5 สีสันหลากบทบาทของ Anne Hathaway ที่พิสูจน์ว่าเธอมีดีมากกว่าความหวาน
แอนน์ หัตถเวช เอ้ย Anne Hathaway สาวสวยใสตาโตหน้าหวานที่เรามักคุ้นเคยกับเธอในบทใส ๆ สวย ๆ ซึ่งเธอได้แจ้งเกิดแบบเต็มตัวจากบทสาวเนิร์ดที่แท้จริงแล้วมีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงใน The Princess Diaries ที่ทำให้ผู้คนจดจำภาพสวยใสของเธอ แต่หลังจากนั้นเธอเองก็พิสูจน์ขึ้นมาได้ว่า เธอไม่ได้มีดีแค่หนังโรแมรติค คอมิดี้ หรือบทสวยใสตาโตเท่านั้น แต่บทอื่น ๆ เธอก็ทำได้ไม่แพ้ใคร ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าช่วงหลัง ๆ มาเธอรับเล่นในหลายบทบาทหลายอารมณ์มาก และจนทำให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลและคว้ารางวัลออสการ์มาได้ในที่สุด
และล่าสุดกับหนังเรื่องล่าสุดของเธอ Colossal เรื่องของ กลอเรีย สาวใสที่ต้องเผชิญปัญหาชีวิต หลังถูกไล่ออกจากงาน ความเครียดส่งผลให้เธอติดเหล้าเคล้าสุรา เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปเมื่อแฟนหนุ่มไล่เธอออกไปจากห้องพักสุดหรูใจกลางกรุงนิวยอร์ก กลอเรียจึงต้องกลับไปยังบ้านเกิดในชนบท และติดเหล้าใช้ชีวิตอย่างไร้คุณค่าไปวัน ๆ แต่ในขณะเดียวกัน กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อสัตว์ประหลาดยักษณ์โผล่ขึ้นมาถล่มเมืองอย่างหาสาเหตุไม่ได้ กลอเรียติดตามข่าวจากอีกซีกโลกด้วยใจระทึก ก่อนที่เธอจะค้นพบว่าตัวเองมีพลังในการบังคับสัตวประหลาดตัวนั้นให้ทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ และนั้นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวพิลึกพิลั่นสุดบรรยาย ที่บอกได้ว่าไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงแน่นอน โดยหนังถูกนิยามว่าเป็น Transformers ปะทะ Adaptation และ Godzilla ผสม Being John Malkovich รวมกัน และจะเข้าฉายในบ้านเรา 9 พฤศจิกายน นี้ ในโรงภาพยนตร์
และในวันนี้ เราจะขอย้อนรอยบทบาทการแสดงหลากสีสัน หลากบทบาทของเธอ ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า เธอเองไม่ได้มีดีแค่บทเจ้าหญิงสวยใส
1. Brokeback Mountain (2005)
ฤดูร้อน ปี 1963 - แจ็ก ทวิสต์ (เจค กิลเลนฮาล) และ เอนนิส เดล มาร์ (ฮีธ เลดเจอร์) ได้รับการว่าจ้างให้เป็นคนงานในฟาร์มเลี้ยงแกะแห่งหนึ่งใกล้เทือกเขาโบร๊กแบ็กในไวโอมิง จากที่ไม่ไว้ใจกันในตอนแรก ทั้งสองกลับกลายเป็นเพื่อนกันอย่างรวดเร็ว และในเวลาต่อมา ความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นก็พัฒนากลายเป็นความรัก เมื่อฤดูร้อนสิ้นสุดลง ทั้งคู่กลับลงมาจากโบร๊กแบ็ก ต่างคนต่างแยกย้ายไปมีชีวิตของตนเอง เอนนิสยังคงปักหลักอยู่ที่ไวโอมิง เขาแต่งงานกับ อัลมา (มิแชล วิลเลียมส์) แฟนสาวที่คบกันมานาน และในเวลาต่อมาก็มีลูกด้วยกัน 2 คน ส่วนแจ็กแต่งงานกับ ลูรีน (แอนน์ แฮธาเวย์) สาวสวยประจำเมือง มีลูกกับเธอคนหนึ่ง และรับผิดชอบดูแลธุรกิจให้กับพ่อตาในเท็กซัส ในระหว่างนั้น แจ็กกับเอนนิสตัดสินใจที่จะไม่พบกัน