5 หนัง ไล่ล่าโดยฆาตรกรโรคจิต สุดระทึก

20 ตุลาคม 2560

เมื่อพูดถึงฆาตรกรโรคจิตที่เป็น Iconic แห่งวงการหนัง หนึ่งในตัวละครที่เป็นที่น่าจดจำและกล่าวขวัญกันมากที่สุดคนหนึ่งก็คือ The Leatherface หรือมือเลื่อยไฟฟ้าไล่ฆ่าคนที่ใส่หน้ากากเป็นหนังมนุษย์จากเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre  อันสร้างความสะพรึงให้กับผู้ชมมาแล้วหลายสิบปี และเป็นอะไรที่เปลี่ยนโฉมหน้าวงการภาพยนตร์สยองขวัญในยุคนั้นเลย


The Texas Chainsaw Massacre ในฉบับดั้งเดิมปี 1974 นั้นเป็นผลงานหนังสยองอมตะของ โทบี้ ฮูเปอร์ ที่มีภาคต่อถึง 7 ภาค และมีฉบับรีเมคใหม่อยู่บ้าง และในครั้งนี้ก็ได้ถูกนำมารีเมคใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ได้ฉีกเรื่องออกไปจากเดิม ด้วยการนำเสนอเหตุการณ์ก่อน The Texas Chain Saw Massacre ภาคต้นฉบับ สำหรับฉบับสร้างใหม่ปี 2017 นี้นั้นได้ผู้กำกับชาวฝรั่งเศษคู่หูอย่าง อเล็กซองร์ บุสติโย และ จูเลียง มูรีย์ ที่เป็นแฟนตัวยงของหนังสยองขวัญยุค 70-80 และ The Texas Chainsaw Massacre พวกเขาถือว่ามันคืองานชิ้นเอก และยิ่งเมื่อพวกเขาได้รับหน้าที่ให้มาทำ ความรู้สึกของพวกเขาก็คือทั้งดีใจ เครียด ตื่นเต้น ไปพร้อม ๆ กัน เนื้อเรื่องในฉบับนี้กล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเรื่องราวในปี 1974 ณ ฟาร์มของครอบครัว "ซอว์เยอร์ เวอร์น่า" (ลิลี่ เทย์เลอร์) แม่สุดโหดของ "เจ๊ด ซอว์เยอร์" สอนเขาให้รู้จักประเพณีการฆ่าซึ่งสืบทอดกันมาของตระกูลซอว์เยอร์ ด้วยการวางหนังสัตว์เป็นกับดักล่อหลอกผู้ที่ผ่านไปมา และเหตุการณ์เลวร้ายต่อจากนั้นก็เกิดขึ้น เมื่อหนึ่งในคนที่ถูกเจ๊ดฆ่า เป็นลูกสาวของ ฮัลล์ ฮิลตัน นายอำเภอแห่งรัฐเท็กซัส ซึ่งเมื่อรู้ข่าวการตายของลูกสาวเขารู้สึกโกรธแค้นแต่ไม่สามารถเอาผิดเจ๊ดได้ เนื่องจากขาดพยานหลักฐาน เขาจึงแก้แค้นตระกูลซอว์เยอร์ด้วยการนำเจ๊ดไปส่งยังสถานบำบัดผู้ป่วยทางจิต "กอร์แมน เฮ้าส์" ที่ได้ชื่อว่าใช้วิธีรักษาคนป่วยสุดโหดด้วยการช็อตไฟฟ้าแทน 10 ปีต่อมา ผู้ป่วย ณ สถานบำบัด กอร์แมน เฮ้าส์ ลุกฮือหนีออกจากการจับกุมขัง โดยจับตัวพยาบาล "ลิซซี่ ไวท์" เป็นตัวประกัน เรื่องราวต่อจากนั้นจะเป็นอย่างไร จุดดำเนินของ Leatherface นั้นเริ่มต้นจากจุดไหน หาคำตอบได้ในโรงภาพยนตร์ 19 ต.ค. 2017 และในวันนี้จะขอนำเสนอหนัง 5 เรื่องที่เกี่ยวกับการไล่ล่าโดยฆาตรกรโรคจิตสุดระทึก ที่จะทำให้คุณสะพรึงจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ไว้หามาดูกันก่อนชมเรื่องนี้กัน

