5 ข้อคิดดีๆ จากแอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่ทำให้คุณไม่ควรพลาดชม The Emoji Movie

Movie News1 กันยายน 2560

                "The Emoji Movie : อิโมจิ App ติสต์ ตะลุยโลก" แอนิเมชั่นเรื่องล่าสุดจากค่ายโซนี พิคเจอร์สไม่เพียงบอกเล่าเนื้อหาของโลกในสมาร์ทโฟนเมื่อเหล่าอีโมจิต้องออกผจญภัยผ่านแอพต่างๆภายในเครื่อง ซึ่งเต็มไปด้วยความแปลกใหม่กับภาพของโลกสมาร์ทโฟนที่ไม่เคยถูกนำเสนอมาก่อน แต่นอกเหนือจากงานภาพที่สดใส ตัวละครน่ารัก มุกตลกชวนให้อมยิ้มแล้ว แอนิเมชั่นเรื่องนี้ยังสอดแทรกแง่คิดดีๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันและเสียดสีโลกยุคปัจจุบันกับภาพสังคมก้มหน้าได้อย่างแนบเนียนและเจ็บแสบจนอาจทำให้คนที่ให้ความสำคัญต่อโซเชียลเน็ตเวิร์คมากว่าชีวิตจริงๆหน้าชาตามๆกันไป

และนี่คือ 5 ข้อคิดดีๆจากแอนิเมชั่นเรื่องนี้ที่ทำให้คุณไม่ควรพลาดชม The Emoji Movie

1. ความสัมพันธ์ในโลกจริงๆ ย่อมดีกว่ามิตรภาพที่มีค่าแค่กด like
       เนื้อหาของ The Emoji Movie ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับอีโมจิ แต่ยังเสียดโลกของโซเชียลเน็ตเวิร์คไปในตัวด้วย เมื่อไฮไฟว์ และ ไฮไฟว์ เดินทางผ่านไปยังแอพ Facebook ซึ่งหลังจากอีโมจิตัวเอกของเรื่องเข้าไปสำรวจในแอพนั้นก็เอ่ยปากทำนองว่าอเล็กซ์ (เจ้าของเครื่องสมาร์ทโฟน) มีเพื่อนมากมายกว่าที่เขาเคยนึกเอาไว้ ก่อนที่ ไฮไฟว์ จะตอบสวนกลับไปว่า ‘นั่นไม่ใช่เพื่อนจริงๆหรอก แต่มันคือแฟนคลับ’

ยีน ผู้ช่างสงสัยจึงพูดต่อว่า ‘ถ้าแบบนั้น การออกไปหาเพื่อนจริงๆ จะไม่ดีกว่าหรอ?’
ไฮไฟว์ ก็ให้คำตอบว่า ‘เพื่อนจริงๆดันเราดังไม่ได้หรอก ต้องเป็นเพื่อนในนี้เท่านั้น’

บทสนทนาสั้นๆของตัวละครทั้งคู่อาจจะดูธรรมดา แต่ก็สะกิดใจคนในยุคนี้ที่อาจแสวงหาความสัมพันธ์ที่มีแค่ยอด like ยึดเหนี่ยวเราไว้ มากกว่ามิตรภาพจริงๆที่เราสร้างขึ้นกับเพื่อนในโลกจริงๆ คนที่เดินเข้ามาใส่ใจเรา ช่วยเหลือเรา หรือ สะกิดเราเวลาเห็นสาวที่แอบชอบเดินผ่าน


2. สุดยอดจะมีความหมายอะไร ถ้าสุดท้ายเหลือแค่เพียงเรา
        เราทุกคนย่อมมีเป้าหมายสุดยอดของชีวิต ตัวละครอีโมจิในเรื่องก็เช่นกัน เช่น ยีน ที่ต้องการตามหาระบบต้นทางภายในสมาร์ทโฟนเพื่อแก้ไขอาการ ‘รวน’ ของตน หรือ เจลเบรค อีโมจินักถอดรหัสที่ต้องการจะออกไปจากเครื่องสมาร์ทโฟนนี้ให้ได้ การมีเป้าหมายเป็นแรงผลักดันที่ดีให้ชีวิต แต่ถ้าการเดินทางสู่เป้าหมายนั้น ทำให้เราต้องทิ้งขว้างมิตรภาพหรือคนสำคัญไว้เบื้องหลัง ความสำเร็จที่เราได้มามันจะยังมีค่าอยู่หรือเปล่า เมื่อมองกลับมาแล้วไม่เหลือใครเลย ซึ่งแอนิเมชั่นก็สอดแทรกประเด็นนี้ได้เป็นอย่างดี


3. อย่าคิดว่าความแตกต่างคือความผิดปกติ
        อีโมจิ 1 ตัว บ่งบอกอารมณ์ได้ 1 อย่าง แล้วคน 1 คน จะสามารถเป็นอะไรได้มากกว่า 1 อย่างหรือเปล่า แล้วถ้าเขาเกิดมาเพื่อมีความสามารถมากกว่านั้นล่ะ? ตัวละคร ยีน เป็นตัวแทนของวัยรุ่นที่ต้องสับสนในตัวเองและออกเดินทางเพื่อค้นหาว่าเราคือใครและเกิดมาเพื่ออะไร บางครั้งความแตกต่างก็ไม่ได้แปลว่าเราจะผิดปกติ แต่อาจเป็นความพิเศษที่เราต้องน้อมรับมันก็เป็นได้


4. อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่เคยลอง
        ตัวละคร ยีน ยังเป็นประเภท ‘ถ้ายังไม่ได้ลองก็ยังไม่หมดหวัง’ หลายครั้งที่พบกับเรื่องยากลำบาก แต่ความเข้มแข็งของจิตใจและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆก็สามารถทำให้เราก้าวข้ามปัญหาตรงหน้าไปได้ โดยภายในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ เราจะได้เห็นตัวละครฝั่งอีโมจิที่อาจจะมีตื่นตูมบ้าง แต่ก็มีไม่น้อยที่กล้าลองและกล้าตัดสินใจ จนสามารถเอาชนะเรื่องยากๆตรงหน้าได้


5. อย่ามัวแต่ก้มหน้า จงเงยขึ้นมามองโลกบ้าง!
        เพียงแค่ฉากช่วงเปิดเรื่องของ The Emoji Movie ก็สะท้อนภาพสังคมของวัยรุ่นปัจจุบันได้อย่างชัดเจนกับภาพเหล่านักเรียนที่ล้วนก้มหน้าก้มตาสนใจแต่สมาร์ทโฟน จนแทบไม่เงยหน้าขึ้นมามองสิ่งรอบตัวเลย (ถึงขนาดที่ว่ามีตัวละครเดินก้มหน้าเล่นสมาร์ทโฟน จนชนกันล้มไม่เป็นท่า)
อีโมจิ อาจจะช่วยเราเมื่อยามที่เราแสดงออกกับผู้อื่นไม่ถูก แต่ก็อย่าลืมว่าหากไม่เงยหน้าจากหน้าจอมามองโลกใบนี้กันบ้าง มันอาจทำให้คุณพลาดอะไรในชีวิตไปได้เลยนะ!
 

พบกับความสนุกในโลกที่คุณไม่เคยรู้มาก่อนใน
"The Emoji Movie : อิโมจิ App ติสต์ ตะลุยโลก" วันนี้ในโรงภาพยนตร์

 

ตัวอย่างซับไทย