John Wick: Chapter 3 ใช้ Production Designer คนเดียวกับภาคที่ 2

Movie News4 มกราคม 2561

         แฟนๆ หนังนักฆ่าบ้าระห่ำ แต่รักสุนัขเป็นชีวิตจิตใจ อย่าง "John Wick" เตรียมตีตั๋วรอดูกันได้เลย เพราะล่าสุดทางทางค่าย "Lionsgate" ได้ประกาศวันฉายอย่างเป็นทางการแล้วคือวันที่ 17 พฤษภาคม 2019 และ ได้รับการยืนยันแล้วว่าในภาคนี้จะเป็นการปิดฉากนักฆ่ามือพระกาฬด้วย

หลังจากที่ภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดมันอย่าง John Wick ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายไปทั่วโลกมาแล้วทั้ง 2 ภาค ทีมผู้สร้างก็ยังไม่วางมือง่ายๆ โดยได้วางแผนถ่ายทำภาค 3 เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าในภาคนี้ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) ก็จะกลับมาสวมบทบาท จอห์น วิค แล้วบู๊ระห่ำเลือดสาดเหมือนเดิม ซึ่งเรื่องราวในภาคที่ 3 นี้ ผู้กำกับ แชด สเตเฮลสกี้ (Chad Stahelski) ได้ให้สัมภาษณ์กับทีมงานเว็บไซต์ The Independent โดยได้บอกเล่าถึงรายละเอียดที่น่าสนใจของ John Wick ภาค 3 ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า และปริศนาต่างๆ ที่คลุมเครืออยู่ในภาค 1 และ 2 ก็จะถูกเปิดเผยให้กระจ่างชัดกันในภาคนี้



           แชด สตาเฮลสกี้ ได้เล่าย้อนไปถึงความเป็นมาในการทำหนัง John Wick โดยเปิดเผยว่าภาค 1 และภาค 2 มันมีโทนเรื่องที่ค่อนข้างแตกต่างกัน ซึ่งการดำเนินเรื่องในภาคแรกคือเป็นเรื่องราวสีดำๆ ของกลุ่มคนที่ไม่ใช่คนดี พวกนักฆ่าที่แฝงกายอยู่ในเงามืดทั่วมหานครนิวยอร์ก มันจึงมืดหม่นและค่อนข้างเครียด พอมาถึงภาค 2 ทีมผู้สร้างจึงอยากให้มันมีความผ่อนคลายมากกว่านั้น จึงได้สอดแทรกมุกตลกเข้าไปมากขึ้น พอเรื่องดำเนินมาถึงภาค 3 ทุกคนต่างก็สงสัยกันว่าสิ่งต่อไปที่จอห์น วิค จะต้องพบเจอมันคืออะไร หลังจากที่เขาผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมายแบบนั้น และทุกคนก็อยากรู้จักตัวตนของจอห์น วิคมากขึ้นไปขึ้นไปกว่าเดิม ว่าอดีตที่ผ่านมาของคนที่ลุกมาฆ่าเพื่อหมาแสนรักคนนี้ มันเป็นอย่างไรกันแน่



"มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ และมันเป็นเรื่องที่ต้องทำ พอมาถึงภาค 3 เราจะสามารถแสดงให้เห็นได้ว่า ก่อนเรื่องราวภาคแรก จอห์น วิค มีลักษณะเป็นอย่างไร และเขาเป็นแบบไหนในฐานะนักฆ่า" ผู้กำกับกล่าว

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้จอห์น วิค เป็นหนังแอ็คชั่นที่น่าสนใจก็คือ ไม่มีใครรู้ว่าฉากต่อไปจะเป็นอย่างไร โดยแชดเผยว่าไม่มีใครคาดเดาได้ว่าพระเอกจะไปสู้กับใครที่ไหน เขาอาจจะไปโผล่ที่พิพิธภัณฑ์ หรือคอนเสิร์ตร็อกที่ไหนสักแห่ง ฉากหลังไม่จำเป็นต้องสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องเลยก็ได้ อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ตราบใดที่มันเจ๋งและน่าจดจำเพราะฉะนั้น Production Designer จึงเป็นบุคคลสำคัญในเรื่องดังกล่าว



Kevin Kavanaugh คือ Production Designer จาก John Wick: Chapter 2 ซึ่งเขาจะกลับมารับหน้าที่ในส่วนนี้ใน Chapter 3 ด้วย แน่นอนว่าฉากทุกฉากจะต้องออกมาสวยงามไม่แพ้ภาคที่ 2 อย่างแน่นอน ทั้งนี้ Kavanaugh เป็น Production Designer ฝีมือดีที่งานชุกอยู่พอตัว เพราะเขายังต้องดูแลหนังอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น The Dark Knight Rises, Nightcrawler และ Sicario 2: Soldado