1. The Texas Chainsaw Massacre (1974)
หนังฉบับต้นตำรับฆาตรกรโรคจิต เปิดตำนาน Leatherface ซึ่งจริง ๆ แล้วด้วยเทคนิคการถ่ายทำที่ค่อนข้างจำกัด หนังอาจดูไม่โหดชัดเจนเท่าหนังโหดหลายเรื่องที่เน้นความแหวะสมจริง แต่ด้วยความที่หนังเป็นฟิล์มในช่วงปี 70s ทำให้ภาพออกมาดูดิบ โหดมาก ๆ เรื่องราวของวัยรุ่นหนุ่มสาว 5 คนที่เดินทางไปพักผ่อน แล้วระหว่างทางมีเหตุให้ต้องหลงเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งโดยหารู้ไม่ว่าบ้านหลังนั้นกำลังจะเอาความตายมาหาพวกเขา ด้วยความโหดสุดสยองที่สุดแสนจะบรรยาย 


2. Haute Tension (2003)
Haute Tension หรือชื่ออังกฤษว่า High Tension/Switchblade Romance หนังฝรั่งเศสหนังแนวฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่า หั่นเป็นหั่น สับเป็นสับ ที่กำกำกับโดย Alexandre Aja ที่สร้างชื่อให้เขาติดอันดับผู้กำกับหนังสยองที่ได้ชื่อว่าทำหนังได้โหด ดิบ ถึงใจสุด ๆ และหนังเรื่องนี้ ได้รางวัลชนะเลิศ Catalonian International Film Festival จากประเทศสเปนในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Cecile De France), ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (Alexandre Aja), แต่งหน้ายยอดเยี่ยม (Giannetto De Rossi), Grand Prize of European Fantasy Film in Silver (Alexandre Aja) และเข้าชิงรางวัลอีกหลายรางวัล
 เรื่องเกี่ยวกับ มารี นักศึกษาสาววัย 20 ปี และ อเล็กซ์ เพื่อนสนิทของเธอ กับการเดินทางมาพักผ่อนยังบ้านพักที่ฟาร์มของครอบครัวของอเล็กซ์ ในชนบทอันห่างไกล ความเงียบสงบเงียบงันของชนบทกำลังนำไปสู่ประตูของความสยองขวัญ แห่งค่ำคืนนรกของชีวิต มารี, อเล็กซ์ และสมาชิกในครอบครัวของเธอ เมื่อฆาตกรต่อเนื่อง ในคราบของคนส่งของออกอาละวาด และคร่าชีวิตพวกคนเหล่านั้นไปอย่างเลือดเย็น…”

