16 ยอดคุณพ่อจากโลกภาพยนตร์
ตุลาคม 2560 เดือนแห่งความโศกเศร้าในโอกาสที่ครบรอบ 1 ปีแห่งการจากไปของในหลวง ร.9 พ่อของแผ่นเดิน ทำให้หลายๆ คนอดไม่ได้ที่จะคิดถึงพ่อของพวกเรา ในโอกาสนี้ผู้เขียนเลยถือโอกาสคัดเลือก 10 ยอดคุณพ่อจากโลกภาพยนตร์ ที่น่าจดจำ กลับมาเล่าสู่กันฟัง เลือกบรรดาพ่อที่น่ารัก พ่อที่รักลูก พ่อที่ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อลูก จากหนังที่เหมาะกับช่วงเวลาแบบนี้ อ่านแล้วจะได้นึกถึงฉากดีๆ ข้อคิดๆ ของหนังเหล่านี้ เผื่อให้หยิบมาดูอีกรอบในเดือนนี้ หรือเลือกที่จะหยิบมาเปิดดูด้วยกันกับพ่อ ได้สานและต่อเติมความรู้สึกดีๆ ให้กันระหว่างพ่อลูกครับ
1. มาร์ลิน จาก Finding Nemo (2003)
เริ่มด้วยพ่อจากหนังการ์ตูนกันเลย Finding Nemo การ์ตูนยิ่งใหญ่ตลอดกาลเรื่องหนึ่งของพิกซาร์ ที่ทำรายได้ไปถึง 940 ล้านเหรียญ แม้จะเป็นหนังการ์ตูน แต่ปลาการ์ตูนผู้พ่ออย่าง มาร์ลิน ก็ไม่ได้มีความรักลูกด้อยไปกว่ามนุษย์หรือสัตว์สายพันธุ์อื่นเลย ทั้งเรื่องเราได้เห็นคำสอนดีๆ ของมาร์ลินที่พร่ำสอนนีโมให้เข้มแข็ง มีความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่พอนีโมหายไป มาร์ลินก็แสดงให้เห็นถึงความรัก ห่วงกังวลลูกแทบเป็นแทบตายและแสดงความกล้าหาญอย่างไม่หวาดหวั่นกับการผจญภัยตามหานีโมลูกชายของเขา โดยมีดอริสปลาขี้ลืมเป็นผู้ช่วยที่ไม่ค่อยได้เรื่องนัก แต่ก็ทำหน้าที่ส่งมุกได้ตลอดทั้งเรื่อง Finding Nemo จึงเป็นทั้งหนังที่ให้ความบันเทิง เด็กๆ ก็สนุกไปกับสีสันสวยงามของหนัง ผู้ใหญ่ก็ได้หัวเราะไปกับมุกฮา ของหนัง แต่ทุกคนก็ได้ความรู้สึกดีๆ ถึงความรักความผูกพันของพ่อกับลูก
2. ไบรอัน มิลล์ จาก Taken (2008)
"ถ้ามึงปล่อยตัวลูกสาวกูเดี๋ยวนี้ กูจะจบเรื่องทุกอย่าง กูจะไม่สืบหามึง กูจะไม่ตามล้างมึง แต่ถ้ามึงไม่ปล่อยลูกสาวกู กูจะตามหามึงจนเจอแล้วฆ่ามึงซะ" หลายคนน่าจะจำประโยคเด็ดที่เป็นฉากเด่นจากหนัง Taken หนังสุดมันส์ตลอดกาลเรื่องนี้ได้ และนี่คือสุดยอดคุณพ่อที่น่ากลัวที่สุดคนหนึ่ง เพราะเขาคืออดีตCIA ที่โดนลูบคมจนต้องงัดวิชาเก่าออกมาสั่งสอนผู้ร้ายทั้งแก๊งว่าพวกมันมาแหยมผิดคนแล้ว บทไบรอัน มิลล์ จึงกลายเป็นบทที่ถูกจดจำมากที่สุดบทหนึ่งของเลียม นีสัน ด้วยความโหดดุของไบรอัน มิลล์ ทำให้หนังฟอร์มเล็กเรื่องนี้กลายเป็นหนังฮิตเกินคาด ไบรอัน มิลล์ เลยต้องเจอสถานการณ์เหนื่อยๆ ต่อไปอีก 2 ภาค และทำให้เลียม นีสัน กลายเป็นพระเอกหนังแอ็คชั่นขายดีเอาตอนอายุ 56 จนเร็วๆ นี้เลียมต้องออกมาประกาศว่าเขาขอเลิกเล่นหนังแอ็คชั่นแล้ว เพราะตอนนี้เขาก็ปาไป 65 ปีแล้ว
3. กุยโด จาก Life Is Beautiful (1997)
