา มีการพ่นสีสเปรย์ประกาศศักดาไว้บนกำแพงเหนือซากศพว่า "นี่คือสิ่งทีเกิดขึ้นจากการที่พวกแกรุกรานวาคานด้า"
8. บริษัทพลังงานร็อกซอน อ้างว่าค้นพบไวเบรเนียมชนิดใหม่ ในหนังสือการ์ตูน Amazing Spider-Man Annual #25 ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ได้ไปร่วมงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของร็อกซอน ซึ่งเป็นบริษัทที่มีฉากหลังอันเลวร้าย ที่ทำธุรกิจโดยไม่สนคำว่าศีลธรรมและไม่ค่อยแคร์กฏหมายนัก ร็อกซอน บริหารโดยจอมฉ้อฉล โจนาส เฮลส์ , ในงานนี้โจนาส นำเสนอ "นูฟอร์ม" ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สังเคราะห์มาจากไวเบรเนี่ยม ที่เป็นวัสดุที่เหมาะจะนำไปในใช้ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ สร้างที่อยู่อาศัย และยินดีขายให้กับผู้ที่ประมูลได้ โจนาส อ้างอิงถึงข้อดีต่าง ๆ นานาของนูฟอร์ม แต่หลีกเลี่ยงที่จะเปิดเผยข้อด้อยว่า นูฟอร์ม มีคุณสมบัติของ แอนตาร์คติก ไวเบรเนี่ยม ที่มีคุณสมบัติในการหลอมละลายโลหะอื่น ซึ่งไม่เหมาะสม แน่ที่จะเอาไปสร้างที่พักอาศัยของมนุษย์ งานนี้ สไปเดอร์แมน จึงต้องร่วมทีมกับ แบล็ค แพนเธอร์ ในการเปิดโปงความขี้โกงของโจนาส เฮลส์
9. ไวเบรเนี่ยมแข็งแกร่งทนทานที่สุด ต่อให้ทีมอเวนเจอร์ และ เอ็กซ์เม็นรวมพลังกันก็ไม่สามารถทำลายได้ แต่การจะทำลายก็เป็นได้อยู่แต่ก็เป็นเรื่องยาก โอกาสที่มองเห็นคือใช้ค้อนโยเนียร์ และรวมพลังทั้งหมดของโอดินมาที่ค้อนก็เป็นไปได้อยู่ จากที่เคยเห็นตัวอย่างมาแล้วจากการปะทะกันของธอร์และกัปตันอเมริกา ค้อนโยเนียร์ของธอร์ก็เคยทำให้โล่ของกัปตันอเมริกาเป็นรอยได้ ก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าถ้าใช้พละกำลังที่มากพอโล่ไวเบรเนี่ยมก็มีสิทธิ์ที่จะถูกทำลายลงได้
10. แม้สรรพคุณของไวเบรเนี่ยมจะเป็นที่รู้กันกว้างขวาง แต่ก็ยังมีคุณสมบัติที่ยังไม่ถูกค้นพบอีกมาก กว่าศตรวรรษของวาคานด้าที่พยายามศึกษาค้นคว้าก็ยังรู้ไม่หมด แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ได้ก็คือ ไวเบรเนี่ยมมีคุณสมบัติอันน่าสนใจและเป็นอันตรายอย่างมาก คือการเอาไปใช้ในการขยายพลังอำนาจลึกลับ ถ้าใช้ไปในทางศาสตร์มืดนี้ พลังอำนาจของไวเบรเนี่ยมจะเกินควบคุมและไม่เสถียร และไปถึงจุด "ระดับอนันต์อย่างแท้จริง" คุณสมบัติในข้อนี้ถูกปิดเป็นความลับมาตลอด