3. Frontier(s) (2007)
ภาพยนต์สุดโหดเลือดสาดจากประเทศฝรั่งเศส ที่เคยถูกถอดออก ถูกแบน จากบ้านเราโดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุผลที่ว่า " หนังรุนแรงเกินไป และ รุนแรงแบบไร้เหตุผล (แต่ตอนนี้คงหามาดูได้ไม่ยาก) เรื่องเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างฝ่ายซ้ายและผู้สมัครของฝ่ายศักดินาขวาจัด ชานเมืองรอบนอกกำลังลุกเป็นไฟ แก๊งโจรกระจอกกลุ่มหนึ่งเลยฉวยโอกาสช่วงจลาจลภายในเมืองวางแผนปล้นเพื่อเอามาจ่ายค่าเดินทางไปเมืองนอกและค่าทำแท้งของสมาชิกแก๊งคนหนึ่ง แต่การปล้นเกิดผิดพลาดอย่างแรง แก๊งจึงแตกสลาย ตำรวจตามกลิ่นมาติด ๆ คนในแก๊งบางคนเลยต้องหนีไปแถวชายแดนซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมซอมซ่อของพวกผิวขาวใจทมิฬ ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือเรื่องที่ว่าบรรดาเจ้าของโรงแรมบ้านนอกเหล่านี้เป็นพวกนาซีกระหายเลือดฆ่าไม่ยั้งที่ต้องการสร้างระเบียบให้แก่โลกใหม่ซึ่งจะถูกปกครองโดยหัวหน้าเชื้อสายอารยันของพวกมันนั่นเอง พวกมันจะทำทุกวิถีทางที่จะทำความฝันระบอบเผด็จการให้เป็นจริง แต่ปัญหาคือคนขาวชั้นสูงกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนี้ไม่มีทางเลือกได้แต่เพาะพันธุ์ความเสื่อมทราม สุดวิปริต และสร้างบรรยากาศสยดสยองผิดมนุษย์ในโรงแรมนี้ การทดลองคาวเลือดของตัวละครหลักของเราจึงเปิดฉากขึ้นและได้นำเอาวิธีการทรมานร่างกายทุกวิธีที่คิดได้มาใช้ คราวนี้ล่ะพวกเขาได้เรียนรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่าการให้สิทธิเท่าเทียมกันของทั้งชายและหญิงแน่นอน

4. The Hills Have Eyes (2006)
หนังโหดฝีมือ Alexandre Aja อีกเรื่อง หลังจากสร้างชื่อจาก Haute Tension เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางข้ามประเทศของอย่างไม่เป็นไปตามกำหนดการของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเป็นการฉลองครบรอบวันแต่งงานของอดีตตำรวจสายสืบที่บึกบึนแห่งเมืองคลีฟแลนด์ บิ๊กบ๊อบ คาร์เตอร์ (เท็ด เลอวีน) และภรรยาช่างพูดของเขา อีเธล (แคธลีน ควินแลน) และเพื่อเป็นการฉลอง บ๊อบได้ขอร้องให้ครอบครัวขนาดใหญ่ของเขาเดินทางไปแคลิฟอร์เนียร่วมกับเขาและภรรยา ด้วยความหวังว่าความสนุกสนานจากถนนสายใหม่ ๆ อาจจะช่วยประสานความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ห่างเหินกันไปของพวกเขา ไม่มีใครมีความสุขทีเดียวนัก ลูกสาวคนโต ลินน์ (วินเนสซ่า ชอว์) คอยกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและความสบายของลูกน้อยคนใหม่ของเธอ ในขณะเดียวกับที่สามีผู้คลั่งเทคโนโลยีของเธอ ดัค (เอร่อน สแตนฟอร์ด) กลับวิตกกับการที่จะต้องอยู่อย่างใกล้ชิดกับพ่อตาของตัวเอง ส่วน เบรนด้า (เอมิลี่ เดอ ราวิน) ลูกสาววัยรุ่นที่ต่อต้านความคิดที่จะต้องทิ้งกลุ่มเพื่อนซี้ของเธอเพื่อไปเที่ยวกับครอบครัว และหนุ่มน้อยจอมพิเรนทร์อย่าง บ๊อบบี้ (แดน เบิร์ด) ก็กระตือรือล้นที่จะได้สนุกสนานกับสุนัขพันธุ์เยอรมันเชฟเฟิร์ดสองตัวที่มีชื่อว่า บิวตี้และบีสท์ อย่างไรก็ตาม ทุกคนได้มารวมตัวกันอยู่ในรถเทรลเล่อร์แอร์สตรีมปี 88 แสนรักของบ๊อบและมุ่งหน้าสู่ทางตะวันตก ในระหว่างที่บิ๊กบ๊อบกำลังใช้ทางอ้อมอยู่นั่นเอง ครอบครัวคาร์เตอร์ต้องพบว่าพวกเขาได้พลัดหลงเข้าไปสู่ทะเลทรายที่โดดเดี่ยวและดูเหมือนจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อาศัยอยู่เลยในระยะหลายไมล์ และเมื่อต้องพบกับปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้องอย่างไม่คาดฝัน พวกเขาก็เริ่มตระหนักว่าจะต้องพบความคับแค้นที่ร้ายกาจ โดยที่ความช่วยเหลือนั้นอยู่ห่างไกลเหลือเกิน ด้วยความร้อนที่แผดเผาของแสงอาทิตย์ที่อยู่เบื้องบนทะเลทรายที่ร้อนระอุ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องต่อสู้เพื่อให้มีชีวิตรอดไปจากทะเลทรายแห่งความตายนี้ กลับมีสิ่งที่ร้ายแรงกว่าที่คุกคามพวกเขาอยู่ และในตอนนั้นเองที่ครอบครัวคาร์เตอร์พบว่าพวกเขาไม่ได้อยู่เดียวดายในทะเลทรายแห่งนี้อย่างที่คิดไว้ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งของผู้ที่รอดอยู่ในหุบเขารายรอบทะเลทรายแห่งนี้ พวกกลายพันธุ์ ที่หิวอย่างไม่รู้จักอิ่ม และกระหายเลือด พวกเขาเป็นอดีตคนงานทำเหมืองน่ากลัว ที่ถูกทิ้งไว้ในช่วงที่กัมมันตภาพรังสีจากการทดสอบระเบิดปรมาณูครอบคลุมไปทั่วทะเลทราย ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งพวกเขาจากการฆ่าครอบครัวคาร์เตอร์เพื่อเป็นเหยื่อทีละคน ในระหว่างเผชิญหน้ากับการเอาชีวิตให้รอด ครอบครัวคาร์เตอร์จะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันถ้าพวกเขาต้องการที่จะพบความหวังของการได้กลับสู่ชีวิตศิวิไลซ์อีกครั้งหนึ่ง

