2 นักรบตัวจริงจาก 12 Strong เล่าประสบการณ์ในสนามรบ
มาร์ค นัตช์ เป็นชาวแทมปาโดยกำเนิด เขาโตมาในไร่ปศุสัตว์ เป็นนักขี่ม้าผู้ชำนาญถึงขั้นเคยเข้าแข่งขันโรดีโอมาแล้วด้วย ต่างกับบ็อบ เพนนิงตัน ตลอดชีวิตเคยขี่ม้ามาแค่ครั้ง สองครั้งแค่นั้นเอง แต่แล้วทั้งคู่กับพวกอีก 10 คน ในนามหน่วย ODA595 ทั้งหน่วยต้องผ่านประสบการณ์เลวร้ายในระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ที่ต้องทนปวดร่างกับการนั่งบนหลังม้าเป็นเวลานานๆ ต้องเจอกับม้าเจ้าอารมณ์ แล้วก็ต้องคอยระมัดระวังการซุ่มโจมตีจากเหล่าข้าศึก ถึงแม้วันนั้นปฏิบัติการของพวกเขาจะเป็นภารกิจลับ แต่มาถึงวันนี้พวกเขาก็ได้รับการสดุดีสรรเสริญเกียรติในฐานะผู้กล้า ที่มีชัยให้ประเทศชาติ ทางการได้สร้างอนุสาวรีย์เป็นหุ่นทหารม้าตั้งไว้บริเวณ ลิเบอร์ตี้ปาร์คในนิวยอร์ค
จากวีรกรรมเมื่อ 17 ปีก่อน เรื่องราวของพวกเขาถูกถ่ายทอดลงมาเป็นหนังสือและถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ "12 Strong" มาร์ค นัตช์ และ บ็อบ เพนนิงตัน ก็ได้รับเชิญให้มาเป็นเกียรติในการฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ด้วย มาร์ค บอกว่าเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นเทพเจ้าธอร์ มารับบทเป็นตัวเขาในหนัง "ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่า วันหนึ่งผมจะได้เห็นคริส เฮมส์เวิร์ธ มารับบทเป็นตัวผมในหนัง"
มาร์ค นัตช์ และ บ็อบ เพนนิงตัน ยังย้อนเล่าความทรงจำในวันนั้นให้ฟังว่า ฝ่ายตรงข้ามเราในวันนั้นคือ กลุ่มผู้ยึดมั่นในศาสนาอิสลาม (The Islamic fundamentalist group) พวกเขาได้ยึดครองพื้นที่ในอัฟกานิสถาน เดิมเป็นที่มั่นของเหล่าพันธมิตร และพวกนี้ก็ให้ที่พำนักคุ้มกันแก่โอซามา บินลาดิน และกองกำลังอัลเคดา ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 เราต้องไปรวมกำลังกับกองทหารต่อต้านตาลีบัน ที่ขนานนามว่า "เหล่าพันธมิตรทางเหนือ" มันเป็นปฏิบัติการที่บ้าระห่ำมาก ทั้งทีมเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ชินุคจากฐานในอุซเบกิสถานข้ามเทือกเขาฮินดูคุช เพื่อไปที่ฐานบัญชาการของเหล่าพันธมิตร ในวันแรก ๆ เราต้องประเมินขีดความสามารถของพันธมิตร ทั้งฝึกสอนและให้คำแนะนำแก่พวกเขา สอนให้เขารู้จักยุทธวิธีกอริลล่าแทคติก การกำจัดพวกตาลีบันครั้งนี้ต้องพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เบื้องหน้าไม่สามารถยึดตามกลยุทธเดิมๆ ในการรบได้เลย ใน 2 วันแรกของภารกิจ เรามีภาระต่างๆ นานาต้องทำมากมายเพื่อการเตรียมพร้อมกองกำลัง แต่เราต่างไม่รู้เลยว่าที่เราจะเจอหลังจากนั้นคือสภาวะที่แสนสาหัสมาก เพราะเราต้องเจอกับ "ม้า"
บ็อบ เพนนิงตัน เล่าว่า"เดิมทีพวกเรานึกว่าจะได้เดินเท้าไปหากองกำลังท้องถิ่นกัน หรืออย่างน้อยเราอาจจะได้นั่งโตโยต้าไฮลักซ์ อะไรทำนองนี้ แต่กลับกลายเป็นม้าที่ทำการสื่อสารกับมัน และเข้าใจมันได้ยากมาก พวกเราหลายคนปวดหลัง ปวดไปทั้งตัวจากการขี่ม้าเป็นเวลานานๆ" และด้วยขนาดร่างกายของทหารอเมริกันที่ใหญ่โตกว่าชาวอัฟกัน รวมถึงสัมภาระของพวกเขาก็เป็นปัญหาเช่นกัน "เหมือนผมกำลังบดขยี้ม้า" เหตุจากน้ำหนักตัวเขาในขณะนั้นก็ประมาณ 100 กิโลกรัม และสัมภาระในเป้หลังอีกกว่า 20 กิโลกรัม "ม้ามันหงุดหงิดมากครับ มันก็พยายามหันมาแว้งกัดผมอยู่เรื่อยๆ เพราะเดินไปนาน ๆ ขามันก็เริ่มโก่งขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ"
