The Oddities กลุ่มคนประหลาดที่จะใช้ความประหลาด สร้างความประทับใจและเรียกเสียงชื่นชมจากผู้ชม
ผู้กำกับชาวออสเตรเลีย ไมเคิล เกรซี รับงานกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกใน The Greatest Showman เขาได้รับแรงผลักดันจากภาพอันแจ่มชัดที่เขาคิดไว้สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเป็นการผสมผสานอดีตและอนาคตในรูปแบบสตีมพังค์ซึ่งทำให้เรื่องราวของบาร์นัมอยู่เหนือกาลเวลา เป็นโลกสากลที่วัฒนธรรมป๊อป เรื่องราวโรแมนซ์ และความผูกพันระหว่างมนุษย์เป็นแก่นสำคัญ เขาต้องการความสมจริงอยู่บ้าง แต่ก็มองว่าหนังทั้งเรื่องควรแทรกด้วยบรรยากาศความน่าอัศจรรย์ใจคล้ายในหนังสือนิทาน เพื่อนำเราย้อนกลับไปสู่ภาพเงาแห่งจินตนาการที่เป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์ระงับความกังขาของตน
อีกสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญยิ่งต่อแนวทางของเกรซีก็คือกลุ่มคนที่เรียกกันว่า ดิ ออดดิตีส์ (The Oddities) หรือนักแสดงโชว์ผู้มีสภาพร่างกายไม่ธรรมดาในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งบาร์นัมได้เชื้อเชิญให้ผู้ชมมาสัมผัสตำนานที่มีชีวิตเหล่านี้ แม้ว่าการแสดงลักษณะดังกล่าวอาจไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมปัจจุบัน เกรซีได้สำรวจประสบการณ์อีกด้านหนึ่งของนักแสดงในโชว์ของบาร์นัม นั่นก็คือโอกาสที่จะได้หลุดพ้นจากชีวิตชายขอบที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ โอกาสที่จะเรียกเสียงชื่นชมและสร้างความภาคภูมิใจในตนเอง และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือความสามารถที่จะตั้งคำถามว่าเรากำหนดนิยามคำว่า "ปกติ" เอาไว้คับแคบเพียงใด "ดิ ออดดิตีส์ เป็นกลุ่มคนที่สังคมไม่เคยเห็น พวกเขาต้องหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด" เกรซีอธิบาย สิ่งที่ พี ที บาร์นัมทำก็คือช่วยให้บุคคลล่องหนเหล่านี้
ได้ปรากฏตัวออกมาและมีโอกาสที่จะได้รับความรักความชื่นชม เขาเล่าเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ซึ่งนำเสนอว่าคนเหล่านี้ไม่ได้บกพร่องแต่เป็นบุคคลพิเศษ "ผมคิดว่าผู้ชมจะชอบ ดิ ออดดิตีส์ เพราะสุดท้ายแล้วเราทุกคนก็ล้วนมีความแปลกประหลาดในตัวเองเหมือนกันครับ" เขาเน้นว่า "ในบทมีตอนหนึ่งที่บาร์นัมพูดว่า 'ไม่มีใครสร้างความแตกต่างได้ด้วยการทำตัวเหมือนคนอื่น' สำหรับผมแล้วนี่ล่ะครับที่เป็นหัวใจสำคัญของหนังเรื่องนี้"
ดิ ออดดิตีส์ ดึงดูดความสนใจของ แซ็ค เอฟรอน เขากล่าวว่า "ผมชอบที่บาร์นัมมีความรักและความฝันให้ครอบครัว แต่แล้วเขาก็ตั้งคำถามว่าเราจะแจกจ่ายความรักไปให้ไกลกว่านี้ได้อย่างไร เขาทำได้ด้วยการรับคนที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมเพราะรูปลักษณ์ภายนอกหรือสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิดและช่วยให้คนเหล่านี้ได้รับการยกย่องและได้สื่อสารกับผู้อื่น เขาให้โอกาสคนเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน เราก็ไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น เราทุกคนต่างเป็นมนุษย์ที่ต้องต่อสู้ บาร์นัมช่วยให้นักแสดงทุกคนในโชว์ของเขาได้ภาคภูมิใจในตนเอง"
ตัวอย่างซับไทย