และไม่เก็บสิ่งที่เกิดขึ้นที่โบร๊กแบ็กมาคิดให้วุ่นวายใจ จนกระทั่ง 4 ปีผ่านไป จู่ๆ แจ็กก็ส่งจดหมายถึงเอนนิสเพื่อแจ้งข่าวว่า เขาจะเดินทางผ่านมาแถวนั้น และจะแวะมาเยี่ยมในฐานะเพื่อนเก่า อย่างไม่คาดคิด การพบกันครั้งนี้ทำให้ทั้งแจ็กและเอนนิสตระหนักว่า แท้ที่จริงอีกฝ่ายสำคัญต่อตนมากแค่ไหน และ 4 ปีที่ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ทำให้ความรักที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้นนั้น เปลี่ยนแปรหรือลดน้อยลงเลย นักแสดง เจค กิลเลนฮาล ฮีธ เลดเจอร์ มิแชล วิลเลียมส์ แอนน์ แฮธาเวย์ กำกับการแสดง อั้งลี่
2. Rachel Getting Married (2008)
หนังที่ส่งให้เธอเข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เมื่อ คิม (แอนน์ แฮธาเวย์) กลับมาบ้านของเธอเพื่อร่วมงานแต่งของราเชลผู้เป็นพี่สาว (โรสแมรี่ เดอวิทท์) เธอได้นำความหลังอันยาวนานที่มีทั้งปัญหาส่วนตัว การทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว และเรื่องทุกข์ตรมในอดีตติดตัวกลับมาด้วย ในงานวิวาห์ที่บรรดาเพื่อนฝูงญาติมิตรต่างเดินทางมาพบกันเพื่อเฉลิมฉลองสุดสัปดาห์แห่งความสุขอันอิ่มเอมไปด้วยเสียงเพลงและความรัก ยกเว้นแต่คิมเท่านั้นที่คำพูดเสียดสีอย่างแสบสันและพฤติกรรมสุดร้ายกาจของเธอ คือตัวเร่งปฏิกิริยาชั้นดีให้ความอึมครึมในครอบครัวที่คุกรุ่นมานานแสนนานพร้อมระเบิดออกมาเสียที คิมจะทำให้งานสมรสนี้ล่มไม่เป็นท่า หรือจะทำให้ทุกคนในครอบครัวกลับมารักปรองดองกันมากขึ้นกันแน่
3. Love & Other Drugs (2010)
หนังที่บอกว่าได้แอนน์เล่นได้แบบถึงเนื้อถึงตัวและเปลืองตัวแบบสุดๆ จนได้รับคำชื่นชมมากมาย ภาพยนตร์เบาสมองเรื่อง Love & Other Drugs แอน แฮทธะเวย์ รับบทเป็นแม็กกี ศิลปินสาวสวยรักอิสระ ผู้ไม่ยอมให้ใคร, สิ่งใด หรือแม้แต่เสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง มาเปลี่ยนแปลงตัวเธอได้ จนกระทั่งเธอได้พบกับเจมี แรนดัลล์ (เจค กิลเลนฮาล) หนุ่มหล่อผู้ใช้เสน่ห์ของเขาให้เป็นประโยชน์อย่างเต็มที่ ในการประกอบอาชีพเซลส์แมนขายยา แม็กกีก็พบว่าเธอและเจมีต่างเกิดอาการงงงัน เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์ยากดประสาทอย่างแรงที่มีชื่อว่า ?ความรัก? ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงส่วนใหญ่มักพัฒนาจากความรักไปสู่เซ็กส์ ทว่าคู่ของแม็กกีและเจมีกลับเดินสวนทาง ทำให้เกิดเป็นเรื่องราวความรักประหลาดล้ำ ที่ไม่อาจคาดเดาตอนจบได้
ผลงานกำกับ, อำนวยการสร้าง และร่วมเขียนบทโดย เอ๊ดเวิร์ด ซวิค ที่จะแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของความรักและความใคร่ ว่าทั้งสองสิ่งนี้มาเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันได้อย่างไร ในแบบที่หลายๆ คนเคยสงสัย และพยายามค้นหาคำตอบมานานแล้ว
4. The Dark Knight Rises (2012)
