พลอยไพลิน จากสาวน้อยเพจดัง "พลอยเรียนจบแล้วทำอะไรต่อ?" สู่นางเอกภาพยนตร์เรื่องแรก "Low Season สุขสันต์วันโสด"
จากเจ้าของเพจ "พลอยเรียนจบแล้วทำอะไรต่อ?" เด็กสาวทรานส์-ไซบีเรียผู้ออกเดินทางค้นหาตัวตนความเป็นตัวเองใน 8 ประเทศ 37 วัน พร้อมด้วยผลงานการเขียนหนังสือเล่มแรกของเธอ "วิชาเดินทางหลังเลิกเรียน" พ่วงด้วยตำแหน่งน้องสาวของนางเอกช่อง 7 สีอย่าง "พิม-พิมประภา ตั้งประภาพร"
ด้วยโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดาของนางเอกสาวคนนี้จึงทำให้ผู้กำกับอย่าง "เป้-นฤบดี เวชกรรม" ต้องใจเข้าอย่างจัง และท้ายที่สุดได้เลือกพลอยไพลินมารับบท "หลิน" ใน "Low Season สุขสันต์วันโสด" ภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดจาก "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล"
"Low Season สุขสันต์วันโสด" เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร
เป็นเรื่องของ "หลิน" สาวออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่งที่มีซิกซ์เซนส์เห็นผี ต้องมาอกหักจากแฟนหนุ่มที่เป็นซุป’ตาร์ เลยอยากจะ Move On ให้ได้ จึงเลือกวิธีเจ็บแต่จบ เริ่มที่ไหนจบที่นั่น ทำให้ต้องออกเดินทางไปท่องเที่ยว เพราะอยากหายพัง แต่ดันไปเจอคนที่เพิ่งโสดมาเหมือนกันบนดอยซึ่งเป็นโฮมสเตย์ที่หลินไปพัก จากโฮมสเตย์ที่คิดว่าจะไปพักรักษาใจ กลายเป็นแหล่งบำบัดของคนพังไปซะงั้น แถมยังต้องไปเจอกับ "พุธ" (มาริโอ้ เมาเร่อ) นักเขียนบทที่มาหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทหนังผีแมสๆ ด้วยปัจจัยอะไรหลายๆ อย่างทำให้ต้องไปช่วยเหลือเขาในการเขียนบท เรื่องราวทั้งหมดจึงเริ่มต้นขึ้นค่ะ
ความท้าทายที่ต้องเผชิญในการรับบทนางเอกภาพยนตร์เรื่องแรกของชีวิต รู้สึกอย่างไรบ้าง
เป็นนางเอกเรื่องแรกทั้งกดดันและท้าทายมากค่ะ พลอยคิดว่าพลอยเป็นใครก็ไม่รู้ คนจะมาดูพลอยไหม ซึ่งพลอยก็ต้องทำการบ้านค่อนข้างเข้มเลย เพราะก่อนถ่ายทำก็จะมีไป Workshop ด้วย แต่ทางผู้กำกับไม่อยากให้ Workshop จนเสียตัวตนเรา เพราะเขาเขียนหนังเรื่องนี้จากที่เป็นเราอยู่แล้วค่ะ ผู้กำกับบอกว่าอยากได้ความเป็นธรรมชาติ ก็เลยต้องไป Workshop เพื่อให้เข้าใจตัวละคร ด้วยความที่หนังเรื่องนี้ไปถ่ายต่างจังหวัด มันไกลแล้วก็ต้องเข้าป่าลุย ก็ค่อนข้างจะท้าทายพลอยอยู่ค่ะ
กว่าจะมาเป็น "หลิน" ของพลอยไพลินกับการทาบทามนานถึง 2 ปี จนคิดว่าเกือบโดนหลอกเสียแล้ว