เชื่อว่านี่คือหนังที่อยู่ในดวงใจของหลายๆ คน ใครที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ต่างก็ต้องรักคุณพ่อกุยโด Life Is Beautiful เป็นหนังที่ทำให้คนดูต่างยิ้มไปทั้งน้ำตา กุยโด เป็นเซลส์ขายหนังสือเชื้อสายยิวที่อยู่ในอิตาลี เขาถูกทหารนาซีจับพร้อมกับลูกชาย แต่กุยโดไม่อยากให้ลูกชายตัวน้อยต้องตระหนกตกใจไปกับสถานการณ์เลวร้ายที่กำลังเผชิญ จึงแต่งเรื่องต่างๆ นานาให้ลูกชายเข้าใจว่าพ่อพาเขาออกมาผจญภัยตั้งแคมป์กัน Life Is Beautiful กลายเป็นเป็นหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องเดียวที่ถ่ายทอดความโหดร้ายจากนาซีที่กระทำต่อชาวยิวออกมาได้น่ารักสดใสที่สุด สมกับชื่อเรื่อง ความดีงามของหนังส่งให้ Life Is Beautiful คว้ารางวัลกรังปรีซ์ที่เทศกาลคานส์ และ คว้าออสการ์ได้ถึง 3 รางวัล หนังต่างประเทศยอดเยี่ยม , ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และบท "กุยโด" ก็ส่งให้โรเบอร์โต เบนิญญี คว้าออสการ์ดารานำชายไปได้สำเร็จ
4. คริส การ์ดเนอร์ จาก The Pursuit Of Happyness (2006)
ชีวิตมีแต่ลูกชายของเขาคนเดียวที่เขารักที่สุด คริส ได้งานใหม่เป็นนายหน้าค้าหุ้น แต่ในช่วงฝึกหัด 6 เดือนเขาจะไม่ได้รับค่าจ้าง คริส จึงต้องอดทนเพื่อลูกและความหวังว่าชีวิตจะต้องดีขึ้น เขาจึงต้องฝ่าฝันช่วงเวลา 6 เดือนนี้ไปให้ได้ ถึงขนาดต้องขายเลือดเพื่อมาซื้อข้าวให้ลูกกิน คริส การ์ดเนอร์ คือบทบาทที่ดีที่สุดบทหนึ่งของ วิล สมิธ และส่งให้เขาได้เข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม The Pursuit of Happyness เป็นหนังที่ทำให้คนดูเสียน้ำตามากมายเรื่องหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นหนังที่ให้กำลังใจคนดูได้มากมายเช่นกัน รวมถึงบทบาทการแสดงอันน่าประทับใจของวิล สมิธ ที่เขาเล่นร่วมกับลูกชายตัวเองจริง ๆ จึงเป็นจุดที่ทำให้เขาได้ถ่ายทอดความรู้สึกของพ่อจริง ๆ ลงไปในหนังได้ดูเป็นธรรมชาติ
5. ไมเคิล ซัลลิแวน จาก Road to Perdition (2002)
มีความเป็นพ่อมากมายใน Road to Perdition เรื่องของ ไมเคิล ซัลลิแวน ที่เป็นทั้งลูกชายและพ่อ ,ไมเคิล เป็นมือปืนของแก๊งมาเฟียไอริช เขาทำงานให้กับจอห์น รูนีย์ พ่อบุญธรรมที่รับเลี้ยงดูอุปถัมภ์เขามาจากบ้านเด็กกำพร้า ไมเคิล มีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นมีเมียมีลูกที่น่ารักทั้ง 2 แต่ไมเคิล ไม่ได้บอกความจริงเรื่องงานมือปืนให้ลูกๆ รู้ จนกระทั่งลูกชายคนโตสงสัยและแอบตามไปดูว่าพ่อทำงานอะไร แล้วก็ได้เห็นวินาทีที่พ่อปลิดชีวิตเหยื่อ จอห์น หัวหน้าแก๊งจึงสั่งเก็บทั้งครอบครัวของไมเคิล มีเพียงไมเคิล จูเนียร์ ที่รอดมาได้ สำนึกของความเป็นพ่อจำต้องดูแลลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวเท่าชีวิตและหมายแก้แค้นชายที่เขาเคยรักและนับถือในฐานะพ่อเลี้ยงของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามสานสัมพันธ์และปรับความเข้าใจกับไมเคิล จูเนียร์ ที่มองเห็นพ่อเป็นฆาตกรไปแล้ว
