14 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ จา พนม

Movie News8 ตุลาคม 2560

              วันนี้ไม่ใช่เพียงแต่ชาวไทย ที่รู้จักชื่อจา พนม หรือชื่อในระดับอินเตอร์ว่า โทนี่ จา นักแสดงชาวไทยที่ไปสร้างชื่อในฮอลลีวู้ดและฮ่องกง มีผลงานในระดับอินเตอร์ออกมาให้ดูทุกปี ปีที่แล้วเราได้ดูจาใน Furious Seven ปีนี้เราได้เห็นจาอีกครั้งใน xXx: Return of Xander Cage และวันนี้ก็มีหนังเรื่องใหม่ของ จา พนม เข้าโปรแกรมฉายในชื่อ Paradox หนังฮ่องกงที่เขาได้ประกบซูเปอร์สตาร์ กู่เทียนเล่อ และเป็นหนังมาถ่ายทำในไทยเกือบทั้งเรื่อง เป็นหนังฮ่องกงเรื่องที่ 2 แล้วที่จา ไปร่วมงานด้วยต่อจาก SPL2 (2015)

และปีหน้าจาก็ยังมีงานในระดับอินเตอร์อีก 2 เรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าเราได้ดูกันแน่ จา พนม วันนี้ผู้เขียนนำเรื่องราวเบื้องหลังเบื้องลึกของ จา พนม มาให้เราได้อ่านและทำความรู้จักจากันมากขึ้น เชื่อว่าน่าจะมีบางแง่มุมที่เราจะยังไม่เคยรู้กันมาก่อนก็เป็นได้

 

 

1. ตอนเกิดชื่อ "วรวิทย์ ยีรัมย์" พอปี 2541 เปลี่ยนชื่อเป็น "พนม" ปี 2552 เปลี่ยนอีกทีเป็น "ทัชชกร" แต่ชื่อในวงการแสดงไทยยังคงเป็น "จา พนม" และในระดับอินเตอร์ชื่อ "Tony Jaa" ส่วนชื่อเล่น "จา" นั้นเพี้ยนมาจากชื่อ "จ่า" ที่เป็นฉายาในฐานะหัวโจกในกลุ่มเพื่อนๆ

 


2. จา หลงรักหนังบู๊แอ็คชั่นตั้งแต่เด็ก ชอบเฉินหลง , เจ็ท ลี และ บรู๊ซ ลี บางเรื่องเขาดูซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจำได้ขึ้นใจ พออายุได้ 10 ขวบ ก็เริ่มต้นเรียนมวยไทย และเป็นบันไดก้าวแรกให้เขาได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์


3. หลังจากได้ไปเป็นศิษย์ของพัณนา ฤทธิไกร ก็เลยได้งานเป็นสตันท์แมนให้ครูพัณนาอยู่ถึง 14 ปี เขาได้ปรากฏตัวในหนังหลายเรื่องรวมถึงภาพยนตร์โฆษณาด้วย

4. เป็นชาวไทยเชื้อสายชาวกูยโบราณ ชาวกูยเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำโขง บริเวณแนวเขาพนมดงรักจนถึงบริเวณลาวตอนกลางและลาวใต้ ทำให้จา พูดภาษาเขมรได้ด้วย คนเก่งอีกคนในบ้านเราที่เป็นชาวกูยคือ บัวขาว บัญชาเมฆ

5. เกือบได้เล่น Rush Hour 3 เหตุจากเฉิน หลง ได้ดูหนังของจา พนม หลายเรื่อง ก็เลยแนะนำผู้กำกับ เบร็ต แรตเนอร์ว่าให้ชวนจา พนม มาแสดงคู่กับเขา เสียดายที่ว่าตอนนั้นจา ติดถ่ายหนัง องค์บาก2 ไม่งั้นเราได้ดู จา พนม เล่นหนังประกบกับ เฉิน หลง แล้ว
 


6. จา ไม่ได้ชำนาญแค่มวยไทย เขายังชำนาญ เทควันโด และ วูซู ในระดับสายดำ แล้วยังชำนาญ ฟันดาบ และ ยิมนาสติก อีกด้วย ทุกวันนี้ยังฝึกมวยไทย และ ยิมนาสติก วันละ 8 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังสามารถใช้วิชาการต่อสู้แขนงอื่นได้อีกมากทั้ง หมัดเมา , กังฟู , ไอคิโด้ , ยูโด , คาราเต้ , คาโปเอร่า และ MMA

