10 หนังครอบครัวที่จะทำให้คุณอบอุ่นหัวใจ

          ครอบครัวไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สมาชิกจะมากจะน้อย ก็ล้วนผูกพันกันด้วยสายใยที่ไม่ว่าจะตัดยังไงก็ไม่สามารถตัดกันขาดได้ ไม่ว่าโลกภายนอกจะโหดร้ายแค่ไหน แต่เมื่อหันหลังกลับมา เราก็มักจะเจอคนในครอบครัวสักคนที่พร้อมจะให้กำลังใจเราเสมอ ซึ่งก็มีหนังจำนวนมากมายที่สะท้อนภาพของครอบครัวออกมาอย่างได้สนุกสนาน และจับหัวใจผู้ชมกับเรื่องราวที่ลึกซึ้งพร้อมๆ กัน

โดยนี่คือบางส่วนกับ 10 หนังเกี่ยวกับครอบครัวที่มีมากกว่าแค่ความบันเทิง แต่ยังมอบแง่มุมชีวิตดีๆ ที่ทำให้คุณอบอุ่นหัวใจหลังดูจบอีกด้วย

 

1. We Bought a Zoo (2011)

 

              ผลงานของผู้กำกับ คาเมรอน โครว์ ที่ได้ แมตต์ เดม่อน มารับบทตัวละคร เบนจามิน นักหนังสือพิมพ์และนักเขียน ผู้ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเลี้ยงดูลูกสองคน ด้วยความหวังที่จะกอบกู้ความเป็นครอบครัวคืนมา เขาตัดสินใจลาออกจากงานและไปซื้อบ้านบนเนื้อที่ 18 เอเคอร์ ที่ตั้งอยู่นอกเมือง ซึ่งมาพร้อมกับของแถมสุดพิเศษ คือสวนสัตว์เก่าที่ยังมีสัตว์ป่าอยู่อีกเพียบ!

ณ สถานที่แห่งนี้ เบนจามิน และลูกๆ ได้รู้จักกับ เคลลี (รับบทโดย สการ์เล็ตต์ โยฮันสัน) และทีมงานของเธอเป็นผู้ดูแล แม้จะไม่มีประสบการณ์เรื่องการบริหารสวนสัตว์ อีกทั้งเวลาและเงินทุนที่มีก็จำกัดจำเขี่ย แต่ด้วยความตั้งใจอันแน่วแน่ บวกแรงสนับสนุนของคนในครอบครัวและชุมชนท้องถิ่น เบนจามิน ตกลงใจเปิดสวนสัตว์ให้คนเข้าชมอีกครั้ง

 

2. Little Miss Sunshine (2006)

 

           ครอบครัวคนขี้แพ้ที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาก็สามารถทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้เช่นกัน! ผลงานฟิวกู๊ดเรื่องเยี่ยมที่พาเราไปพบกับครอบครัวของ ริชาร์ด คุณพ่อผู้กำลังจะมีผลงานเขียนหนังสือเล่มใหม่ ที่ต้องพา โอลีฟ ลูกสาวคนเล็กไปประกวดเวที Little Miss Sunshine ในปีนี้แบบกะทันหัน เขาจึงต้องหอบเอาสมาชิกในครอบครัวทั้งหมด ทั้ง ดเวย์น ลูกชายนิสัยแปลกของเขาที่มุ่งมั่นจะไม่พูดกับใคร ภรรยาที่หงุดหงิดกับการจัดการปัญหาในบ้านบ่อยๆ พี่ชายจอมเพี้ยนที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล รวมถึงคุณปู่นิสัยพิลึก

การเดินทางด้วยรถตู้เก่าๆของครอบครัวนี้กับการมุ่งหน้าสู่เวทีประกวดนางงาม นำพวกเขาไปพบกับเหตุการณ์วุ่นวายมากมาย แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งสำคัญว่า ถึงจะขี้แพ้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวเองของพวกเขาลดลง ภาพเหล่าสมาชิกขึ้นไปเต้นกับลูกสาวตัวน้อยบนเวทีเป็นภาพที่อาจจะวุ่นวายในสายตาคนอื่น แต่สำหรับพวกเขาแล้วนี่คือภาพครอบครัวที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่ผู้ชมจะจดจำไปพร้อมความยอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้