6. คูเปอร์ จาก Interstellar (2014)
คนที่ดู Interstellar แล้วเท่านั้นถึงจะได้เห็นวีรกรรมของพ่ออย่างคูเปอร์ ที่พยายามรักษาสัญญากับลูกสาวว่าจะกลับมาแม้จะผ่านไปแล้วกี่สิบปีก็ตาม ฉากที่คูเปอร์ต้องดูวีดีโอที่ลูก ๆ ส่งหาเขา เป็นวีดีโอที่บันทึกไว้แล้วเดินทางเป็นสิบๆ ปีกว่าที่คูเปอร์จะได้ดู เป็นฉากที่สะเทือนใจสุด แมทธิว แมคคอนาเฮย์ แสดงศักยภาพการแสดงที่ดีที่สุดอีกครั้งให้ได้เห็น กับการได้เห็นลูกๆ ตัวเองในวีดีโอที่แก่ตัวไปมาก บรรดาลูกๆ ออกมาตัดพ้อต่อว่าพ่อที่จากเขาไป แต่นั่นก็เป็นการสื่อสารทางเดียว ที่เขาต้องรับรู้แต่ไม่สามารถตอบกลับหาลูกๆ ได้เลยว่าเขาคิดถึงลูกๆ เพียงใด เสียใจมากเพียงใดที่ไม่ได้อยู่ดูแลลูกๆ ในวันที่ต้องการเขา เชื่อว่าหลายคนน้ำตาแตกกันไปแล้วกับฉากนี้
7. พ่อ จาก The Road (2009)
หนังสร้างจากนิยายรางวัลพูลิตเซอร์ปี 2006 ของ คอร์แมค แมคคาร์ธนีย์ เรื่องของโลกหลังกลียุค ผู้คนล้มตาย โลกกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนผู้คนที่รอดชีวิตต่างล่าผู้อ่อนแอเป็นอาหาร ชายหนุ่มและลูกชายวัย12 พากันเดินเท้ามุ่งหน้าสู่ชายทะเลด้วยความหวังว่าที่นั่นจะมีสังคมที่เป็นมิตร ไม่ฆ่ากันเป็นอาหาร ตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 50 นาทีของเรื่องเราจะได้เห็นความสัมพันธ์อันดีของพ่อ พ่อที่ดูแลปกป้องลูกเท่าชีวิต ได้ฟังคำสอนดี ๆ จากพ่อถึงลูกชาย ทั้งในเรื่องการมองโลกอย่างมีความหวัง ให้รู้จักเอาตัวรอดระแวดระวังตัวเอง แม้หนังจะไม่ได้ไปถึงเวทีออสการ์ แต่การแสดงของ วิกโก มอร์เตนเซน และ โคดิ สมิธ-แม็คฟี ก็ได้เข้าชิงและกวาดรางวัลการแสดงยอดเยี่ยมไปได้จากหลายเวทีเล็ก
8. เท็ด เครเมอร์ จาก Kramer vs. Kramer (1979)
หนังที่สื่อถึงความสัมพันธ์ของพ่อและลูกชายอย่างชัดเจนที่สุด เท็ด เครเมอร์ ชายหนุ่มบ้างานที่มองเห็นความสำคัญของงานมาก่อนครอบครัวเสมอ จึงกลายเป็นจุดแตกหักที่โจแอนนาเมียของเขา ไม่ขอทนต่ออีกต่อไป เธอทิ้งบิลลี่ลูกชายไว้ให้เท็ดดูแล ชายหนุ่มบ้างานอย่างเท็ดต้องเจอปัญหาใหญ่ในชีวิตเมื่อเขาต้องจัดสรรชีวิตใหม่ทั้งงานทั้งลูก และเมื่อได้ใกล้ชิดดูแลลูกเองความผูกพันก็เกิดขึ้นสำนึกของความเป็นพ่อก็มีมากขึ้น เมื่อชีวิตของเท็ดเริ่มลงตัว โจแอนนาก็ฟ้องหย่าและเรียกร้องบิลลี่กลับไป กลายเป็นสงครามระหว่างพ่อและแม่เพื่อชิงสิทธิในการเลี้ยงดูลูกชาย Kramer vs. Kramer เป็นหนึ่งในหนังคลาสสิกตลอดกาลที่ดีเยี่ยมทั้งในด้านเนื้อหาอารมณ์และการแสดง หนังกวาดรางวัลใหญ่จากเวทีออสการ์ไปเพียบ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม , ผู้กำกับยอดเยี่ยม , นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม , นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