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีกว่า ไม่รู้ว่า "พี่แอน" (โปรดิวเซอร์) หรือใครติดต่อมาค่ะ พี่เขาบอกว่าจะมีหนัง อยากให้พลอยมาเล่น มันเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วคาแร็กเตอร์พลอยได้ เขาก็เล่าคร่าวๆ ให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ฟังแล้วมันสนุกดี ก็เลยอยากรู้ว่าตอนจบเป็นอย่างไร เราเลยถามผู้กำกับ ซึ่งพี่เป้ก็บอกว่าพี่ยังเขียนบทอยู่เลย จนสุดท้ายมันนานจนเราตัดใจไปแล้วว่าคงไม่ได้เล่นหรอก แล้วพี่แอนก็ติดต่อกลับมาจริงๆ บอกว่าบทเสร็จแล้วนะพร้อมที่จะให้เล่นแล้วค่ะ
"หลิน" ในมุมมองของ "พลอยไพลิน" เป็นคนอย่างไร
"หลิน" เขาจะเป็นคนค่อนข้างจะสู้ แต่เพื่อคนที่เรารักอะไรๆ ก็ยอม "พี่ต่อ" (ซุง กิดาการ) คือ Only One ไม่มีอะไรมากกว่าเขาอีกแล้ว เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่มันไม่ไหวแล้วก็จะตัดขาดก็ตัดให้มันจบๆ ไปเลย คิดว่าตัวละครของหลินนี่น่าจะ Based on True Story ของใครหลายๆ คนที่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงและผู้ชาย เพราะเราเชื่อว่าการที่คนจะออกเดินทางคนเดียวมันต้องมีเหตุผล คือบางคนอาจจะต้องการไปเที่ยวพักผ่อน แต่เราว่าเหตุผลส่วนใหญ่คืออกหัก หลินเหมือนเป็นกระจกสะท้อนตัวตนของใครหลายๆ คนที่อกหักแล้วต้องการจะเยียวยา เพราะอยู่ที่เดิมแล้วมันลืมภาพเก่าไม่ได้ก็ต้องตัดขาดโดยการออกเดินทางไปเที่ยวเพื่อให้ลืม
แล้วตัวละคร "หลิน" มีความเหมือนหรือต่างจากตัวตนของ "พลอย" มากน้อยขนาดไหน
คือค่อนข้างมีความใกล้เคียง เป็นคนที่ห้าวๆ เหมือนที่พี่เป้บอกว่าเล่นเป็นตัวเรา รู้สึกอย่างไรก็แค่โวยวายแบบนั้น เราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แล้วด้วยความที่ต้องกลัวผีเราก็กลัวผีจริงๆ และเป็นคนที่ซาบซึ้งกับธรรมชาติทุกอย่าง มองโลกในแง่บวก หลินก็เป็นผู้หญิงแบบเรานะ ถ้าตามนิสัยส่วนที่ไม่เหมือนกันเลยก็น่าจะเป็นแค่เรื่องเดียวคือ หลินไม่เคยพบโลก ไม่เคยรู้ว่าการท่องเที่ยวเป็นยังไงค่ะ
จาก "พี่โชนของน้ำ" กลายมาเป็น "พุธของหลิน" เป็นอย่างไรบ้างการทำงานกับ "มาริโอ้ เมาเร่อ"
ตื่นเต้นค่ะ เพราะว่าถ้าคนที่รู้จักเราจริงๆ อย่าง "พี่พิม" (พิมประภา ตั้งประภาพร) จะรู้เลยว่าเราเป็นคนที่ชอบดารามาก ชอบศิลปิน เป็นแฟนคลับ แล้วตอนที่เจอ "พี่มาริโอ้" ครั้งแรกตอนฟิตติ้งกรี้ดเลย เพราะพี่มาริโอ้คือพี่โชนของน้องน้ำที่เราดูตอน "สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก" (2553) วันนี้เราก็ได้เป็น "หลิน" กับ "พุธ" นะคะ คนที่เราดูตอนนั้นมาทำงานกับเราตอนนี้ เราก็กดดัน เพราะเราอยากให้รู้สึกว่าเขาภูมิใจที่แบบได้ทำงานกับเรา อยากทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ผิดหวังที่เลือกเรามา ไม่ใช่แค่พี่มาริโอ้ แต่ทั้ง "พี่แอน" (โปรดิวเซอร์), "พี่เป้" (ผู้กำกับ) และทุกคนที่รู้สึกว่าเขาให้โอกาสเรามาแล้ว เราอยากให้เขาภูมิใจ