 

3. Alexander and the Terrible, Horrible, No Good, Very Bad Day (2014)

            เรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย 12 ปี อเล็กซานเดอร์ คูเปอร์ กับประสบการณ์ของเขาที่น่ากลัวที่สุด และเป็นวันที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตวัยเด็กของเขา ที่เริ่มต้นจากการที่หมากฝรั่งไปติดที่ผมของเขา จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายขึ้น แต่เมื่ออเล็กซานเดอร์บอกเล่าเรื่องราวที่เขาพบเจอเหตุการณ์ร้าย ๆ กับครอบครัวของเขา เขาก็หวังว่าจะให้มันเกิดขึ้นกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะแม่ของเขา, พ่อของเขา, พี่ชาย และพี่สาว ทุกคนก็พบเจอเรื่องเลวร้ายในชีวิตพอๆ กัน

 

4. The Incredibles (2004)

          แอนิเมชั่นครอบครัวเหล่ายอดมนุษย์ที่นำเสนอเรื่องราวในแง่มุมที่แปลกใหม่ เมื่อยุคทองของฮีโร่ต้องจบสิ้นลงไปกับกระแสต่อต้านของคนในสังคม มิสเตอร์อินเครดิเบิล ฮีโร่ชื่อดังผู้มีพลังมหาศาล ต้องหลบมาใช้ชีวิตเป็นพนักงานบริษัทที่ใช้ชีวิตจำเจไปวันๆ เขาอยู่กับ  เฮเลน ภรรยาสาวที่เป็นอดีตฮีโร่ผู้มีพลังในการยืดหยุ่นส่วนต่างๆของร่างกาย พร้อมกับลูกๆ ทั้ง 3 คือ ไวโอเล็ต ผู้มีพลังในการล่องหน, แดช  ผู้มีพลังความเร็วและ แจ็ก-แจ็ก ทารกที่ยังมีความลึกลับซ่อนอยู่

การยังไม่ปล่อยวางในอดีตอันรุ่นเรืองของ มิสเตอร์อินเครดิเบิล นำเขาไปพบกับวายร้ายรายใหม่ที่มาพร้อมความแค้นที่สุมใจไว้นานนับปี จนนำไปสู่การรวมพลเหล่าฮีโร่เพื่อปกป้องเมืองอีกครั้ง แอนิเมชั่นเรื่องนี้พาเราไปสำรวจชีวิตของเหล่าฮีโร่ที่ต้องรับมือกับความแตกต่างของตัวเอง การยอมรับความจริงและสิ่งสำคัญคือความสามัคคีของคนในครอบครัว ท่ามกลางความสนุกแบบจัดเต็มและแอคชั่นชุดใหญ่

 

5. Cheaper by the Dozen (2003)

        พบ สตีฟ มาร์ติน ในผลงานครอบสุดฮิต เรื่องราวของ ทอม เบเกอร์ (สตีฟ มาร์ติน) และภรรยาของเขา เคท (บอนนี่ ฮันท์) เมื่อ ทอม เพิ่งได้งานใหม่ แถมภรรยาของเขาต้องเดินทางไปยังนิวยอร์คเพื่อโปรโมทหนังสือ ทอม จึงต้องรับหน้าที่ดูแลลูกๆ ทั้ง 12 คนเพียงลำพัง!  

หนังพาเราไปพบกับการจัดการปัญหาของเหล่าลูกๆที่มีตั้งแต่วัยเด็กสุดซน ไปถึงวัยรุ่นฮอร์โมนพุ่งพล่านที่ทำให้เราอดที่จะอมยิ้มและคอยลุ้นเอาใจช่วยกันไม่ได้ พร้อมแทรกแค่คิดดีๆเกี่ยวกับหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ทำทุกอย่างเพื่อลูก รวมถึงการมองเห็นคุณค่าของสิ่งสวยงามที่อยู่รอบตัวในวันนี้

 

6. This is where I Leave You (2014)

 