ตอนแคสติ้งนั้นโดนคนค่อนขอดกันเยอะทีเดียวว่าการที่เธอจะมารับบทนางแมวในชุดหนังที่มิเชลล์ ไฟเฟอร์ เคยทำไว้ได้อย่างดีใน Batman Returns นั้น เธอจะทำได้ขนาดไหน เพราะไม่ได้ฉายแววว่าจะเป็นนางแมวป่าได้เลยแม้แต่น้อย แต่พอหนังฉายเท่านั้น ทุกเสียงข่มก็พลันเปลี่ยนเป็นเสียงชื่นชมกันอย่างมากมายเลยทีเดียว
บทสรุปอันยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ Batman ไตรภาคของผู้สร้างภาพยนตร์ คริสโตเฟอร์ โนแลน และถือเป็นแบทแมนภาคสุดท้ายของทั้งพระเอก คริสเตียน เบล และผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน 8 ปีแล้ว ที่แบทแมนได้หายตัวไปยามราตรี เปลี่ยนจากวีรบุรุษกลายเป็นนักโทษหลบหนี เขายอมเสียสละทุกอย่างและยอมให้ตกเป็นต้นเหตุการตายของอัยการเขต ฮาร์วี่ เดนท์ ก็เพื่อสิ่งที่เขากับอธิบดีกอร์ดอนเห็นว่าเพื่อประโยชน์อันยิ่งใหญ่กว่า
ทุกอย่างดูสงบสุขได้สักระยะหนึ่ง เมื่ออาชญากรรมต่างๆ ในเมืองก็อทแธมถูกบดขยี้ด้วยกฎหมายต่อต้านอาชญากรรมของเดนท์ จนกระทั่งการมาถึงของ "นางแมวป่า" จอมเจ้าเล่ห์ที่มีแผนการลึกลับของตัวเอง แต่ที่อันตรายยิ่งกว่านั้นก็คืออาชญากรรายใหม่ "เบน" ผู้ก่อการร้ายสวมหน้ากากที่จะสร้างความหายนะต่อก็อทแธม เพื่อต้อน "บรู๊ซ เวย์น" ให้ออกมาจากการเนรเทศตัวเอง ก่อนจะเข้าสู่การจลาจลครั้งยิ่งใหญ่
5. Les Misérables (2012)
หนังที่ส่งให้เธอได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไปอย่างไร้ข้อกังขา กับทั้งการแสดงและการร้องเพลงในหนังมิวสิคัลที่สร้างจากละครเพลงชื่อดังอันดับต้นๆ ของโลกเรื่องนี้
ภาพยนตร์เพลงที่ดัดแปลงจากละครเวทีอันโด่งดังที่ผ่านสายตาผู้ชมมากว่า 60 ล้านคนทั่วโลก และจัดแสดงมาแล้วถึง 42 ประเทศ 21 ภาษา และยังคงเปิดแสดงย่างเข้าปีที่ 27 แล้ว กำกับโดยผู้กำกับรางวัลออสการ์ ทอม ฮูเปอร์ จาก The King's speech ดูแลการผลิต โดยเวิร์คกิ้ง ไตเติ้ล และ คาเมรอน แม็คอินทอช นำแสดงโดย ฮิวจ์ แจ็คแมน, ดารานำชายออสการ์ รัสเซล โครว์, แอนน์ แฮธาเวย์ และ เอ็ดดี้ เรดเมย์น
Les Misérables ในเวอร์ชั่นของ ทอม ฮูเปอร์ เกิดขึ้นที่ฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 19 เป็นเรื่องราวของ วาลฌอง (ฮิวจ์ แจ็คแมน) หนุ่มใจบุญที่ถูกจับเข้าคุกเพราะขโมยขนมปังเพื่อนำไปจุนเจือครอบครัวของเขา หลังจากถูกจำคุกยาวนานถึง 17 ปี เขาก็ได้รับการปล่อยตัวอีกครั้ง และได้เข้าร่วมกับขบวนการปฏิวัติเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของตนเองคืน ในขณะที่ ชาแวร์ (รัสเซล โครว์) ตำรวจผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง ออกตามล่าตัว วาลฌอง เพื่อจับเข้าคุกในฐานะผู้ก่อความวุ่นวายต่อต้านรัฐบาล ส่วนทาง ฟ็องทีน (แอนน์ แฮทธาเวย์) หญิงสาวอาภัพผู้ยอมทำทุกอย่างแม้แต่การขายตัว เพื่อเลี้ยงลูกสาวตัวน้อยของเธอให้อยู่รอด และได้ฝากลูกน้อยไว้ให้ วาลฌอง ช่วยดูแลต่อ เมื่อเธอจะจากโลกนี้ไป ..เรื่องราวทั้งหมดสะท้อนให้เห็น ความทุกข์ยากของประชาชนซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมและความเท่าเทียมในสังคม และสะท้อนให้เห็นความดีงามในจิตใจของมนุษย์ไปพร้อมๆ กันด้วย