5 ข้อคิดสะกิดชีวิตก่อนตายใน “Die Tomorrow”

Movie News24 พฤศจิกายน 2560

การกลับมาในผลงานลำดับที่ 5 ของผู้กำกับ “เต๋อ - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” ใน “Die Tomorrow” ที่จะพาไปสำรวจแง่มุมชีวิตของ 6 เรื่องราวจาก 6 กลุ่มตัวละครที่แตกต่างกันกับชีวิตในธรรมดาๆ ก่อนที่พวกเขาจะตาย ซึ่งนี่ไม่เพียงเป็นหนังที่ร้อยเรียงเรื่องราวได้อย่างมีเอกลักษณ์ แต่ยังคงแทรกแง่คิดสะกิดให้ผู้ชมได้ตระหนักถึงชีวิตตนเองในวินาทีนี้อีกด้วย

โดยนี่คือบางส่วนกับ 5 ข้อคิดจาก 6 เรื่องราวที่จะทำให้คุณมองเห็นคุณค่าของการใช้ชีวิตว่าเราทำดีที่สุดแก่ตัวเองหรือยังและตั้งคำถามว่าวันนี้คุณมอบความรักให้แก่คนรอบตัวมากพอหรือไหมในยามที่ยังมีลมหายใจ

1.  เพราะก่อนวันตาย มักเป็นวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง


เราไม่มีทางรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น บางครั้งความตายก็ไม่มีสัญญาณเตือน ไม่มีการบอกล่วงหน้าและไม่มีเวลาให้ได้ทำใจหรือกล่าวคำร่ำลาใดๆ ภาพของเหล่าเพื่อนสนิทสาวที่พูดถึงความฝันในอนาคตที่บ้างก็อยากไปใช้ชีวิตต่างประเทศ บ้างก็อยากจะแค่เพียงมีครอบครัวเล็กๆ ที่นั่งกินข้าวพร้อมหน้ากันทุกวัน แต่ใครจะรู้ว่าเราอาจไม่มีโอกาสใช้ชีวิตได้ยาวนานแบบนั้นก็ได้ ซึ่ง “Die Tomorrow” ก็ตอกย้ำความจริงที่ว่านี้ได้อย่างสะเทือนใจ

2.  จงใช้ทุกวินาทีตอนนี้อย่างมีค่ากับคนที่คุณรัก


เคยไหมเวลาที่คนใกล้ตัวอยากกินอะไรสักอย่างที่ชอบมากๆ แล้วมาชวนเราไปด้วย แต่เราแค่บอกปัดๆแบบไม่สนใจว่า “ไว้วันหลังเหอะ” จากนั้นลองคิดดูว่าถ้านั่นเป็นคำพูดสุดท้ายที่คุณพูดกับพ่อของคุณ แม่ของคุณ พี่ของคุณ ใครก็ตามในครอบครัวของคุณ ก่อนที่พวกเขาจะตายจากไป เราจะรู้สึกเสียใจภายหลังหรือเปล่ากับการไม่ได้ใช้โอกาสและเวลาเหล่านั้นกับ “คนที่คุณรัก” ? 

“ความตาย” สามารถพรากคนที่คุณรักไปได้ทุกเมื่อจากหลายร้อยล้านเหตุผลมากมาย ฉะนั้นอยากปล่อยให้วินาทีที่จะได้ใช้ร่วมกับพวกเขาผ่านไปเฉยๆ เพราะคิดว่ายังมี “วันต่อไป” รอเราอยู่แน่นอน 

3. ความตายเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งเราก็เผลอมองข้ามมันไป


การที่ใครสักคนมองว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดาที่ตัวเราไม่มีทางหนีพ้นได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่บางครั้งสิ่งที่เรามองข้ามไปก็คือ “คนที่เรารัก” วันหนึ่งอาจต้องตายไปก่อนเราก็ได้ บางคนที่คิดว่าจะอายุยื่นยาวกว่าเรา มีอนาคตที่สดใสกว่าเรา ก็อาจต้องเป็นฝ่ายที่ตายจากโลกนี้ไปก่อนเราก็ได้ 

4. “เจ็บ” หรือ “ตาย” อะไรน่ากลัวกว่ากัน?


คนที่ตายแล้วจะสบายกว่าคนที่ยังหายใจอยู่หรือเปล่า ? ส่วนคนข้างกายที่ยังหายใจอยู่จะเป็นเรื่องโชคดีกว่าที่อายุยืน แต่ต้องอยู่อย่างเดียวดายไหม? หนึ่งในประโยคที่ดีที่สุดใน “Die Tomorrow” ก็คือคำพูดของเด็กชายที่ว่า “ถ้าตายแล้วเราก็แค่หายไปเลย แต่ถ้าเจ็บมันน่ากลัวกว่า เพราะเราก็เจ็บอยู่ตรงนั้นไม่ได้ไปไหน” ซึ่งสะกิดใจแก่ผู้ชมได้อย่างรุนแรง บวกกับเนื้อหาที่ตัวหนังนำเสนอก็ยิ่งชวนให้ผู้ชมเกิดการตั้งคำถามในใจหลังดูหนังเรื่องนี้จบว่าเรามองเรื่องของเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยังไง

5.  อย่ากลัวความตาย แต่จงกลัวที่จะไม่ได้ทำสิ่งดีๆในชีวิตก่อนตาย


เหตุผลที่คนๆหนึ่งตายจากโลกใบนี้ เหตุผลที่คนๆหนึ่งมีอายุยืนยาว แต่คนละคนล้วนมีมุมมองต่อเรื่องเหล่านี้แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งสำคัญคือความตายนั้นเป็นเรื่องจริง และก่อนจะถึงวันนั้นที่เราเองไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนรอบตัวเมื่อไหร่ วันไหน เวลาไหน วินาทีไหน สิ่งที่เราทำได้คือทำทุกวินาทีนี้ให้ดีที่สุด ทำสิ่งดีๆกับตัวเองและคนที่เรารัก พร้อมลองถามตัวเองว่าวันนี้คุณทำดีกับตัวเองและคนที่เรารัก รวมถึงต่อโลกใบนี้ดีพอแล้วหรือยัง?

พบกับอีกหลายแง่มุมของชีวิตและความตายได้ใน “Die Tomorrow” ผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “เต๋อ - นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์” แห่ง “ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” และ “Mary is Happy, Mary is Happy” ที่มาพร้อมทีมนักแสดงดัง อาทิ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, พัชชา พูนพิริยะ , สิราษฎร์ อินทรโชติ, รัตนรัตน์ เอื้อทวีกุล, มรกต หลิว, กัญญภัค วุธรา, ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, วิโอเลต วอเทียร์ และ จรินทร์พร จุนเกียรติ หนึ่งในโปรแกรมสุด Exclusive  วันนี้ในโรงภาพยนตร์เอส เอฟ เท่านั้น