             จัดด์ เป็นผู้ช่วยจัดรายการวิทยุชื่อดัง ที่ชีวิตกำลังดิ่งลงเหว เมื่อเขาจับได้ว่าภรรยาแสนสวยดันแอบไปคบชู้กับหัวหน้าของเขาเอง ผลจึงจบลงด้วยการตัดสินใจหย่า แต่เรื่องแย่ๆ ก็ยังซัดกระหน่ำใส่เขาแบบไม่เว้นช่องว่างให้พักหายใจ กับข่าวการตายของพ่อที่ทำให้เขาต้องเดินทางกลับบ้านในทันที

การเดินทางกลับบ้านของ จัดด์ ในครั้งนี้ เขาได้พบกับสมาชิกในครอบครัวที่ห่างเหินทั้ง พี่ชายคนโตและภรรยาที่เห็นงานสำคัญกว่าคนในบ้าน น้องชายคนสุดท้ายที่เข้ากับใครไม่ได้ รวมถึงแม่ที่เหมือนเห็บความลับอะไรบางอย่างไว้กับตัว แถมเรื่องยิ่งวุ่นวายขึ้นเมื่อ เพนนี่ อดีตสาวที่เคยแอบชอบเขาก็มาปรากฏตัวอีกครั้ง

หนังถ่ายทอดภาพความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ต่างฝ่ายต่างไม่เลือกเปิดใจเข้าหากันได้อย่างน่าติดตามและแสดงให้เราได้เห็นถึงการมองโลกในแง่ที่ว่าบางครั้งชีวิตก็ไม่เป็นไปตามแผนที่เราคิดฝันไว้ตอนเด็กๆ แต่ความไม่คาดฝันก็คือส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราจะจมอยู่กับมันไม่ได้ เราเลือกครอบครัวไม่ได้ แต่เลือกที่จะช่วยทำให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข ความเข้าใจกันได้ หากแค่เรายอมที่จะเปิดใจเข้าหากัน

 

7. The Croods (2013)

         เรื่องราวการผจญภัยยุคดึกดำบรรพ์ของครอบครัวแรกในโลกที่ต้องออกผจญภัย เมื่อถ้ำที่พวกเขาหลบซ่อนตัวจากภัยอันตรายกลับถูกทำลายลงไปพร้อมกับส่วนอื่นของโลกใบนี้ ครอบครัวครู้ดส์จำเป็นต้องพบกับโรดทริปแรกของครอบครัว

กรั๊ก (ให้เสียงพากย์โดย นิโคลาส เคจ) หัวหน้าครอบครัวที่เหมือนกับคุณพ่อทั่วไปโดยส่วนใหญ่ที่คอยปกป้องภรรยาและลูกๆ ทั้งสามอย่างเข้มงวด การเฝ้าระแวงจนเกินเหตุของเขาทำให้ต้องคอยกันครอบครัวไว้ในถ้ำให้ปลอดภัย หายห่วงและน่าเบื่อสุดๆ อุ๊กก้า (ให้เสียงพากย์โดย แคทเธอรีน คีเนอร์) ผู้มีความหนักแน่นและแบ่งรับภาระครึ่งหนึ่งของกรั๊ก เธอเห็นด้วยกับแนวคิดของสามีที่ว่า "กลัวไว้แล้วจะดี การเปลี่ยนแปลงมีแต่แย่"

โดยความมุ่งมั่นของกรั๊กอยู่ที่การเอาชีวิตรอด แต่อี๊ป (ให้เสียงพากย์โดย เอ็มม่า สโตน) ต้องการใช้ชีวิต สิ่งที่เธออยากรู้อยากเห็นคือโลกที่อยู่ภายนอกถ้ำของพวกเขาที่ขัดกับกฎโบราณของพ่อเธอ

เหตุการณ์มหาวินาศทำให้พวกครู้ดส์ต้องพบกับการผจญภัยสุดแปลก และทบทวนแนวทางการใช้ชีวิตของพวกเขาใหม่ ซึ่งระหว่างทางพวกเขาได้พบกับ กาย (ให้เสียงพากย์โดย ไรอัน เรย์โนลด์ส) ผู้พาไปพบกับสิ่งแปลกใหม่ ก่อนที่ทั้งหมดจะเดินทางไปสู่จุดสำคัญในการเปลี่ยนแปลงของโลกและครอบครัวตนเองไปตลอดกาล!