9. กิล จาก Parenthood (1989)
อีก 1 สุดยอดคุณพ่อที่รับภาระหนักหนามาก กิลเป็นมนุษย์เงินเดือนที่เป็นคุณพ่อลูกสองเขารับแรงกดดันรอบด้าน มีนายที่คอยจ้ำจี้จ้ำไชตลอดเวลา ลูกชาย 8 ขวบที่เป็นโรควิตกกังวล เมียที่ท้องโดยไม่คาดฝัน พ่อที่มีความสัมพันธ์กับเขาไม่ดีนัก และกิลก็พยายามทำทุกอย่างให้ตรงกันข้ามกับที่พ่อของเขาเองเคยทำกับเขาไว้ กิลพยายามเป็นพ่อที่น่ารักในสายตาลูกๆ ของเขา แม้เบื้องหน้าของ Parenthood จะเป็นหนังตลกแต่ภายในก็เป็นหนังที่แฝงเนื้อหาความรู้สึกดีๆ ของชายที่มีความพยายามจะเป็นพ่อและสามีที่ดี หนังประสบความสำเร็จอย่างมากในวันที่ออกฉาย ทำรายได้ทะลุ 100 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 31 ล้านเหรียญ
10. แซม บอลด์วิน จาก Sleepless in Seattle (1993)
อีก 1 บทบาทพ่อของทอม แฮงค์ ในบทคุณพ่อ แซม บอลด์วิน ชายหนุ่มที่เพิ่งสูญเสียเมียรักไปด้วยโรคร้ายเขาพาลูกชายย้ายมาอยู่ซีแอตเติลเพื่อห่างไกลจากชีวิตเดิมๆ เมื่อเสียเมียไป แซมก็ยึดลูกเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตพ่อหม้ายดูแลโจนาห์ ลูกชายวัย 8 ขวบให้ดีที่สุด อีกด้านหนึ่งโจนาห์ ก็เป็นลูกชายที่น่ารักทนเห็นพ่ออมทุกข์ทุกวันไม่ไหวจึงโทรไปสถานีวิทยุและผลักดันให้พ่อระบายความในใจออกอากาศ ความรักความคิดถึงเมียก็พรั่งพรูออกจากปากแซม กลายเป็นเรื่องราวที่ประทับใจสาวๆ ทั่วประเทศที่ฟังอยู่ต่างยกย่องเทิดทูนความรักของแซม และเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางไกลกลับแอนนี่ รีด สาวนักหนังสือพิมพ์จากบัลติมอร์ ทอม แฮงค์ได้ถ่ายทอดให้เห็นถึงความรักของแซม ที่มีต่อโจนาห์ , แซมโผเข้ากอดลูกชายด้วยความห่วงใยในนาทีที่เจอลูกที่ตึกเอ็มไพร์เสตท หลังจากโจนาห์แอบขึ้นเครื่องบินมาคนเดียว
11. ฮาล จาก Beginners (2010)
นี่คือพ่อที่ประหลาดที่สุดในรายชื่อนี้ ฮาล คุณปู่วัย 75 หลังสูญเสียเมียรักไปได้ 5 ปี และพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง เขาเหลือเวลาอยู่ดูโลกอีกไม่มาก จึงออกมาเปิดใจกับลูกชายว่าเขาเป็นเกย์และมีคู่รักวัยหนุ่มที่คบกันอยู่ เป็นการเปิดตัวที่สร้างความกระอักกระอ่วนกับลูกชายมาก หนังสร้างจากเรื่องจริงของผู้กำกับไมค์ มิลล์ ที่เขียนบทและกำกับเอง คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์ ถ่ายทอดบทคุณพ่อวัยดึกที่ตัดสินใจใช้ชีวิตระยะสุดท้ายตามใจตัวเองแบบสุดเหวี่ยง และเลือกจะเปิดใจทำความเข้าใจกับลูกชายเพื่อสานสัมพันธ์อันดีในช่วงท้ายของชีวิตเขา บทฮาลส่งให้เขาคว้าออสการ์ดาราสมทบชายตัวแรกในชีวิตไปได้ในวัย 83 ปี