จนกระทั่งดอกเตอร์ดูมสืบรู้ความสามารถข้อนี้ของไวเบรเนี่ยม และวางแผนเข้ายึดครองวาคานด้าผ่านพรรคการเมืองที่ชื่อว่า "เดสทูรี" และทำให้เขาเข้าถึงเหมืองไวเบรเนียม แม้คุณสมบัติทางด้านมืดนี้ยังไม่เคยถูกทดสอบและไม่สามารถประเมินขีดความสามารถของมันได้ แต่ทีชัลล่าก็คาดว่าเมื่อดูมเข้าใช้พลังด้านมืดของไวเบรเนี่ยมแล้วจะทำให้ดูมกลายเป็น "ขุมพลังที่มีพละอำนาจมากที่สุดที่เคยปรากฏบนโลกมนุษย์"
11. ต่อเรื่อง ดร.ดูม ในหนังสือการ์ตูน "Doomwar" กับปฏิบัติการชิงไวเบรเนี่ยมจากห้องนิรภัยของวาคานด้า ที่มีล็อคหลายชั้น ดร.ดูม ผ่านมาได้ทุกชั้นล็อค จนมาถึงด่านสุดท้ายที่ต้องเจอกับคำถามปริศนา "ผู้ที่มีปนิธานบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งมารยา เท่านั้นจึงจะผ่านไปได้" เมื่อผ่านประตูนี้ไป ดูมก็ได้พบกับ "บาสต์" เทพเจ้าเสือดำ บาสต์ออกมาขู่สำทับดูมว่า ถ้าจิตใจของดูมไม่บริสุทธิ์ตามกฏเกณฑ์ก็จะโดนขย้ำ ว่าแล้วบาสต์ก็จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของดูม แล้วก็เห็นวีรกรรมโหดร้ายเหนือคณานับที่ดูมเคยก่อไว้ ซึ่งดูมมั่นใจในการกระทำที่ผ่านมาของเขาว่ากระทำไปด้วยความเชื่อมั่นแน่วแน่ แม้ว่ามันจะเป็นการกระทำอันชั่วร้าย ซึ่งกฏของบาสต์ก็ไม่ได้ยกเว้นในข้อนี้ จึงทำให้ดูมมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์และผ่านเข้าห้องนิรภัยไปได้ เมื่อดูมได้ครอบครองไวเบรเนี่ยมทั้งหมดของวาคานด้า เขาใช้มันสร้างกองทัพหุ่นยนต์ที่ชื่อ "ดูมบอต" แล้วกระจายกำลังไปทั่วโลก แล้วยังใช้ไวเบรเนี่ยมที่ได้มาสร้างจักรกลที่ตามหาไวเบรเนี่ยมทั่วโลกมาครอบครองไว้คนเดียวอีกด้วย ในวันที่ดูมประกาศชัยชนะ เขาชี้นิ้วประณามกษัตริยย์ทีชัลล่าที่ละโมภเห็นแก่ตัวที่เก็บงำไวเบรเนี่ยมไว้กับตัวมาตลอด ทีชัลล่าไม่ตอบโต้ใดๆ ต่อดูม แต่เขาทำเพียงกดปุ่มนิรภัยที่ทำให้ ไวเบรเนี่ยมทั้งหมดไร้ประสิทธิภาพกลายสภาพเหมือนก้อนหิน แล้วสุดท้ายทีชัลล่าก็กลับมามีชัยเหนือดูม แต่ปัญหาใหญ่ก็กลับมาที่วาคานด้า กลายเป็นประเทศที่ไร้ซึ่งไวเบรเนี่ยมและไม่มีเม็ดเงินมาขับเคลื่อนประเทศอย่างเช่นเคย