5. Vacancy (2007)
 ปิดท้ายด้วยหนังดีที่ไม่ดังอย่าง Vacancy ที่มีองค์ประกอบของหนังสยองขวัญทุกอย่างดีมาก ๆ การเล่าเรื่องที่สุดเจ๋ง น่าติดตาม การถ่ายภาพและการออกแบบที่สร้างสรรค์ ฯลฯ แต่หนังกลับเงียบสนิท จึงอยากแนะนำให้ได้ดูกัน ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้ เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อรถคันหรูของคู่รัก เดวิด (ลุค วิลสัน) และเอมี่ ฟอกซ์ (เคท เบ็คคินเซล) เกิดเสียอยู่กลางถนนในหุบเขาลึก พวกเขาจึงต้องเช่าห้องพักของโมเต็ลสุดโทรมข้างถนนเพื่อค้างคืนชั่วคราว มีเพียงโทรทัศน์ และวีดีโอเก่าๆ ที่คาดว่าพอจะให้ความบันเทิงได้บ้าง...แต่แล้วก็เกิดเรื่องตื่นเต้นขึ้น เมื่อทั้ง 2 พบกับหนังวีดีโอการฆาตกรรมสุดโหด พร้อมความจริงที่ทำให้ทั้ง 2 ต้องช็อค เพราะฉากเบื้องหลังหนังสยองขวัญที่ดูอยู่นั้นถ่ายทำที่ห้องเดียวกับที่พวกเขากำลังพักอยู่นี่เอง! เมื่อรู้ว่าจะถูกเชือดเป็นรายต่อไปเหมือนกับในวีดีโอ ทางเดียวคือ ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือฆาตกรให้ได้ แต่ห้องพักกลับเต็มไปด้วยกล้องซ่อนอยู่ทั่วห้องรวมไปถึงอุโมงค์ใต้ดิน คอยติดตามบันทึกภาพทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขา ทำให้ทั้งคู่ติดกับอยู่ในห้องเช่านี้ นี่คือคืนมรณะ ซึ่งเดวิด และเอมี่ จำเป็นหนีออกมาจากห้องเช่านี้ ก่อนที่ฆาตกรซึ่งกำลังจับตาดูอยู่จะจบชีวิตพวกเขาแบบในหนัง