12. แจ๊ค แคมป์เบล จาก The Family man (2000)
อีก 1 หนังดราม่า-คอมมีดี้ที่ให้ความหมายดีๆ ของชีวิต นิโคลาส เคจ ในบทแจ๊ค แคมป์เบล นักธุรกิจหนุ่มที่ละทิ้งทุกอย่างเพื่อความสำเร็จในชีวิตแม้กระทั่งแฟนที่คบกันมาตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่ร่ำรวยมีทุกอย่างที่ต้องการ ใช้ชีวิตโสดแบบมีความสุข แต่แล้วก็เกิดปาฏิหารย์เขาตื่นขึ้นมาในจักรวาลคู่ขนาน ได้พบว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนไป เขากลายเป็นพ่อบ้าน เขาแต่งงานกับเคต แฟนที่เขาเคยทิ้งไป มีลูกด้วยกัน 2 คน เขากลายเป็นเซลส์ขายยางรถยนต์ ขับรถแวนที่สตาร์ทไม่ค่อยติด แจ๊ค รับไม่ได้กับชีวิตแบบนี้ พยายามหาทางกลับคืนสู่ชีวิตสวยหรูของเขา แต่ละวันผ่านไป แจ๊ค เริ่มเรียนรู้ความสุขความสวยงามของชีวิตครอบครัว และเปลี่ยนนิสัยจากคนที่เคยมีชีวิตแค่เพื่อตัวเอง กลายเป็นพ่อและสามีที่รักของลูกและเมีย
13. แดเนียล ฮิลลาร์ด จาก จาก Mrs. Doubtfire (1993)
บทบาทจดจำอีกเรื่องของโรบิน วิลเลียมส์ ผู้ล่วงลับ ในหนังฮิตสุดของเขา แดเนียล ฮิลลาร์ด เป็นนักแสดงมากฝีมือ เขาถูกมิแรนด้า ฟ้องหย่า แดเนียล ต้องออกจากบ้าน ภรรยาได้สิทธิ์ในการดูแลลูกๆ ทั้ง 3 , ในฐานะพ่อที่รักลูกทั้ง 3 มาก แดเนียล สามารถเจอลูกๆ ได้แค่อาทิตย์ละ 1 วัน ซึ่งไม่เพียงพอกับความคิดถึงลูก ๆ ของเขา แดเนียล จึงใช้ความสามารถในการแสดง ปลอมตัวเป็นคุณยายชาวสก็อตต์มาสมัครเป็นแม่บ้านดูแลเด็กๆ ทำให้แดเนียลได้ใกล้ชิดลูก ๆ อีกครั้งและสามารถกันท่าแฟนใหม่ของมิแรนด้าได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งหนังที่แสดงให้เห็นถึงความรักความพยายามของพ่อที่ทุ่มเทเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ๆ ลูก เป็นหนังที่ให้ได้ทั้งเสียงฮาและความรู้สึกดีๆ ของพ่อและลูก หนังประสบความสำเร็จอย่างมาก ทุนสร้างเพียง 25 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 441 ล้านเหรียญ แถมฝีมือของทีมเมคอัปที่แปลงโฉมโรบิน วิลเลียมส์ให้เป็นคุณยายยังเนี้ยบขนาดคว้าออสการ์รางวัลแต่งหน้ายอดเยี่ยมไปได้อีกด้วย
14. แมตต์ คิง จาก The Descendants (2011)