12. เรารู้กันมาแต่เรื่องคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งของโลหะไวเบรเนี่ยม แต่เรายังไม่เคยรู้เลยว่าไวเบรเนี่ยมนี่ก็สามารถแผ่กัมมันตภาพรังสีที่เป็นอันตรายได้ด้วย ถ้าควบคุมไม่ดีก็จะมีผลต่อบรรดาสิ่งมีชีวิตและพืชพันธุ์ธัญญาหารด้วยเช่นกัน ในหนังสือการ์ตูน Black Panther #7 ทีชัลล่าได้ค้นพบบันทึกของบรรพบุรุษในช่วงที่ค้นพบไวเบรเนี่ยมใหม่ๆ ในครั้งนั้นกัมมันภาพรังสีของไวเบรเนี่ยมได้ส่งผลต่อสภาพจิตมนุษย์ทำให้ผู้คนมีจิตใจชั่วร้าย ในยุคนั้นผู้คนเรียกไวเบรเนี่ยมว่า "แร่เรืองแสง"กัมมันตภาพรังสีของไวเบรเนี่ยม ถูกพูดถึงอีกครั้งในหนังสือการ์ตูน Marvel Super-Heroes Vol. 3 #4 ในเรื่องของซูเปอร์ฮีโร่นาม "สปีดบอล" หญิงสาวนาม "ชาร่า" ต้องกลายเป็นหญิงพิการนั่งรถเข็นตลอดเวลา เหตุจากความ ผิดพลาดของพ่อเธอ ที่ทดลองเกี่ยวกับกัมมันภาพรังสีของไวเบรเนี่ยม เธอต้องกลายเป็นมะเร็งและเหลือเวลาอยู่บนโลกอีกไม่นาน เรื่องราวรู้ถึงสปีดบอล เขาจึงมาคอยดูแลและพาเธอไปไหนมาไหน ทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกัน วันหนึ่งชาร่า ได้ดูข่าวเรื่องแผ่นดินไหวใน "ควาร์เรีย" ประเทศบ้านเกิดของเธอ ข่าวนี้ช็อคความรู้สึกเธอมาก และกลายเป็นจุดปะทุพลังพิเศษของเธอ กลายร่างให้เธอกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่หญิง "ไวบราเนีย" ชาร่า ควบคุมร่างกายไม่ได้และเริ่มยิงลูกไฟพลังไวเบรเนี่ยมไปทั่ว และตึกที่เธออาศัยก็เริ่มพังทลายลงมา สติกลับคืน ไวบราเนีย เข้าไปช่วยผู้พักอาศัยแต่เศษอิฐปูนก็ทับร่างกายเธอบาดเจ็บ จบไม่เห็นสนุกเลยเนอะ
13. หลังจากไวเบรเนี่ยมของวาคานด้าไร้ประสิทธิภาพ โลกมนุษย์ก็เริ่มเสาะหาโลหะตัวใหม่มาทดแทน ในหนังสือการ์ตูน Amazing Spider-Man #648 ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ก็ได้พบกับ ซัจจานี แจฟฟรีย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชีวิตต่างดาว เธอกำลังวิเคราะห์โลหะจากต่างดาวอยู่ โลหะชนิดนี้มีคุณสมบัติตรงข้ามกับไวเบรเนี่ยมของวาคานด้า แทนที่มันจะดูดซัแรงสั่นสะเทือน แต่กลับสะท้อนกลับออกมาเป็นคลื่นเสียงในระดับที่ทำร้ายแก้วหูมนุษย์ ปีเตอร์ กังวลว่าคุณสมบัติข้อนี้มันจะนำไปพัฒนาเป็นอาวุธที่อันตรายได้ถ้าตกอยู่ในมือคนร้าย เราเรียกเจ้าโลหะตัวนี้ว่า "รีเวอเบียม"