ผู้อำนวยการสร้างเจอร์รี่ บรัคไฮเมอร์ , มาร์ค นัตช์ และ คริส เฮมส์เวิร์ธ
ตรงกันข้ามกับ มาร์ค นัตช์ ซึ่งไม่มีปัญหากับม้า แต่เขาชื่นชอบประวัติศาสตร์มาก "วินาทีที่ผมออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ผมได้มาอยู่ในพื้นที่ต่างวัฒนธรรม ได้มาอยู่ในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์อันยาวนาน ดินแดนแห่งตำนาน ที่เต็มไปด้วยเทือกเขาขรุขระ ผมสนใจประวัติศาสตร์ของชาวมองโกลหรือพวกชนเผ่าที่ใช้ม้าในการเดินทางมาก่อนที่จะมาอยู่กองกำลังพิเศษเสียอีก วันนี้ในวัยกลาง 40 ผมรู้สึกดีที่ได้มาอยู่บนหลังม้าเดินทางไปไหนมาไหนเหมือนกับบรรพชนที่เคยสร้างตำนานเหล่านี้ขึ้นมา" มาร์ค เสริมประสบการณ์ระหว่างอยู่กับพันธมิตรทางเหนือว่า "พวกเราไม่เหมือนทหารราบอเมริกันทั่วไปที่มาพร้อมกับเสื้อเกราะ ในขณะที่ทหารพันธมิตรเหล่านี้ไม่ได้ใส่ มันทำให้เกิดมุมมองที่แตกต่างจากสายตาพวกเขา" แต่ ODA595 มากันตัวเปล่าเหตุเพราะน้ำหนักบรรทุกของเครื่องชินุกมีขีดจำกัด พวกเขาจึงไม่สามารถมาพร้อมเสื้อเกราะได้ ระหว่างที่อยู่ในสนามรบ เหล่าทหารอเมริกันและเหล่าพันธมิตรจึงต้องช่วยระแวดระวังให้กันในระยะประชิด การผ่านช่วงเวลาลำบากมาด้วยกัน จึงเป็นการก่อสัมพันธ์อันดีระหว่างทหารสองชาติพันธุ์
การเอาชัยในภารกิจนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อกลุ่มตาลีบันและอัลเคดา ต่างมีทั้งรถถัง ปืนกล ปืนใหญ่ และอาวุธหนักอีกมากที่กองกำลังโซเวียตทิ้งไว้หลังถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถาน และยังมีจำนวนกองกำลังที่มากกว่าอีกด้วย เมื่อเอาชนะด้วยอาวุธไม่ได้ก็ต้องเอาชนะด้วยกลอุบาย เมื่อฝ่ายพันธมิตรได้เปรียบในเรื่องความคล่องตัวกับการเดินทางด้วยม้า แต่ทางตาลีบันเต็มไปด้วยอาวุธหนัก เคลื่อนที่ได้ช้าลำบาก และไม่สามารถรุกคืบไปได้ในที่แคบ ๆ หรือซอกซอย เป็นปัญหาเดียวกับที่กองทหารโซเวียตเคยประสบ หน่วย ODA595 คอยแจ้งพิกัดของตาลีบันให้หน่วยจู่โจมจากฟากฟ้าทิ้งระเบิด ฝ่ายตาลีบันและอัลเคดาโดนจู่โจมทั้งจากท้องฟ้าและพื้นดินทำให้ต้องยอมจำนนไปในที่สุด
มาร์ค และ บ็อบ เสริมว่า "เรื่องราวในหนังเป็นแค่ส่วนเล็กน้อยจากเหตุการณ์จริง และเสริมเติมแต่งเพื่อความสนุก พวกเราไม่สามารถเข้าไปให้คำแนะนำในการถ่ายทำได้มากพอเท่าที่พวกเราอยากช่วย แต่สุดท้ายหนังเขาก็ทำออกมาได้ไม่เลวนะ โดยเฉพาะการแสดงของตัวละครหลัก และการถ่ายทอดจิตวิญญาณของหน่วยกองกำลังพิเศษของพวกเรา" แน่ล่ะ เพราะไมเคิล แชนนอน ผู้มาสวมบทบาทเป็นบ็อบ เพนนิงตัน นั่นก็เคยได้เข้าชิงออสการ์มาแล้ว 2 รอบนะ แต่บ็อบ ก็ยังเปรยทิ้งท้ายว่า "ไมเคิล แชนนอน ที่เล่นเป็นตัวผมน่ะเล่นได้ดีนะ แต่ว่าเหอะ ยังไงผมก็ดูแจ๋วกว่านั้นเยอะ"............ไม่ค่อยขี้คุยเลยนะ
สัมผัสความมันส์ ที่ตัวจริงยังชื่นชมวันนี้กับ "12 Strong 12 ตายไม่เป็น" ทุกโรงภาพยนตร์
ตัวอย่างซับไทย