จอร์จ คลูนีย์ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ดีที่สุดของเขาในบท แมตต์ คิง คุณพ่อของลูกสาว 2 คน สก็อตตี้ วัย 10 ขวบและอเล็กซานดร้าวัย 17 ปี แมตต์ เป็นทายาทมหาเศรษฐีที่ชีวิตดูดี แต่ก็มาถึงวันที่เหมือนเป็นวันวิปโยคสำหรับชีวิตเขา เมื่อ อลิเซาเบธ ภรรยาประสบอุบัติเหตุทางเรือถึงชีวิต ทำให้พ่อและลูกสาวทั้ง 2 ต้องมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แมตต์ รู้ความลับจากลูกสาวว่าอลิซาเบ็ธกำลังคบกับผู้ชายคนใหม่ในวันที่เธอตาย ปัญหาอีกด้านคือมีมหาเศรษฐีกำลังมากว้านซื้อที่ดินจำนวนมากบนเกาะฮาวาย ซึ่งเขารับหน้าที่เป็นผู้ดูแลที่ดินมรดกของตระกูล และถ้าเขาขายก็คือการพลิกโฉมหน้าครั้งใหญ่ของเกาะฮาวาย ขณะเดียวกันแมตต์ก็ต้องทบทวนความผิดพลาดในอดีตว่าทำไมภรรยาถึงนอกใจเขา แล้วก็พยายามสานสัมพันธ์อันดีกับลูกๆ ทั้ง 2 The Descendants จึงเป็นหนังที่ให้ส่วนผสมของดราม่าและคอมมีดี้ได้อย่างลงตัว ให้ข้อคิดดีๆ กับชีวิตได้ ทำให้หนังได้ออสการ์รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
15. จอห์น คิว จาก John Q (2002)
จอน ควินชี่ อาร์ชิบัลด์ นี่คือพ่อที่รักลูกแบบบ้าคลั่งสติแตก ไมเคิล ลูกชายของจอห์นเกิดล้มป่วยขณะแข่งเบสบอล แพทย์วินิจฉัยว่าหัวใจล้มเหลวต้องได้รับการเปลี่ยนถ่ายหัวใจโดยด่วน แต่ประกันของจอห์นไม่ได้ครอบคลุมถึงการเปลี่ยนถ่ายหัวใจให้ลูก สิ่งเดียวที่จอห์นคิดออกคือปิดโรงพยาบาลจับหมอและคนไข้ทั้งหมดเป็นตัวประกันเรียกร้องให้โรงพยาบาลเปลี่ยนถ่ายหัวใจให้ลูกชายเขาโดยด่วน จอห์น คิว เป็นพ่อที่รักลูกมาก ทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกรอดชีวิต แม้การกระทำจะไม่น่ารักไม่น่าเอาอย่างซะเลย แม้ไม่ใช่บทบาทที่ดีที่สุดของ เดนเซล วอชิงตัน แต่บท จอห์น คิว ก็ส่งให้เดนเซล ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในเวทีเล็กหลายเวที
16. บ็อบ โจนส์ จาก My Life (1993)
นี่คือพ่อที่น่าสงสารและมีเรื่องราวชวนเศร้าที่สุด บ็อบ เป็นชายหนุ่มที่ชีวิตดูน่าอิจฉา งานการที่ประสบความสำเร็จ มีเมียสุดสวยและครอบครัวที่ดูจะสมบูรณ์เพราะทั้งคู่กำลังจะมีลูกด้วยกัน พลันข่าวร้ายก็มาเยือน เมื่อบ็อบตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งตับขั้นรุนแรงและมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่ถึงเดือน สิ่งสุดท้ายที่บ็อบทำคืออัดวีดีโอจำนวนมากถึงลูกชายแทนตัวเขาที่ไม่ได้อยู่เห็นหน้าลูก วีดีโอที่เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน ไปจนถึงวันที่ลูกโตเป็นหนุ่ม สอนลูกขับรถและโกนหนวด เป็นอีกหนึ่งหนังที่ถ่ายทอดอีกรูปแบบของความรักของพ่อที่มีต่อลูก จากพ่อที่ไม่มีโอกาสได้พบหน้าและมีเวลาอยู่กับลูก สื่อให้สัมผัสได้ถึงคุณค่าของความสัมพันธ์ระหว่างพ่อถึงลูก สะท้อนให้บรรดาพ่อ ๆ ที่มีเวลาอยุ่กับลูก ๆ ในวันนี้ได้ตั้งคำถามกับตัวเองว่าได้ใช้โอกาสและเวลานั้นคุ้มค่าแล้วหรือยัง