ความกังวลของปีเตอร์ ก็เป็นจริงเมื่อ ฮ็อบโกลิน วายร้ายตัวฉกาจจู่โจมมาฉก"รีเวอเบียม" ฮ็อบโกลิน มีความสามารถในการเปล่งคลื่นเสียงโซนิค ทำให้สไปเดอร์แมนพลาดท่าและเสียรีเวอเบียมไป สไปเดอร์แมนกลับไปตั้งหลักใหม่ และสร้างชุดใหม่ขึ้นมาที่มีความสามารถในการหักเหคลื่นแสงและคลื่นเสียง ทำให้เขาล่องหนได้ แล้วยังผลิตอาวุธใหม่เป็นแมงมุมโลหะที่หลอมละลายโลหะอื่นได้ ในช่วงที่กำลังต่อสู้ชุลมุนกันนั้น ฮ็อบโกลินก็โจมตีสไปเดอร์แมนด้วยคลื่นเสียงโซนิคและรีเวอเบียม สไปเดอร์แมนตอบโต้กลับด้วยไวเบรเนียมจากแอนตาร์คติก มาหลอมละลายรีเวอเบียมเสีย ทำให้เอาชนะฮ็อบโกลินไปได้
14. ระหว่างที่กัปตันอเมริกาต่อสู้กับขบวนการไฮดรา เขาได้บังเอิญทำโล่กัปตันหล่นหายไปในมหาสมุทรแอตแลนติก เขาต้องกลับไปใช้โล่ธรรมดาเก่าๆ ไปชั่วคราว ระหว่างนั้นโทนี่ สตาร์ค ก็พยายามทุ่มเงินและเวลาในการค้นหาโล่ให้กับกัปตัน แล้วสุดท้ายก็หาเจอ แต่มันร่วงหล่นลงบนดาดฟ้าเรือ แล้วก็แตกออก โทนี่ สตาร์ค สงสัยว่าโล่ไวเบรเนี่ยมแตกได้อย่างไรกัน เขาเอาไปเข้าแลบค้นหาคำตอบแล้วก็พบว่า มันมีโมเลกุลย่อยที่ไม่สมบูรณ์กระจายอยู่ทั่วแผ่นโล่และเป็นเหตุให้โล่เปราะบาง การค้นพบนี้น่าสะพรึงกลัวนัก เพราะมันสามารถเอาแนวคิดไปพัฒนาเป็นอาวุธปืนยิงคลื่นช็อคเวฟที่ทรงพลังได้ และอานุภาพของมันสามารถทำลายไวเบรเนี่ยมลงได้ง่ายๆ สตาร์คเรียกการค้นพบนี้ว่า "มะเร็งโซนิค"กัปตันอยากจะแจ้งข่าวนี้ให้กับทีชัลล่าได้รับรู้ เพื่อหาทางป้องกันเหมืองไวเบรเนียมของเขา ระหว่างเดินทางไปวาคานด้า กัปตันได้พบกับยูลิสซี คลอว์ ทั้งคู่ได้ต่อสู้กัน ยูลิสซี ยิงปืนแสงโซนิคเวฟใส่กัปตัน เขาเอาโล่รับ แต่กลับกลายเป็นว่าคลื่นแสงของยูลิสซีกลับช่วยเชื่อมรอยแตกของโล่เข้าหากัน และรอบนี้มีประสิทธิภาพในการดูดซับคลื่นแสงช็อคเวฟได้อีกด้วย
15. ด้วยความร่ำลือถึงประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของไวเบรเนี่ยมจากโลกการ์ตูนออกมาสู่โลกจริง นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามสังเคราะห์โลหะที่มีคุณสมบัติได้เทียบเท่าไวเบรเนี่ยมกันอย่างจริงจัง จนกระทั่ง พฤษภาคม 2016 บริษัท ไฮเปอร์ลูป เทคโนโลยีการขนส่ง ก็ได้ประกาศว่าบริษัทเขาได้สร้างโลหะที่มีชื่อว่า "ไวเบรเนี่ยม" ออกมาแล้ว มันมีความคงทนแข็งแกร่งกว่าอลูมิเนียมถึง 8 เท่า แข็งแกร่งกว่าเหล็กถึง 10 เท่า และจะนำไปใช้ในวิทยาการขนส่ง โดยสาร ไวเบรเนี่ยมจะนำไปสร้างกระสวยโดยสาร ในอนาคตมนุษย์เราจะเข้าไปอยู่ในกระสวยโดยสารแล้วถูกยิงส่งไปตามท่อใหญ่ด้วยความเร็ว 1,200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือว่าในอนาคตเราได้จะได้เดินทางไปทำงานกันแบบนี้นะ