 

8. Love The Coopers (2015)

ผลงานการกำกับโดย เจสซี่ เนลสัน ผู้เขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Stepmom และกำกับในผลงานสุดซาบซึ้งอย่าง I Am Sam

พบความน่ารักของครอบครัวใหญ่ 4 รุ่นแห่ง "ตระกูลคูเปอร์" ที่มาพบปะสังสรรค์เฉลิมฉลองกันในวันคริสต์มาสประจำปี จนเกิดเป็นเรื่องราวสนุกสนานครื้นเครงกับสถานการณ์ป่วนฮาโอละพ่อ ละความอบอุ่นประทับใจ จากเรื่องราวน่าประหลาดใจของสายใยภายในครอบครัวในช่วงวันหยุดหรรษาส่งท้ายปี

 

9. The Family Man (2000)

 

เคยถามตัวเองไหมว่าวินาทีนี้คุณมีทุกสิ่งที่ต้องการแล้วจริงๆหรือเปล่า? เงินทอง ฐานะ และอาชีพการงานที่เริ่ดหรู สิ่งเหล่านี้มีค่ามากกว่าคนที่รักคุณจริงๆ หรือครอบครัวอันแสนอบอุ่นไหม?

พบกับชีวิตของ แจ็ค ชายหนุ่มที่เคยสัญญากับ เคท เพื่อนสนิทสมัยเรียนว่าจะกลับมาพบกันใหม่ หลังฝ่ายชายต้องเดินทางไปฝึกงานนานถึง 1 ปี แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยกลับไปเลย กระทั่ง 13 ปีผ่านไป ในค่ำคืนก่อนก่อนคริสต์มาส แจ็ค ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยคนแปลกหน้ารายหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การพูดคุยเรื่องคุณค่าของการมีชีวิต เช้าวันต่อมา แจ็ค ตื่นขึ้นมาพบว่าชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม โดยมี เคท เป็นภรรยาและมีลูกๆที่น่ารักอีก 2 คน จากที่เคยมีอาชีพทำงานหรูหราในวอลล์สตรีทก็กลับกลายเป็นแค่คนขายยองรถยนต์ในร้านเล็กๆเท่านั้น บัดนี้ แจ็ค ต้องหาคำตอบว่าทำไมเขาถึงตื่นมาพบเรื่องสุดแปลกประหลาดนี้และถ้านี่คือเรื่องจริง เขาจะรักษาสิ่งสำคัญทั้งหมดนี้ไว้ได้ยังไง

 

10. My Big Fat Greek Wedding (2002)

 

            หนึ่งในหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาล หนังว่าด้วยเรื่องราวของตระกูลชาวกรีกครอบครัวใหญ่ในชิคาโก ซึ่งประกอบไปด้วย กัส คุณพ่อหัวหน้าครอบครัววัยชรา ผู้เป็นคนหัวโบราณที่หายใจเข้าออกเป็นกรีกกับคุณแม่ที่หัวโบราณไม่แพ้กัน ทั้งคู่มีความคิดเหมือนกันก็คือคนในครอบครัวต้องแต่งงานกับชาวกรีกเท่านั้น  ซึ่งนั่นทำให้ชีวิตของ ทัวล่า ลูกสาววัย 30 ต้องตกอยู่ในความลำบาก เพราะเธอดันไปหลงรัก เอียน หนุ่มหล่อแสนดีมีทุกอย่างที่เธอต้องการ เพียงแค่ว่าเขาไม่ใช่ชาวกรีก!

นอกจากประเด็นการต้องเผชิญหน้ากับปัญหาขึ้นคานของสาววัย 30 ที่นำเสนอได้อย่างน่ารักน่าชังแล้ว หนังยังถ่ายทอดเรื่องความขัดแย้งด้านสัญชาติได้ออกมาอย่างชวนอมยิ้มไม่แพ้กัน พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่าความรักนั้นสามารถเอาชนะได้ทุกอย่าง และ ครอบครัวที่มีความสุขก็คือครอบครัวที่เต็มไปด้วยความเข้าใจกัน