 


7. งานแรกในระดับอินเตอร์คือการเป็นสตันท์ตัวแทนให้ โรบิน ชู ในหนัง Mortal Kombat: Annihilation (1997) ซึ่งเป็นหนังที่มาถ่ายทำในประเทศไทย

 


8. มีพรสวรรค์ที่ข้อเท้าแข็งแรงและยืดหยุ่นได้มากกว่าคนทั่วไป จึงเล่นกีฬาประเภทกระโดดสูง กระโดดไกล และยิมนาสติกได้ดี ได้รางวัลนักกีฬาเหรียญทองทุกปี เป็นนักกีฬาตัวแทนจังหวัดสุรินทร์ และเป็นประธานชมรมกระบี่กระบอง ทำให้รู้จักกับเดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง เพราะอยู่ชมรมกระบี่กระบองเหมือนกัน
 


9. ได้ดูหนัง "เกิดมาลุย" (2529) ของ พันนา ฤทธิไกร ตอนอายุ 14 เลยให้พ่อพาไปฝากกับพันนา แต่เพราะเด็กเกินไปพันนาเลยยังไม่รับ แต่จาก็ยังแวะเวียนไปช่วยงานได้กองถ่าย เขาได้เริ่มต้นงานในกองถ่ายด้วยการเป็น เด็กเสิร์ฟน้ำ ยกของ และทำอาหาร อยู่หลายปีกว่าจะได้เริ่มงานแสดง

 


10 .กว่าจะมาเป็น "องค์บาก" จา และ พันนา เริ่มโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2540 ที่จะเป็นหนังเรื่องแรกที่ จา พนม จะแสดงนำ เขาหาทุนสร้างเองจากการเรี่ยไรและระดมทุนจากคนรอบข้าง แต่เมื่อถ่ายทำเสร็จกลับโชคร้ายอย่างมาก เมื่อฟิล์มเสียหายทั้งหมด รอบนี้เลยเอาไอเดียเรื่องนี้ไปเสนอ ปรัชญา ปิ่นแก้ว ซึ่งผลสุดท้ายออกมาเป็น "องค์บาก" ในที่สุด

 


11. เป็นผู้คิดค้นศิลปะการต่อสู้แขนงใหม่ขึ้นมาในชื่อ "นาฎยุทธ์" เป็นการผสมผสานนาฏศิลป์ไทยอย่างโขน เช่น ตัวยักษ์, ลิง มาผนวกรวมเข้ากับศิลปะการเต้นเบรกแดนซ์ ออกมาเป็นรูปแบบการต่อสู้แขนงใหม่ "ด้วยความที่ชอบฮิปฮอป เลยตีความใหม่เรื่องการแสดงเหมือนการเต้นไปตามจังหวะเพลง จะเต้นยังไงให้รู้สึกอินตามไปกับเพลง "นาฏยุทธ์" ก็เป็นศาสตร์เดียวกัน เพียงแต่ว่าจะตีโจทย์ยังไงให้รู้สึกว่าท่าแอ็คชั่นในหนังดูแข็งแรงและกล้าแกร่ง พร้อมแทรกท่าพระช่วงไหน ใช้ท่าลิงตอนไหน ใช้ท่ายักษ์ระห่ำเวลาไหน ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีเรียนการแสดงเพิ่มเติมด้วย"

 


12. ปี 2540 รับบทเป็นสตันท์แมนแทน เจมส์ เรืองศักดิ์ ในละครทีวี "อินทรีแดง" ในฉากตีลังกาต่าง ๆ

13. ปี 2548 จา พนม ติดอันดับในรายชือ 200 ดาราหน้าใหม่ที่น่าจับตามองที่สุด ในปีนั้นมีดาราเอเซียเข้าอันดับแค่ 2 คนคือ จา พนม และ จางซิยี่

 


14. แคแรกเตอร์ "ขาม" จากองค์บาก กลายเป็นตัวโมเดลสะสม ราคาไม่ใช่ถูก ขายในอินเตอร์เน็ตราคาตัวละ 9,000 - 13,000 บาท


พบกับภาพยนตร์เรื่อง Paradox - เดือด ซัด ดิบ ผลงานล่าสุดของ จา พนม
ได้แล้ววันนี้ทุกโรงภาพยนตร์