ฉากไหนที่พลอยคิดว่าลุยเละทรหดที่สุดแล้ว
ที่พลอยรู้สึกว่าโหดที่สุดน่าจะเป็นวันที่ถ่ายทำนาขั้นบันได เพราะมันลื่นมากค่ะ มันไม่ได้โหดที่แอคชั่นหรือแอคติ้ง แต่มันโหดตรงที่ตอนเดินเข้าไป ต้องนั่งรถโฟร์วิี กว่าจะได้เข้าไป กว่าจะแบกของ กว่าจะลุย เป็นนาขั้นบันไดที่ลื่นมากจนต้องเกร็งขาเลยค่ะ วันนั้นเลยเหนื่อยมาก มันไม่ได้ถ่ายทำแค่ที่เดียว แต่ต้องย้ายโลเคชันด้วย มันต้องนั่งรถไปอีกที่นึงและเดินข้ามไปอีกที่หนึ่ง มันค่อนข้างเหนื่อยเดินทาง ซึ่งทุกคนลื่นหกล้มกันเกือบหมดเลยค่ะ เพราะวันแรกที่ไปถ่ายทำที่นั่นไม่มีใครรู้ว่าสถานที่ถ่ายทำมันเป็นอย่างไร และทีมงานไม่ได้เตรียมตัวเลย อย่างการใส่สตัดดอย (รองเท้ากันลื่น) ค่ะ ก็ลื่นล้มกันไปเป็นโดมิโนเชียว
ความพิเศษหรือเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่ผู้ชมจะได้เห็นใน "Low Season"
เราว่าหนังเรื่องนี้มีความผสมผสานกันในหลายๆ ด้าน ทั้งความโรแมนติก ผสมกับการเที่ยว กลิ่นไอของความเหงา ที่ทั้งฝน เที่ยวคนเดียว แต่มันก็ไม่ได้เหงาเพราะมีเพื่อนแปลกหน้าที่คอยมาสร้างเรื่องราวสนุกๆ ตลกๆ ให้เรา มีตลกด้วย มีผีเข้ามาอีก คือทุกอย่างมันเป็นการผสมผสานกันในเรื่องเดียว หนังเรื่องหนึ่งมันมีหลายมุมมองหลายความรู้สึกให้เราได้สัมผัส แล้วด้วยความที่ว่าหนังถ่ายหน้า Low Season จริงๆ ต้นไม้ ฝน หมอก ความหนาว แสงแดด หรืออย่างความชื้น โคลน ลื่น ทุกอย่างมันคือจริงหมดเลย จะได้เห็นความเรียล ไม่ใช่แค่ตัวละคร แต่ทั้งสภาพอากาศคือความจริงหมด สถานที่ที่เราไปถ่ายทำมันก็มีอยู่จริงๆ มีบ้านพักจริงๆ ที่เป็นเรื่องราวนั้นจริงๆ คือทุกอย่างมันเกือบจะ Based on True Story เคยเกิดขึ้นจริงกับคนๆ หนึ่ง แล้วก็มาดัดแปลงให้มีเรื่องราวมากขึ้น
ฝากภาพยนตร์เรื่อง "Low Season"
ฝากภาพยนตร์เรื่องแรกของพลอยด้วยนะคะ เรื่องนี้พลอยตั้งใจทำมากจริงๆ ไม่ใช่แค่พลอยแต่นักแสดงทุกคน ทีมงานทุกคน ผู้กำกับ ทุกๆ คน แม้กระทั่งฝ่าย PR ทุกคนก็ตั้งใจอยากจะทำหนังเรื่องนี้ออกมาให้ดีจริงๆ แล้วเราก็เชื่อว่าหนังเรื่องนี้มันจะทำให้ทุกคนเห็นมุมมองใหม่ๆ ของทั้งการท่องเที่ยวไทย ว่าประเทศไทยมีความสวยงามอย่างไร และความสนุกของหนังที่ทั้งตลก โรแมนติก มีความน่ากลัว มีความเป็นมากกว่าหนังโรแมนติกคอเมดี้ทั่วไป เราว่าหนังเรื่องนี้น่าจะให้อะไรกับคนดูได้บ้าง แล้วเราก็หวังว่าหนังเรื่องแรกของพลอยจะได้รับความเอ็นดูจากทุกๆ คนนะคะ
ตัวอย่างภาพยนตร์